เรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวเราเองเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ขอก้อปบทความที่เราเขียนไว้ในblogมาแปะเลยนะคะ
เพราะว่าเขียนหลังจากจบเรื่องหมาด ๆ อารมณ์ความรู้สึกตอนนั้นเป็นแบบนั้นเลยค่ะ
อยากแชร์ให้หลาย ๆ ครอบครัวได้อ่านกัน ทั้งครอบครัวที่มีเด็กและไม่เด็ก
เหตุการณ์นี้ ไม่ได้สอนเราแค่เรื่องความปลอดภัยของลูก
แต่สอนเราไปถึงเรื่องการใส่ใจในความรู้สึกของลูกด้วยค่ะ
-----------
เช้าวันนี้อากาศสดใส อึมครึมนิด ๆ อย่างที่ชอบ
เรากับแฟนก็ออกบ้านไปทำงานตามปกติ
ลูกชายคนโต 5 ขวบหมาด ๆ ก็อยู่บ้านกับตากับยาย
และน้องสาววัย 6 เดือน
ทุกวันก็ผ่านไปอย่างปกติ ไม่กล้าจะบอกว่าราบรื่น เพราะตั้งแต่พี่ชายอายุได้ 4 ขวบ
ก็มีเรื่องดื้อ ๆ ให้ได้ดุด่าดราม่ากันทุกวัน แต่นั่นก็เป็นปกติของเด็ก
-----
ที่ออฟฟิท กินกาแฟได้ครึ่งแก้ว มีสายจากทางบ้าน โทรเข้ามาบอกว่า
"พี่ล็อกขังน้องไว้ในห้องนอน"
-----
ครั้งแรกที่ได้ยิน ตกใจ และเกิดคำถามผุดขึ้นมาว่า "ทำทำไม คิดยังไงของเค้า"
คำถามแรกคือคือ ... "น้องอยู่ในสภาพแบบไหน???"
เด็ก 6 เดือนอยู่ในวัยเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย กินข้าว ฟันขึ้น อ้อแอ้
และที่สำคัญคือ จากเด็กเคลื่อนที่ไม่ได้ เป็นเด็กเคลื่อนที่ได้
ลูกเราคลานได้แล้ว ไม่คลานเปล่า ชอบปีนป่าย
ฉะนั้นจึงสำคัญมากที่จะต้องรู้ว่า น้อยอยู่ในสภาพไหน เพื่อนประเมินระดับความซีเรียส
นอนบนที่นอน(ที่บ้านไม่มีเตียง เป็นฟูกวางพื้น) นอนอยู่กับพื้น คลานอยู่ นั่งเล่น
ได้คำตอบมาว่า "อยู่ในรถไถ(รถหัดเดิน)" .... ค่อยยังชั่ว
สถานการณ์เบาขึ้นโข เพราะตัดปัญหาเรื่องพลัด ตก หกล้ม ไปได้
อย่างน้อยก็อยู่ในรถพยุงตัว ซึ่งน้องใช้ได้คล่องแล้ว
ในห้องเป็นพื้นราบ ไม่มีทางต่างระดับ หรือหลุมใด ๆ
คำถามต่อมา ... "ติดอยู่นานแค่ไหนแล้ว??"
เพราะตอนที่ยายโทรมาครั้งแรก ไม่ได้รับสาย โทรศัพท์เปิดสั่นและไม่อยู่กับตัว
(นี่ก็เป็นอีกข้อที่คิดว่า จะต้องพกโทรศัพท์ไว้กับตัวตลอด เผื่อมีเรื่องฉุกเฉิน)
"ซัก 15 นาที" .... 15 นาทีมันนานมั๊ย เราประเมินไม่ได้
ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็บอกได้เลยว่า แป๊บ ๆ แต่สำหรับเด็ก 6 เดือนที่เริ่มรู้เรื่องบ้างแล้ว อาจจะนาน
ขับรถจากที่ทำงานไปบ้าน 15 นาที เอากุญแจไปเปิดห้อง รวม ๆ แล้วไม่น่าจะเกินครึ่งชั่วโมง ... โอเค
----------
ปล. ทะยอยpostนะคะ แฮงค์เจ๊งมาแล้ว
original post: ประตูบานนั้น
http://29facebuff.blogspot.sg/
*แก้เคาะบรรทัดค่ะ
พี่ 5 ขวบล็อคขังน้อง 6 เดือนไว้ในห้อง ... อุธาหรณ์สำหรับทุกคนค่ะ
ขอก้อปบทความที่เราเขียนไว้ในblogมาแปะเลยนะคะ
เพราะว่าเขียนหลังจากจบเรื่องหมาด ๆ อารมณ์ความรู้สึกตอนนั้นเป็นแบบนั้นเลยค่ะ
อยากแชร์ให้หลาย ๆ ครอบครัวได้อ่านกัน ทั้งครอบครัวที่มีเด็กและไม่เด็ก
เหตุการณ์นี้ ไม่ได้สอนเราแค่เรื่องความปลอดภัยของลูก
แต่สอนเราไปถึงเรื่องการใส่ใจในความรู้สึกของลูกด้วยค่ะ
-----------
เช้าวันนี้อากาศสดใส อึมครึมนิด ๆ อย่างที่ชอบ
เรากับแฟนก็ออกบ้านไปทำงานตามปกติ
ลูกชายคนโต 5 ขวบหมาด ๆ ก็อยู่บ้านกับตากับยาย
และน้องสาววัย 6 เดือน
ทุกวันก็ผ่านไปอย่างปกติ ไม่กล้าจะบอกว่าราบรื่น เพราะตั้งแต่พี่ชายอายุได้ 4 ขวบ
ก็มีเรื่องดื้อ ๆ ให้ได้ดุด่าดราม่ากันทุกวัน แต่นั่นก็เป็นปกติของเด็ก
-----
ที่ออฟฟิท กินกาแฟได้ครึ่งแก้ว มีสายจากทางบ้าน โทรเข้ามาบอกว่า
"พี่ล็อกขังน้องไว้ในห้องนอน"
-----
ครั้งแรกที่ได้ยิน ตกใจ และเกิดคำถามผุดขึ้นมาว่า "ทำทำไม คิดยังไงของเค้า"
คำถามแรกคือคือ ... "น้องอยู่ในสภาพแบบไหน???"
เด็ก 6 เดือนอยู่ในวัยเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย กินข้าว ฟันขึ้น อ้อแอ้
และที่สำคัญคือ จากเด็กเคลื่อนที่ไม่ได้ เป็นเด็กเคลื่อนที่ได้
ลูกเราคลานได้แล้ว ไม่คลานเปล่า ชอบปีนป่าย
ฉะนั้นจึงสำคัญมากที่จะต้องรู้ว่า น้อยอยู่ในสภาพไหน เพื่อนประเมินระดับความซีเรียส
นอนบนที่นอน(ที่บ้านไม่มีเตียง เป็นฟูกวางพื้น) นอนอยู่กับพื้น คลานอยู่ นั่งเล่น
ได้คำตอบมาว่า "อยู่ในรถไถ(รถหัดเดิน)" .... ค่อยยังชั่ว
สถานการณ์เบาขึ้นโข เพราะตัดปัญหาเรื่องพลัด ตก หกล้ม ไปได้
อย่างน้อยก็อยู่ในรถพยุงตัว ซึ่งน้องใช้ได้คล่องแล้ว
ในห้องเป็นพื้นราบ ไม่มีทางต่างระดับ หรือหลุมใด ๆ
คำถามต่อมา ... "ติดอยู่นานแค่ไหนแล้ว??"
เพราะตอนที่ยายโทรมาครั้งแรก ไม่ได้รับสาย โทรศัพท์เปิดสั่นและไม่อยู่กับตัว
(นี่ก็เป็นอีกข้อที่คิดว่า จะต้องพกโทรศัพท์ไว้กับตัวตลอด เผื่อมีเรื่องฉุกเฉิน)
"ซัก 15 นาที" .... 15 นาทีมันนานมั๊ย เราประเมินไม่ได้
ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็บอกได้เลยว่า แป๊บ ๆ แต่สำหรับเด็ก 6 เดือนที่เริ่มรู้เรื่องบ้างแล้ว อาจจะนาน
ขับรถจากที่ทำงานไปบ้าน 15 นาที เอากุญแจไปเปิดห้อง รวม ๆ แล้วไม่น่าจะเกินครึ่งชั่วโมง ... โอเค
----------
ปล. ทะยอยpostนะคะ แฮงค์เจ๊งมาแล้ว
original post: ประตูบานนั้น http://29facebuff.blogspot.sg/
*แก้เคาะบรรทัดค่ะ