เหนือกว่ารัก บทที่ 4 เริ่มต้นต่างกัน โดย...อุษณกร

กระทู้สนทนา
เหนือกว่ารัก เป็นนิยายแนวทดลองงานเขียนปัจจุบันของมนต้นไม้ที่เขียนขึ้นมา หากมีข้อแนะนำอย่างไร โปรดจัดเต็มให้เหมือนเดิมนะคะ (เรื่องนี้ไม่มีสต๊อก เขียนไปลงไป หากเจอคำผิดอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของคนเขียน โปรดอภัยให้ด้วยนะคะ แอบอ้อน ฮ่าๆๆ)

เหนือกว่ารักเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรัก มิตรภาพ และความผูกพันธ์อันยาวนานของคนสามสี่คน ที่เอามาจากประสบการณ์จริงของผู้เขียนในบางส่วน และอีกหลายส่วนถูกแต่งเติมขึ้นตามจินตนาการของผู้เขียน หากพาดพิง อ้างอิงไปถึงผู้หนึ่งผู้ใด หรือไปพ้องกับเรื่องราวของใครเข้าโดยบังเอิญ ต้องขออภัยเอาไว้ด้วยค่ะ ส่วนเรื่องราวจะดำเนินไปแบบไหนอย่างไร ต้องตามอ่านกันต่อไปค่ะ





    
บทที่ 4 เริ่มต้นต่างกัน


    งานเกษตรแฟร์ผ่านไปแล้ว ฉัน นกและเชาว์เดินกันอยู่สามวันติดๆ เล่นเอาปวดขาไปหมด ใกล้สอบไล่เข้ามาทุกที ฉันแทบแบ่งเวลามาอ่านหนังสือไม่ทัน เรียนสายวิทย์ก็หนักอย่างนี้แหล่ะ ไหนจะฟิสิกส์เคมีชีวะ แล้วยังจะกิจกรรมอีกมากมาย ล่าสุดก็เรื่องสอบเทียบที่ใกล้จะสอบเข้าไปทุกที ดูเหมือนทุกอย่างจะประดังเข้ามาเต็มไปหมด


ฉันบ่นๆ ๆ ให้นกฟังทุกวัน โชคดีที่เราสองคนเรียนเหมือนกัน ขณะที่เชาว์เรียนต่างออกไป ฉันไม่เคยถามเลยว่าเอ็นท์คณะไหนกันบ้าง พวกเขาก็เช่นกัน จำได้ว่าก่อนมาเรียนสายวิทย์เคยอยากเป็นผู้พิพากษา ก่อนจะเปลี่ยนใจไปเลือกโบราณคดีแทน เพราะได้รับอิทธิพลจากแม่ ที่จับพลัดจับพลูมาเป็นนายหน้าประกัน เวลาใครถามว่า มันคืออะไร ฉันจะ อธิบายง่ายๆ ว่า เวลาใครถูกตำรวจจับ ก็ต้องมีตัวแทนคอยวิ่งเต้นจัดหาเอกสารพวกโฉลด เงินสด บุคคลหรือหลายๆ อย่างพร้อมกัน แล้วแต่ความหนักเบาของข้อหาที่ได้รับเพื่อใช้เป็นหลักค้ำประกัน ประกันตัวออกไปก่อนจะถูกส่งฟ้องในชั้นศาลต่อไป นี่แหล่ะ...อาชีพของแม่ที่ส่งฉันเรียนหนังสือจนจบมหาวิทยาลัย


จำไม่ได้เหมือนกันว่านกรู้หรือเปล่าว่าแม่ของฉันทำอาชีพอะไร เพราะกว่าฉันจะรู้ว่าพ่อของนกเป็นเภสัชกรและแม่เป็นพยาบาลก็ผ่านไปเป็นปีเหมือนกัน สำหรับพวกเราในตอนนั้นสถานะทางสังคมและอาชีพไม่มีผลอะไรเลย มิตรภาพต่างหากที่สำคัญ ฉันรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้รู้จักกับมัน และอีกหลายปีต่อมากว่าฉันจะรู้ว่านกมีน้องชายฝาแฝดคู่หนึ่ง ส่วนเรื่องที่แม่เป็นภูมิแพ้นั้นรู้มานานแล้ว เพราะเขามักเล่าให้ฟังบ่อยๆ ฉันเลยจำได้มาถึงทุกวันนี้ และมักนึกถึงเสมอเวลาอากาศเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าพวกเราจะคุยเรื่องอะไรกันอยู่ก็ตาม ฉันมักตบท้ายด้วยคำถามที่ว่า”แม่เป็นอย่างไรบ้าง อากาศเปลี่ยนบ่อย ดูแลแม่ด้วยนะ” ซึ่งนกเองก็คงรับรู้ถึงความจริงใจของฉันได้เช่นกัน  


นกมักจำรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้เสมอ จำได้แม้กระทั่งวันเกิดของฉัน และยังคงจำได้มาจนถึงทุกวันนี้ นับเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ประทับใจไม่รู้ลืม เขามักเป็นคนแรกที่อวยพรวันเกิดให้ฉันเสมอ ถ้าไม่โทรมาด้วยตัวเองก็จะส่งข้อความมาแทน ขณะที่ฉันไม่เคยจำวันเกิดเขาได้เลย  
สำหรับเชาว์...เขาเป็นคนที่ค่อนข้างมีโลกส่วนตัวสูงมาก ฉันจึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขามากนัก นอกจากว่าเป็นพี่ชายคนโต มีน้องสาวหนึ่งคนและเรียนอยู่ที่เทพศิรินทร์ เชาว์เล่นฟุตบอลเก่งมากเคยเป็นตัวแทนโรงเรียนแข่งบอลจัตุรมิตรอยู่หลายปี ฉันรู้แค่นั้นจริงๆ ไม่ใช่สิ ถ้าจะให้ถูก...ต้องพูดว่า พวกเรารู้กันแค่นั้นจริงๆ นกเองก็เคยพูดอย่างนั้น


แม้ว่าเชาว์จะเป็นคนพูดน้อยแต่ก็มากด้วยน้ำใจ  เขาเป็นคนแข็งนอกอ่อนในและอ่อนไหวกว่าที่เห็น ขณะที่ฉันร่าเริงโผงผาง ออกจะขวานฝ่าซากด้วยซ้ำไป ส่วนนกนั้นไม่ต้องพูดถึงเขามาจากครอบครัวที่อบอุ่นเป็นผู้ชายที่น่าคบหาทีเดียว แม้จะมีความต่างแต่เราสามคนก็คบกันได้ เราไม่เคยทะเลาะกัน ไม่เคยพูดไม่ดีใส่กัน มีแต่ความเข้าใจและความหวังดีให้แก่กันเสมอมา ซึ่งในตอนนั้นฉันไม่เคยคิดอื่นใดกับนกและเชาว์มากไปกว่าคำว่าเพื่อนเลย พลอยทำให้มองข้ามความรู้สึกดีๆ ที่พวกเขามีให้ไปด้วย อาจเป็นเพราะว่าฉันเริ่มสนใจใครบางคนขึ้นมาแล้วก็ได้


“วันนี้มีประชุมนะคะ” ฉันเดินเข้าไปบอกผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุด ตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย

“ครับ มีประชุมนะโว้ย พวกเอ็งอย่าหนีกลับก่อนล่ะ สงสารน้องเขา” ผู้ชายที่อยู่กลุ่มสอบเทียบเดียวกับฉันรับคำสั้นๆแล้วส่งยิ้มให้ ก่อนจะหันไปตะโกนบอกเพื่อนให้ได้ยินกันทั่ว ทำเอาฉันหน้าร้อนผ่าวเลยทีเดียว

“ไอ้กฤตทำมาพูดดี เอ็งล่ะคนแรกเลยที่ไปก่อน น้องครับอย่าไปฟังมันนะ เดี๋ยวพวกพี่ตามไปนะครับน้อง” หนึ่งในกลุ่มนั้นหันไปด่าเพื่อนที่ชื่อกฤต ก่อนจะหันกลับมาพูดกับฉันอีกที

“เข้าประชุมด้วยล่ะกัน อาจารย์กำชับมา” ฉันพูดแข็งๆ เหลือบมองคนที่ชื่อว่า กฤต ทางหางตา นึกในใจว่า “ใครน้องเอ็งไม่ทราบฉันไม่มีพี่ชายสักหน่อย”


แต่ไม่ได้พูดออกไปแค่ชักสีหน้าไม่พอใจเท่านั้นเอง ท่าทางของฉันคงจะยียวนกวนไม่ใช่น้อย พวกนั้นเลยพากันเงียบไปเลย ขณะที่ฉันเดินล่วงหน้าไปหอประชุมก่อน นึกในใจไปตลอดทางว่า พวกเด็กช่างกลขืนปล่อยให้แซว...เดี๋ยวได้ใจ วันหลังยิ่งลามปามใหญ่ แบบนี้แหล่ะดีแล้ว ว่าแต่...เขินนะ เขินมากด้วย นั่นเป็นความรู้สึกที่ได้เจอกับเขาคนนั้นเป็นครั้งแรก เด็กเทคโนที่อยู่เลยโรงเรียนของฉันไปไม่กี่ป้ายรถเมล์ ทว่ากลับมีอิทธิพลในชีวิตของฉันในอีกหลายสิบปีต่อมา



รูปงานเกษตรแฟร์ปีปัจจุบันค่ะ สมัยเมื่อ สามสิบปีมาแล้วก็ประมาณนี้แหล่ะค่ะ




ปล. เครดิตรูปจากเวป chillpainai.com ขอบคุณมากนะคะ




มีต่อค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่