ไม่ใช่ประสบการณ์ของผมเองโดยตรงแต่ได้มีโอกาสรับทราบเรื่องราวจากพระเพื่อนสมัยที่ผมเคยบวชที่ถ้ำเขาวงศ์ โคราช มีเรื่องราวดังนี้
ก่อนผมไปบวชผมเองก็ได้มีโอกาสศึกษาธรรมมาบ้าง จากหนังสือบ้าง จากการฟังเทศน์บ้าง จากการอ่านพระไตรปิฎกบ้าง ผมเองจำได้ถึงเรื่องราวของ "คตินิมิตก่อนตาย"
คนจะตายเมื่อถึงวาระสุดท้ายจะถอนหายใจ 3 เฮือก มี 2 แบบ คือ แบบรุนแรง และแบบละมุนละไม แบบรุนแรงมักจะไปไม่ค่อยดี
ถ้าตายตามธรรมชาติ คือ แก่ เจ็บ และตาย มักจะมีภาพมาปรากฏให้เห็นแจ่มๆ เหมือนฝันตอนเช้ามืด เห็นอยู่คนเดียว เรียกว่ากรรมอารมณ์บ้าง กรรมนิมิตอารมณ์บ้าง คตินิมิตอารมณ์บ้าง
1.
กรรมอารมณ์ หมายถึง ภาพการกระทำของตนเองมาปรากฏให้เห็น มีทั้งที่เป็นบุญกุศล และบาปอกุศล
2.
กรรมนิมิตอารมณ์ หมายถึง ภาพของผลงานที่เกี่ยวเนื่องด้วยการกระทำ เช่น ฝ่ายบุญกุศล เห็นภาพโบสถ์ วิหาร อาราม พระประธานที่ตนเองเคยสร้างมาปรากฏให้เห็น ฝ่ายบาปกุศล เช่น เห็นสัตว์ที่ตัวเองเคยฆ่า มารุมทำร้าย เป็นต้น
3.
คตินิมิตอารมณ์ หมายถึง ภาพทางไปมาปรากฏ เช่น ฝ่ายบุญกุศล เห็นภาพเทวรถ และเทพบุตร เทพธิดาบริวารมารอรับ ฝ่ายบาปอกุศล เช่น เปลวไฟร้อน เห็นเจ้าหน้าที่กุมภัณฑ์มารอรับตัวเป็นต้น
นิมิตทั้ง 3 ประการ เกิดขึ้นจากการกระทำของแต่ละบุคคลตอนที่ยังแข็งแรง มีชีวิตอยู่ ทำกรรมอะไรก็จะถูกบันทึกเป็นภาพไว้ใน
ใจ
ดังนั้น จึงอาจแบ่งบุคคลตามผลบุญและบาปได้เป็น 4 จำพวก คือ
1.พวกทำบุญล้วนๆ พวกนี้มีน้อย
2.พวกทำบุญมากกว่าบาป
3.พวกทำบาปมากกว่าบุญ
4.พวกทำบาปล้วนๆ
บุญและบาป ที่บุคคลทำเอาไว้จะมาปรากฏให้เห็นตอนใกล้ตาย
การตายมีสาเหตุอยู่ 4 ประการ
1.สิ้นอายุ เช่น โรคชรา
2.สิ้นบุญ(กรรม) เพราะวิบากกรรมปาณาติบาตในอดีตตามมาส่งผล
3.สิ้นอายุ พร้อมสิ้นบุญ
4.ตายเพราะความพยายาม เช่น ดื่มสุราจนตับแข็ง สูบบุหรี่ จนปอดพัง จึงตายก่อนวัยอันควร
(เหตการณ์)
วันหนึ่งในวงสนทนาธรรมหลวงพี่เอ (นามสมมติ) ได้เล่าให้ฟังถึงชีวิตก่อนมาบวช่าเป็นคนเกเรทุกอย่าง ทำตัวให้พ่อแม่ลำบากใจจนมาช่วงก่อนที่จะบวชเนื่องจากปัญหาต่างๆจึงได้กระทำการฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอ หลวงพี่เอเล่าว่าตอนนั้นใจเศร้าหมองมากไม่อยากมีชีวิตอยู่พอเอาเชือกแขวนคอได้ก็ตัดสินใจทิ้งน้ำหนักตัว ภายในเสี้ยววินาทีนั้นภาพทุกอย่างดำมืดหมดมองไม่เห็นอะไรเลยรู้สึกเจ็บปวดทรมาณมาก ทันใดนั้นมีภาพมาปรากฏให้เห็นเป็นภาพการกระทำของตนเองทั้งหมดทั้งดีและเลว ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง ทั้งที่ลิมไปแล้วและที่ยังจำได้ ตั้งแต่เกิดจนปัจจุบันมาปรากฏอย่างรวดเร็วมาก แต่เข้าใจหมายจำได้หมดทุกเหตุการณ์ หลวงพี่บอกตอนนั้นนะไม่อยากตายแล้ว จะดิ้นรนให้ตัวเองรอด เคราะห์ดีมีคนมาพบแล้วช่วยไว้ได้ทัน หลังจากนั้นไม่นานหลวงพี่เอก็ได้มาบวชแล้วไม่เคยคิดที่จะฆ่าตัวตายอีกเลย
ผมได้ยินเรื่องนี้ก็ทำให้นึกได้ถึงเรื่องคตินิมิตรก่อนตายที่เคยได้ฟังมา แล้วจึงเล่าทุกคนในวงสนทนาได้ฟัง เหตการณ์ที่พี่เอเล่านั้นคงเป็นช่วงของ
กรรมอารมณ์ ผมเล่าไปดังนั้นหลวงพี่เอบอกรู้สึกขนลุกซู่เลย เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ผมได้เห็นว่าธรรมะที่พระพุทธองค์สอนนั้นมีจริง
วันนี้หลวงพี่เอกลับตัวเป็นคนใหม่เลิดทำตัวเกเร เลิกคบคนพาล หันมาเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่และยังคงเข้าวัดทำบุญอยู่ไม่ขาด
ลองคิดดูวันนั้นหากไม่เพราะเคราะห์ดี(มีบุญเกื้อหนุน) ผมเองก็สงสัยว่านิตรอีก2อย่างจะเป็นอะไร คงไม่พ้นนรกแน่ๆ และหากไม่เพราะเคราะห์ดีอีกเช่นกันหลวงพี่เอคงไม่มีโอกาสได้บวช และกลับตัวกลับใจเป็นคนใหม่อย่างแน่นอน
(ประสบการณ์) ฆ่าตัวตาย
ก่อนผมไปบวชผมเองก็ได้มีโอกาสศึกษาธรรมมาบ้าง จากหนังสือบ้าง จากการฟังเทศน์บ้าง จากการอ่านพระไตรปิฎกบ้าง ผมเองจำได้ถึงเรื่องราวของ "คตินิมิตก่อนตาย"
คนจะตายเมื่อถึงวาระสุดท้ายจะถอนหายใจ 3 เฮือก มี 2 แบบ คือ แบบรุนแรง และแบบละมุนละไม แบบรุนแรงมักจะไปไม่ค่อยดี
ถ้าตายตามธรรมชาติ คือ แก่ เจ็บ และตาย มักจะมีภาพมาปรากฏให้เห็นแจ่มๆ เหมือนฝันตอนเช้ามืด เห็นอยู่คนเดียว เรียกว่ากรรมอารมณ์บ้าง กรรมนิมิตอารมณ์บ้าง คตินิมิตอารมณ์บ้าง
1. กรรมอารมณ์ หมายถึง ภาพการกระทำของตนเองมาปรากฏให้เห็น มีทั้งที่เป็นบุญกุศล และบาปอกุศล
2. กรรมนิมิตอารมณ์ หมายถึง ภาพของผลงานที่เกี่ยวเนื่องด้วยการกระทำ เช่น ฝ่ายบุญกุศล เห็นภาพโบสถ์ วิหาร อาราม พระประธานที่ตนเองเคยสร้างมาปรากฏให้เห็น ฝ่ายบาปกุศล เช่น เห็นสัตว์ที่ตัวเองเคยฆ่า มารุมทำร้าย เป็นต้น
3. คตินิมิตอารมณ์ หมายถึง ภาพทางไปมาปรากฏ เช่น ฝ่ายบุญกุศล เห็นภาพเทวรถ และเทพบุตร เทพธิดาบริวารมารอรับ ฝ่ายบาปอกุศล เช่น เปลวไฟร้อน เห็นเจ้าหน้าที่กุมภัณฑ์มารอรับตัวเป็นต้น
นิมิตทั้ง 3 ประการ เกิดขึ้นจากการกระทำของแต่ละบุคคลตอนที่ยังแข็งแรง มีชีวิตอยู่ ทำกรรมอะไรก็จะถูกบันทึกเป็นภาพไว้ในใจ
ดังนั้น จึงอาจแบ่งบุคคลตามผลบุญและบาปได้เป็น 4 จำพวก คือ
1.พวกทำบุญล้วนๆ พวกนี้มีน้อย
2.พวกทำบุญมากกว่าบาป
3.พวกทำบาปมากกว่าบุญ
4.พวกทำบาปล้วนๆ
บุญและบาป ที่บุคคลทำเอาไว้จะมาปรากฏให้เห็นตอนใกล้ตาย
การตายมีสาเหตุอยู่ 4 ประการ
1.สิ้นอายุ เช่น โรคชรา
2.สิ้นบุญ(กรรม) เพราะวิบากกรรมปาณาติบาตในอดีตตามมาส่งผล
3.สิ้นอายุ พร้อมสิ้นบุญ
4.ตายเพราะความพยายาม เช่น ดื่มสุราจนตับแข็ง สูบบุหรี่ จนปอดพัง จึงตายก่อนวัยอันควร
(เหตการณ์)
วันหนึ่งในวงสนทนาธรรมหลวงพี่เอ (นามสมมติ) ได้เล่าให้ฟังถึงชีวิตก่อนมาบวช่าเป็นคนเกเรทุกอย่าง ทำตัวให้พ่อแม่ลำบากใจจนมาช่วงก่อนที่จะบวชเนื่องจากปัญหาต่างๆจึงได้กระทำการฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอ หลวงพี่เอเล่าว่าตอนนั้นใจเศร้าหมองมากไม่อยากมีชีวิตอยู่พอเอาเชือกแขวนคอได้ก็ตัดสินใจทิ้งน้ำหนักตัว ภายในเสี้ยววินาทีนั้นภาพทุกอย่างดำมืดหมดมองไม่เห็นอะไรเลยรู้สึกเจ็บปวดทรมาณมาก ทันใดนั้นมีภาพมาปรากฏให้เห็นเป็นภาพการกระทำของตนเองทั้งหมดทั้งดีและเลว ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง ทั้งที่ลิมไปแล้วและที่ยังจำได้ ตั้งแต่เกิดจนปัจจุบันมาปรากฏอย่างรวดเร็วมาก แต่เข้าใจหมายจำได้หมดทุกเหตุการณ์ หลวงพี่บอกตอนนั้นนะไม่อยากตายแล้ว จะดิ้นรนให้ตัวเองรอด เคราะห์ดีมีคนมาพบแล้วช่วยไว้ได้ทัน หลังจากนั้นไม่นานหลวงพี่เอก็ได้มาบวชแล้วไม่เคยคิดที่จะฆ่าตัวตายอีกเลย
ผมได้ยินเรื่องนี้ก็ทำให้นึกได้ถึงเรื่องคตินิมิตรก่อนตายที่เคยได้ฟังมา แล้วจึงเล่าทุกคนในวงสนทนาได้ฟัง เหตการณ์ที่พี่เอเล่านั้นคงเป็นช่วงของกรรมอารมณ์ ผมเล่าไปดังนั้นหลวงพี่เอบอกรู้สึกขนลุกซู่เลย เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ผมได้เห็นว่าธรรมะที่พระพุทธองค์สอนนั้นมีจริง
วันนี้หลวงพี่เอกลับตัวเป็นคนใหม่เลิดทำตัวเกเร เลิกคบคนพาล หันมาเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่และยังคงเข้าวัดทำบุญอยู่ไม่ขาด
ลองคิดดูวันนั้นหากไม่เพราะเคราะห์ดี(มีบุญเกื้อหนุน) ผมเองก็สงสัยว่านิตรอีก2อย่างจะเป็นอะไร คงไม่พ้นนรกแน่ๆ และหากไม่เพราะเคราะห์ดีอีกเช่นกันหลวงพี่เอคงไม่มีโอกาสได้บวช และกลับตัวกลับใจเป็นคนใหม่อย่างแน่นอน