สวัสดีค่ะเรามาจากเพจ หมีกะต่าย
https://www.facebook.com/BearAndBit เป็นเพจใหม่ขอฝากด้วยนะคะ
ทริปนี้เราไปกับทัวร์ค่ะ (โปรแกรมkorea plus special) ค่าใช้จ่าย 4วัน2คืน 11,900บาท ไม่รวมทิปไกด์และอื่นๆ (เด๋วจะมาเฉลยว่าอื่นๆนั้นมีอะไรบ้าง)
นี่เป็นการไปเกาหลีครั้งแรกของหมีค่ะ ส่วนต่ายเคยไปเกาหลีมาแล้วครั้งนึง
ขอเริ่มที่การเดินทางก่อนนะคะ ทัวร์นี้ใช้บริการของสายการบิน low cost สัญชาติเกาหลี eastar jet airline นัดcheck inที่สุวรรณภูมิ 23.30น. โดยไม่มีไกด์เดินทางไปพร้อมกับคณะทัวร์นะคะ ไกด์จะรอรับอยู่ที่เกาหลี ก่อนเดินทางทางagencyที่หมีกะต่ายซื้อทัวร์แจ้งมาว่าให้เตรียมเงินไปจ่ายในส่วนของประกันการท่องเที่ยวร่วมกับทัวร์ ว่าเราจะไม่หนีไปเป็นโรบินฮู้ด จะเดินทางกลับไทยพร้อมคณะเป็นเงิน 5,000บาท (แต่เอาจริงๆไม่ได้เก็บ)
กรุ๊ปทัวร์ที่ไปเกาหลีครั้งนี้มี 2 bus ลูกทัวร์ประมาณ30คนต่อ 1bus
Flight ZE514 ออกจากสุวรรณภูม ิ3:00น เราเลยใช้เวลาที่ king power lounge เพื่อหาอะไรรองท้องก่อนขึ้นเครื่อง ที่เลาจ์มีสปาเกตตี้คาโบนาราร้อนๆ พอคลายหิว สายการบิน eastar jet มีแจกแค่น้ำดื่มนะคะ ไม่มีบริการอาหาร แต่สามารถซื้อ snack บนเครื่องได้ แต่ราคาก็นั่นแหละ สูงนิดนึง มาม่าคัพราคา 4000วอน หรือ 120บาท แพงไปนะ
และเมื่อมาถึงเกาหลีขั้นตอนที่สำคัญที่คนไทยส่วนใหญ่กล้วนั่นก็คือการผ่าน ตม เกาหลีนั่นเอง
หมีกะต่ายไม่ทราบจริงๆว่า ตม เกาหลี ใช้เกณฑ์อะไรตัดสิน อาจจะดูโหวงเฮ้งร่วมกับการพิจารณาต่างๆนานา ระหว่างต่อแถวรอก็เห็นมีคนไทยโดนเชิญไปห้องเย็นหลายคนเหมือนกัน กรุ๊ปที่หมีกะต่ายไป ลูกทัวร์หายไปสามคน ไม่รู้เหมือนกันว่ารอดจาก ตม แล้วหาย หรือโดน ตม กักไว้
_____________________________________________________________________________________
Autumn in Korea...
วันที่ 1 (30 ต.ค. 2560) วันนี้เป็นวันที่อากาศหนาวที่สุดในฤดูใบไม้ร่วงของเกาหลี(อุณหภูมิต่ำสุด3องศาและสูงสุดเพียง13องศา) หมีออกอาการตื่นเต้นกับอากาศหนาวอยู่ไม่น้อย ก็ที่ไทยมันร้อนอ่ะ...หมีบอกว่าอย่างงั้น
หมีกะต่ายผ่าน ตม เรียบร้อย ตม ที่นี่ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เท่าที่เห็นเค้าถามแค่ว่ามากี่คืน แต่หมีกะต่ายไม่โดนถามเลยค่ะ ขนาดหมีเค้าเปิดแค่หน้าพาสปอตขาวก็ผ่านได้ ออกมาพบกับไกด์สาวคนไทยชื่อน้องk.(นามสมมติ) และหนุ่มเกาหลี 1 คนที่จะคอยบริการท่าน และถ่ายรูปให้ตลอดการท่องเที่ยวในครั้งนี้ รอต้อนรับคณะทัวร์อยู่
ไกด์ให้เวลาเราล้างหน้าล้างตา โบ๊ะแป้งก่อน พอขึ้นรถบัสแล้วเราก็จะเจอชาวเกาหลีที่จะนั่งรถไปกับเราอีก 1 คนค่ะ ไกด์บอกว่าคนๆนี้คือคนของรัฐบาลที่จะคอยอัดเสียงเวลาไกด์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศของเค้าเพื่อไม่ให้มีการผิดพลาดเกิดขึ้นค่ะ ถ้าใครที่ซื้อทัวร์ไปแล้วไม่มีคนๆนี้ ให้สงสัยได้เลยว่าเป็นทัวร์เถื่อนค่ะ
เริ่มเดินทางแน่นอนกองทัพต้องเดินด้วยท้องค่ะ ที่แรงที่เราจะไปคือร้านอาหาร ซึ่งอยู่ห่างจากสนามบินประมาณ 10 นาที ค่ะ โดยมื้อแรกนี้คือเมนู จิมดัก
เป็นเนื้อไก่ต้มในน้ำซุปร้อนๆกับวุ้นเส้นเกาหลีและผัก กินคู่กับเครื่องเคียงเกาหลีสามสี่อย่าง พวกกิมจิ สาหร่าย อะไรพวกนี้ (ทุกมื้อที่กินมีสาหร่ายกับกิมจิค่ะ หมีว่าสาหร่ายอร่อย กินๆมันเข้าไป) วุ้นเกาหลีจะเส้นใหญ่เหมือนเส้นบุกแต่ทำมาจากมันสำปะหลัง(ไกด์บอก) รสชาติก้อพอเอาตัวรอดไปได้นะ
กินข้าวเสร็จ ก็ออกเดินทางไปเกาะนามิ ซึ่งเป็นเกาะที่สร้างขึ้น กลางแม่น้ำฮัน เป็นที่ระลึกถึงนายพลนามิ นายทหารเกาหลี ประวัติอันนี้ฟังมาจากไกด์อีกเช่นกัน
เรือที่จะพาเราไปเกาะนามิค่ะ
ช่วงที่หมีกะต่ายมาเกาหลี เป็นช่วงที่ดีมากๆเนื่องจาก ใบไม้กำลังเหลืองแดงส้มแบบพีคๆเลย นามิจึงสวยมากๆ
คนเยอะมากเช่นกัน...
ที่นามิ ไกด์แนะนำให้ไปกินฮอทดอกในตำนาน ที่บอกว่าอร่อยมาก(2500วอน เป็นเงินไทยก็75บาทได้)
แต่หมีกะต่ายไปโดนแล้ว รุสึกงั้นๆนะ 5555 ข้างนอกของฮอทดอกจะกรอบ ด้านในจะฉ่ำๆหน่อย แต่เอาจริง ในราคานี้เคยกินที่อร่อยกว่านี้ 555
หมีบอกว่าซื้อกินตามร้านสะดวกซื้อก้ได้รสชาติคล้ายๆกัน แต่ยังไงควรลองชิมน้า ลิ้นเรารับรสได้ไม่เท่ากัน
ถัดจากเกาะนามิก็ไปหมู่บ้านฝรั่งเศส la petite ขอบอกเลยว่า ไม่น่าสนใจเลย คล้าย palio เขาใหญ่บ้านเราแต่เล็กกว่า สีหมู่บ้านดูซีดๆ น่าจะไม่ได้ใช้สี TOA หมู่บ้านเล็กนิดเดียว เดินแปปเดียวก็หมด ถ้าไปเที่ยวเองแล้วคุณมีเวลาไม่มาก แนะนำเลยว่าไม่ต้องไปน่าจะดีกว่า
ก่อนเข้ากรุงโซล ไกด์พาไปกินมื้อเย็น เป็นเมนูหมูย่างเกาหลี ย่างหมูบนเตาถ่าน ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ
คีบหมู กิมจิ สาหร่าย ข้าว วางบนผักกาด ห่อเปนคำ แล้วกินในคำเดียว รสชาติหมูหมักออกหวานๆ ตัดกับรสกิมจิซึ่งจะเปรี้ยวและเค็ม หมีกะต่ายให้ผ่านจร้าาา
ที่สุดท้ายของวัน seouLLo 7017 สะพานใหญ่กลางกรุงโซล ที่มาของชื่อมาจาก ชื่อกรุงโซล ตัว LL พอมาติดกันจะเหมือนขาคน สื่อถึงการเดิน 70 มาจากสะพานนี้เดิมสร้างเมื่อปี 1970 แต่ไม่ได้ใช้ทำอะไรจึงทำการรีโนเวทใหม่ในปี 2017 รวมเป็น 7017
บริเวณด้านบนสะพานถูกประกอบด้วยต้นไม้กว่า 200 ชนิด แต่ละต้นก้มีชื่อบอกอยู่ด้านล่าง ไกดบอกว่าถ้ามาตินกลางคืนจะสวยกว่าในตอนกลางวันเนื่องจากจะมีการเปิดไฟสีฟ้า ทำให้ดูสวยงามยิ่งขึ้นค่ะ เราอยู่ที่นี่กันไม่นานเพราะด้านบนสะพานก็ไม่มีอะไรเท่าไหร่ เหมาะเปนที่เดินชิวๆค่ะ
จบโปรแกรมเที่ยววันที่ 1 แล้วเราก็เดินทางกลับโรงแรมกัน โรงแรมที่เราพักกันใน 2 คืนนี้ชื่อว่า shilla stay hotel ย่าน guro ค่ะ เป็นโรงแรมระดับสี่ดาว ลองส่องดูใน agoda คืนละประมาณ 2800 บาทค่ะ
ด้านในห้องพักของโรงแรมจัดว่าโอเค แต่คิดว่าโรงแรม 4 ดาวในไทยหรูกว่า ประตูห้องน้ำที่นี่เป็นแบบสไลด ถ้ามาเป็นคู่รักจะดีกว่ามากับเพื่อนนะคะ เพราะบานประตูสไลดล็อคไม่ได้ มันก็จะหวิวๆ สยิวหน่อย
_____________________________________________________________________________________
วันที่ 2 (31 ต.ค. 2560)
เช้าตรู่ตามประสาทัวร์ ตื่น6 กินข้าว7 ล้อหมุน8
สถานที่ช่วงเช้าที่เราไปกัน เป็นร้านขายของที่ทางทัวพาไปซื้อนั่นก็คือร้านขายสนเข็มแดง และร้านขายอุปกรณ์แต่งหน้าดูแลผิวทั้งหลายแหล่ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องสำอางน้ำแตก ครีมน้ำแตก ครีมรวมๆก็ประมาณเซทละหมื่นได้ค่ะ
หลังจากช็อปเสดแล้วเราก็ไปกินอาหารเที่ยงกันต่อ สำหรับอาหารเที่ยงมื้อนี้ คือออ ชาบูเกาหลี ค่ะ หน้าตาก็ประมาณชาบูปกติเลย รสชาติอร่อยใช้ได้ค่ะ อากาศหนาวกับของร้อนนี้มันเข้ากั๊น เข้ากัน
อิ่มหนำสำราญกระเพาะทำงานดีแล้ว เราไปต่อกันเล้ยย
สถานที่ต่อมาคือตึกสูงงงงง Lotte Seoul Sky นั่นเองค่ะ ตึกนี้เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 เมษา 2560 นี่เองค่ะ
เค้าบอกว่าที่นี่สูงเป็นอันดับที่ 5 ของโลก มีทั้งหมด 123 ชั้น เราก็ตามๆคณะทัวไปขึ้นถึงชั้น 118 โดยเค้าบอกว่าเป็น ลิฟต์โดยสารคู่ที่เร็วที่สุด! ใช้เวลาเพียง 1 นาทีก็ถึงชั้นที่ 117 แล้ว ซึ่งระหว่างขึ้นเค้าก็เปิดวิดีโอภายในลิฟต์ให้ชมเพลินๆกันไปค่ะ
มองลงไปเห็น Lotte World ได้เลยค่ะ
หลังจากขึ้นไปเสียวไส้กับความสูงข้างบนแล้ว เราก็ลงมาเล่นเครื่องเล่นที่สวนสนุก Lotte World กันต่อ ช่วงที่หมีกะต่ายมาเป็นช่วง Halloween พอดีเค้าก็มีกิจกรรมแต่งหน้า ละก็เหมือนจะมีบ้านผีสิงที่น่าจะมีกิจกรรมพิเศษด้วย(มั้ง) หมีกะต่ายตอนแรกจะไปเล่น Roller Coaster แต่คิดว่าไม่น่าทันเพราะคนต่อแถวยาวมากก เราเลยเปลี่ยนเป็นเดินเล่นรับลมหนาวกันฟินๆแทนค่ะ ถึงจริงๆจะอยากเล่นมากกว่าก็เหอะ 5555
เดินเล่นดูคนเล่นเครื่องเล่นที่เราอยากเล่นแต่ไมได้เล่นกันพอแล้ว สถานที่ต่อไปคือ Seoul N tower สถานที่ ที่มีความความมุ้งมิ้ง ฟรุ่งฟริ้ง
ที่นี่เราไม่ได้ขึ้นไปบนหอคอยกันนะคะ กิจกรรมยอดฮิตของคู่รักทั้งหลายแหล่ที่มาเกาหลี ก็คือ “คล้องกุญแจคู่รัก” นั่นเองค่ะ สำหรับคนที่ไม่ได้เตรียมมา ที่นี้เค้าก็มีขายนะคะไม่ต้องห่วงว่ามาแล้วจะอดคล้อง อิอิ นอกจากคล้องกุญแจแล้วบรรยากาศทางขึ้นก็สวย ถ่ายรูปสวยๆได้ตามสบายเลยค่ะ
รีวิว ทัวร์เกาหลี 4 วัน 3 คืน ใบไม้แดง 29 ต.ค. 60 ถึง 1 พ.ย. 60 ค่ะ
ทริปนี้เราไปกับทัวร์ค่ะ (โปรแกรมkorea plus special) ค่าใช้จ่าย 4วัน2คืน 11,900บาท ไม่รวมทิปไกด์และอื่นๆ (เด๋วจะมาเฉลยว่าอื่นๆนั้นมีอะไรบ้าง)
นี่เป็นการไปเกาหลีครั้งแรกของหมีค่ะ ส่วนต่ายเคยไปเกาหลีมาแล้วครั้งนึง
ขอเริ่มที่การเดินทางก่อนนะคะ ทัวร์นี้ใช้บริการของสายการบิน low cost สัญชาติเกาหลี eastar jet airline นัดcheck inที่สุวรรณภูมิ 23.30น. โดยไม่มีไกด์เดินทางไปพร้อมกับคณะทัวร์นะคะ ไกด์จะรอรับอยู่ที่เกาหลี ก่อนเดินทางทางagencyที่หมีกะต่ายซื้อทัวร์แจ้งมาว่าให้เตรียมเงินไปจ่ายในส่วนของประกันการท่องเที่ยวร่วมกับทัวร์ ว่าเราจะไม่หนีไปเป็นโรบินฮู้ด จะเดินทางกลับไทยพร้อมคณะเป็นเงิน 5,000บาท (แต่เอาจริงๆไม่ได้เก็บ)
กรุ๊ปทัวร์ที่ไปเกาหลีครั้งนี้มี 2 bus ลูกทัวร์ประมาณ30คนต่อ 1bus
Flight ZE514 ออกจากสุวรรณภูม ิ3:00น เราเลยใช้เวลาที่ king power lounge เพื่อหาอะไรรองท้องก่อนขึ้นเครื่อง ที่เลาจ์มีสปาเกตตี้คาโบนาราร้อนๆ พอคลายหิว สายการบิน eastar jet มีแจกแค่น้ำดื่มนะคะ ไม่มีบริการอาหาร แต่สามารถซื้อ snack บนเครื่องได้ แต่ราคาก็นั่นแหละ สูงนิดนึง มาม่าคัพราคา 4000วอน หรือ 120บาท แพงไปนะ
และเมื่อมาถึงเกาหลีขั้นตอนที่สำคัญที่คนไทยส่วนใหญ่กล้วนั่นก็คือการผ่าน ตม เกาหลีนั่นเอง
หมีกะต่ายไม่ทราบจริงๆว่า ตม เกาหลี ใช้เกณฑ์อะไรตัดสิน อาจจะดูโหวงเฮ้งร่วมกับการพิจารณาต่างๆนานา ระหว่างต่อแถวรอก็เห็นมีคนไทยโดนเชิญไปห้องเย็นหลายคนเหมือนกัน กรุ๊ปที่หมีกะต่ายไป ลูกทัวร์หายไปสามคน ไม่รู้เหมือนกันว่ารอดจาก ตม แล้วหาย หรือโดน ตม กักไว้
_____________________________________________________________________________________
Autumn in Korea...
วันที่ 1 (30 ต.ค. 2560) วันนี้เป็นวันที่อากาศหนาวที่สุดในฤดูใบไม้ร่วงของเกาหลี(อุณหภูมิต่ำสุด3องศาและสูงสุดเพียง13องศา) หมีออกอาการตื่นเต้นกับอากาศหนาวอยู่ไม่น้อย ก็ที่ไทยมันร้อนอ่ะ...หมีบอกว่าอย่างงั้น
หมีกะต่ายผ่าน ตม เรียบร้อย ตม ที่นี่ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เท่าที่เห็นเค้าถามแค่ว่ามากี่คืน แต่หมีกะต่ายไม่โดนถามเลยค่ะ ขนาดหมีเค้าเปิดแค่หน้าพาสปอตขาวก็ผ่านได้ ออกมาพบกับไกด์สาวคนไทยชื่อน้องk.(นามสมมติ) และหนุ่มเกาหลี 1 คนที่จะคอยบริการท่าน และถ่ายรูปให้ตลอดการท่องเที่ยวในครั้งนี้ รอต้อนรับคณะทัวร์อยู่
ไกด์ให้เวลาเราล้างหน้าล้างตา โบ๊ะแป้งก่อน พอขึ้นรถบัสแล้วเราก็จะเจอชาวเกาหลีที่จะนั่งรถไปกับเราอีก 1 คนค่ะ ไกด์บอกว่าคนๆนี้คือคนของรัฐบาลที่จะคอยอัดเสียงเวลาไกด์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศของเค้าเพื่อไม่ให้มีการผิดพลาดเกิดขึ้นค่ะ ถ้าใครที่ซื้อทัวร์ไปแล้วไม่มีคนๆนี้ ให้สงสัยได้เลยว่าเป็นทัวร์เถื่อนค่ะ
เริ่มเดินทางแน่นอนกองทัพต้องเดินด้วยท้องค่ะ ที่แรงที่เราจะไปคือร้านอาหาร ซึ่งอยู่ห่างจากสนามบินประมาณ 10 นาที ค่ะ โดยมื้อแรกนี้คือเมนู จิมดัก
เป็นเนื้อไก่ต้มในน้ำซุปร้อนๆกับวุ้นเส้นเกาหลีและผัก กินคู่กับเครื่องเคียงเกาหลีสามสี่อย่าง พวกกิมจิ สาหร่าย อะไรพวกนี้ (ทุกมื้อที่กินมีสาหร่ายกับกิมจิค่ะ หมีว่าสาหร่ายอร่อย กินๆมันเข้าไป) วุ้นเกาหลีจะเส้นใหญ่เหมือนเส้นบุกแต่ทำมาจากมันสำปะหลัง(ไกด์บอก) รสชาติก้อพอเอาตัวรอดไปได้นะ
กินข้าวเสร็จ ก็ออกเดินทางไปเกาะนามิ ซึ่งเป็นเกาะที่สร้างขึ้น กลางแม่น้ำฮัน เป็นที่ระลึกถึงนายพลนามิ นายทหารเกาหลี ประวัติอันนี้ฟังมาจากไกด์อีกเช่นกัน
ช่วงที่หมีกะต่ายมาเกาหลี เป็นช่วงที่ดีมากๆเนื่องจาก ใบไม้กำลังเหลืองแดงส้มแบบพีคๆเลย นามิจึงสวยมากๆ
ที่นามิ ไกด์แนะนำให้ไปกินฮอทดอกในตำนาน ที่บอกว่าอร่อยมาก(2500วอน เป็นเงินไทยก็75บาทได้)
แต่หมีกะต่ายไปโดนแล้ว รุสึกงั้นๆนะ 5555 ข้างนอกของฮอทดอกจะกรอบ ด้านในจะฉ่ำๆหน่อย แต่เอาจริง ในราคานี้เคยกินที่อร่อยกว่านี้ 555
หมีบอกว่าซื้อกินตามร้านสะดวกซื้อก้ได้รสชาติคล้ายๆกัน แต่ยังไงควรลองชิมน้า ลิ้นเรารับรสได้ไม่เท่ากัน
ถัดจากเกาะนามิก็ไปหมู่บ้านฝรั่งเศส la petite ขอบอกเลยว่า ไม่น่าสนใจเลย คล้าย palio เขาใหญ่บ้านเราแต่เล็กกว่า สีหมู่บ้านดูซีดๆ น่าจะไม่ได้ใช้สี TOA หมู่บ้านเล็กนิดเดียว เดินแปปเดียวก็หมด ถ้าไปเที่ยวเองแล้วคุณมีเวลาไม่มาก แนะนำเลยว่าไม่ต้องไปน่าจะดีกว่า
ก่อนเข้ากรุงโซล ไกด์พาไปกินมื้อเย็น เป็นเมนูหมูย่างเกาหลี ย่างหมูบนเตาถ่าน ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ
คีบหมู กิมจิ สาหร่าย ข้าว วางบนผักกาด ห่อเปนคำ แล้วกินในคำเดียว รสชาติหมูหมักออกหวานๆ ตัดกับรสกิมจิซึ่งจะเปรี้ยวและเค็ม หมีกะต่ายให้ผ่านจร้าาา
ที่สุดท้ายของวัน seouLLo 7017 สะพานใหญ่กลางกรุงโซล ที่มาของชื่อมาจาก ชื่อกรุงโซล ตัว LL พอมาติดกันจะเหมือนขาคน สื่อถึงการเดิน 70 มาจากสะพานนี้เดิมสร้างเมื่อปี 1970 แต่ไม่ได้ใช้ทำอะไรจึงทำการรีโนเวทใหม่ในปี 2017 รวมเป็น 7017
บริเวณด้านบนสะพานถูกประกอบด้วยต้นไม้กว่า 200 ชนิด แต่ละต้นก้มีชื่อบอกอยู่ด้านล่าง ไกดบอกว่าถ้ามาตินกลางคืนจะสวยกว่าในตอนกลางวันเนื่องจากจะมีการเปิดไฟสีฟ้า ทำให้ดูสวยงามยิ่งขึ้นค่ะ เราอยู่ที่นี่กันไม่นานเพราะด้านบนสะพานก็ไม่มีอะไรเท่าไหร่ เหมาะเปนที่เดินชิวๆค่ะ
จบโปรแกรมเที่ยววันที่ 1 แล้วเราก็เดินทางกลับโรงแรมกัน โรงแรมที่เราพักกันใน 2 คืนนี้ชื่อว่า shilla stay hotel ย่าน guro ค่ะ เป็นโรงแรมระดับสี่ดาว ลองส่องดูใน agoda คืนละประมาณ 2800 บาทค่ะ
ด้านในห้องพักของโรงแรมจัดว่าโอเค แต่คิดว่าโรงแรม 4 ดาวในไทยหรูกว่า ประตูห้องน้ำที่นี่เป็นแบบสไลด ถ้ามาเป็นคู่รักจะดีกว่ามากับเพื่อนนะคะ เพราะบานประตูสไลดล็อคไม่ได้ มันก็จะหวิวๆ สยิวหน่อย
_____________________________________________________________________________________
วันที่ 2 (31 ต.ค. 2560)
เช้าตรู่ตามประสาทัวร์ ตื่น6 กินข้าว7 ล้อหมุน8
สถานที่ช่วงเช้าที่เราไปกัน เป็นร้านขายของที่ทางทัวพาไปซื้อนั่นก็คือร้านขายสนเข็มแดง และร้านขายอุปกรณ์แต่งหน้าดูแลผิวทั้งหลายแหล่ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องสำอางน้ำแตก ครีมน้ำแตก ครีมรวมๆก็ประมาณเซทละหมื่นได้ค่ะ
หลังจากช็อปเสดแล้วเราก็ไปกินอาหารเที่ยงกันต่อ สำหรับอาหารเที่ยงมื้อนี้ คือออ ชาบูเกาหลี ค่ะ หน้าตาก็ประมาณชาบูปกติเลย รสชาติอร่อยใช้ได้ค่ะ อากาศหนาวกับของร้อนนี้มันเข้ากั๊น เข้ากัน
อิ่มหนำสำราญกระเพาะทำงานดีแล้ว เราไปต่อกันเล้ยย
สถานที่ต่อมาคือตึกสูงงงงง Lotte Seoul Sky นั่นเองค่ะ ตึกนี้เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 เมษา 2560 นี่เองค่ะ
เค้าบอกว่าที่นี่สูงเป็นอันดับที่ 5 ของโลก มีทั้งหมด 123 ชั้น เราก็ตามๆคณะทัวไปขึ้นถึงชั้น 118 โดยเค้าบอกว่าเป็น ลิฟต์โดยสารคู่ที่เร็วที่สุด! ใช้เวลาเพียง 1 นาทีก็ถึงชั้นที่ 117 แล้ว ซึ่งระหว่างขึ้นเค้าก็เปิดวิดีโอภายในลิฟต์ให้ชมเพลินๆกันไปค่ะ
หลังจากขึ้นไปเสียวไส้กับความสูงข้างบนแล้ว เราก็ลงมาเล่นเครื่องเล่นที่สวนสนุก Lotte World กันต่อ ช่วงที่หมีกะต่ายมาเป็นช่วง Halloween พอดีเค้าก็มีกิจกรรมแต่งหน้า ละก็เหมือนจะมีบ้านผีสิงที่น่าจะมีกิจกรรมพิเศษด้วย(มั้ง) หมีกะต่ายตอนแรกจะไปเล่น Roller Coaster แต่คิดว่าไม่น่าทันเพราะคนต่อแถวยาวมากก เราเลยเปลี่ยนเป็นเดินเล่นรับลมหนาวกันฟินๆแทนค่ะ ถึงจริงๆจะอยากเล่นมากกว่าก็เหอะ 5555
เดินเล่นดูคนเล่นเครื่องเล่นที่เราอยากเล่นแต่ไมได้เล่นกันพอแล้ว สถานที่ต่อไปคือ Seoul N tower สถานที่ ที่มีความความมุ้งมิ้ง ฟรุ่งฟริ้ง
ที่นี่เราไม่ได้ขึ้นไปบนหอคอยกันนะคะ กิจกรรมยอดฮิตของคู่รักทั้งหลายแหล่ที่มาเกาหลี ก็คือ “คล้องกุญแจคู่รัก” นั่นเองค่ะ สำหรับคนที่ไม่ได้เตรียมมา ที่นี้เค้าก็มีขายนะคะไม่ต้องห่วงว่ามาแล้วจะอดคล้อง อิอิ นอกจากคล้องกุญแจแล้วบรรยากาศทางขึ้นก็สวย ถ่ายรูปสวยๆได้ตามสบายเลยค่ะ