ย่างเข้าสัปดาห์ที่ 3 ของการหาเสียงกันอย่างเต็มพลัง แต่ละรายต่างงัดกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อเรียกคะแนนเสียง ซึ่งนโยบายต่างๆ ที่แต่ละคนนำเสนอเรียกว่าแทบจะไม่แตกต่างกันนัก
แบ่งเป็นด้านหลักๆ สิ่งแวดล้อม จราจร คุณภาพชีวิต ซึ่งล้วนแล้วเป็นความต้องการของคนกรุงเทพฯที่อยากจะให้ผู้ว่าฯคนใหม่เข้ามาแก้ไขอย่างเร่งด่วน
และเพื่อจูงใจให้ประชาชนหันมาลงคะแนนเสียงให้ บรรดาผู้สมัครต่างนำเสนอนโยบายประชานิยมหรือนโยบายฟรีในหลายประเด็นเป็นสิ่งล่อใจ อาทิ รถเมล์แอร์-รถเมล์ธรรมดาฟรี เรือข้ามฟากฟรี และเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจาก 600 บาทเป็น 1,000-1,200 บาท โดยว่าเป็นนโยบายประชานิยมที่สามารถทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งเชื่อและนำไปสู่การตัดสินใจได้
แต่กระนั้นหัวข้อใหญ่ที่เป็นที่สงสัยเคลือบแคลงในสังคมว่านโยบายประชานิยมเหล่านี้ ที่แท้จะเป็นแค่นโยบายที่หาเสียงแบบจินตนาการหรือจะเป็นความฝันที่ทำจริงได้ และที่สำคัญจะกระทบกับงบฯของกทม.หรือไม่
จากการเปิดเผยของแหล่งข่าวระดับสูงในศาลาเสาชิงช้า ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า ตามที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หลายท่านได้ประกาศนโยบายแก้ปัญหาให้คนกรุงเทพฯ โดยเฉพาะนโยบายประชานิยมที่เสนอฟรีในหลายประเด็นนั้น
แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ผู้สมัครแต่ละคนจะต้องโน้มน้าวจิตใจประชาชนเพื่อที่จะเทคะแนนเสียงให้ ซึ่งเมื่อได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯกทม.แล้วนโยบายต่างๆ ที่ได้หาเสียงไว้ถือเป็นเหมือนฉันทามติของประชาชนที่คาดหวังให้เกิดขึ้นได้จริง
แต่นโยบายจะเป็นจริงได้ในเชิงบริหารจำเป็นต้องเข้าใจใน2ประเด็นหลักนั่นคือ 1.นโยบายที่หาเสียงนั้นอยู่ในอำนาจผู้ว่าฯกทม.ที่จะสามารถกระทำได้หรือไม่ 2. กทม.มีงบฯพอจะใช้จ่ายดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่
ฉะนั้น ลีลาการขายฝันของใคร...ณ เวลานี้ ยังมีเวลาเลือกอย่างรอบคอบ...
“ทีมข่าวกทม.”
ที่มา:
http://www.siamrath.co.th/web/?q=node/286132
รู้ทัน! เซลส์แมนขายฝัน.....สยามรัฐออนไลน์
แบ่งเป็นด้านหลักๆ สิ่งแวดล้อม จราจร คุณภาพชีวิต ซึ่งล้วนแล้วเป็นความต้องการของคนกรุงเทพฯที่อยากจะให้ผู้ว่าฯคนใหม่เข้ามาแก้ไขอย่างเร่งด่วน
และเพื่อจูงใจให้ประชาชนหันมาลงคะแนนเสียงให้ บรรดาผู้สมัครต่างนำเสนอนโยบายประชานิยมหรือนโยบายฟรีในหลายประเด็นเป็นสิ่งล่อใจ อาทิ รถเมล์แอร์-รถเมล์ธรรมดาฟรี เรือข้ามฟากฟรี และเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจาก 600 บาทเป็น 1,000-1,200 บาท โดยว่าเป็นนโยบายประชานิยมที่สามารถทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งเชื่อและนำไปสู่การตัดสินใจได้
แต่กระนั้นหัวข้อใหญ่ที่เป็นที่สงสัยเคลือบแคลงในสังคมว่านโยบายประชานิยมเหล่านี้ ที่แท้จะเป็นแค่นโยบายที่หาเสียงแบบจินตนาการหรือจะเป็นความฝันที่ทำจริงได้ และที่สำคัญจะกระทบกับงบฯของกทม.หรือไม่
จากการเปิดเผยของแหล่งข่าวระดับสูงในศาลาเสาชิงช้า ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า ตามที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หลายท่านได้ประกาศนโยบายแก้ปัญหาให้คนกรุงเทพฯ โดยเฉพาะนโยบายประชานิยมที่เสนอฟรีในหลายประเด็นนั้น
แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ผู้สมัครแต่ละคนจะต้องโน้มน้าวจิตใจประชาชนเพื่อที่จะเทคะแนนเสียงให้ ซึ่งเมื่อได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯกทม.แล้วนโยบายต่างๆ ที่ได้หาเสียงไว้ถือเป็นเหมือนฉันทามติของประชาชนที่คาดหวังให้เกิดขึ้นได้จริง
แต่นโยบายจะเป็นจริงได้ในเชิงบริหารจำเป็นต้องเข้าใจใน2ประเด็นหลักนั่นคือ 1.นโยบายที่หาเสียงนั้นอยู่ในอำนาจผู้ว่าฯกทม.ที่จะสามารถกระทำได้หรือไม่ 2. กทม.มีงบฯพอจะใช้จ่ายดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่
ฉะนั้น ลีลาการขายฝันของใคร...ณ เวลานี้ ยังมีเวลาเลือกอย่างรอบคอบ...
“ทีมข่าวกทม.”
ที่มา: http://www.siamrath.co.th/web/?q=node/286132