เราเห็นสิ่งแปลกๆตั้งแต่เด็กเลย ไม่ว่าจะเงาดำ หรือคนแปลกๆ หรือไม่ก็เสียงที่หาที่มาไม่ได้ เรื่องนี้ต้องเริ่มที่บ้านที่เราอยู่ตั้งแต่จำความได้ก่อน บ้านติดริมแม่น้ำ เป็นบ้านชั้นบนเป็นไม้ชั้นล่างเป็นปูนแบบบ้านโบราณขึ้นบันไดไปชั้นสอง จะเจอแท่นหิ่งพระที่ใหญ่มากเหมือนเวทีที่ไว้เต้นเอโรบิก น่าจะกว้างประมาณ3เมตร ยาว2เมตร หรืออาจใหญ่กว่าเราจำชัดๆไม่ได้ แต่ที่แท่นหิ่งพระจะมีพระพุทธรูปว่างอยู่เต็มหิ่งบางองค์มีสายศิลพัน บางองค์มีผ้าแดงผูก มีพานใส่ของที่ห่อด้วยผ้าสีขา สีแดงที่พันด้วยสายศิลไว้ จะมีวางเรียงกันเยอะมากแบ่งขั้นวางเรียงกันเรื่อยๆจนสูงประมาณ2-3เมตรจากพื้น และที่เด่นสุดบนแท่นหิ่งพระจะมีพระพุทธรูปองค์เท่าคนทำท่านั่งคุกเข่าพระนมมืออยู่2องค์ วางประกบอยู่ตรงของแท่นหิ่งพระอยู่ซ้ายกับขวา คุกเข่าก็ประมาณเกือบ2เมตร และบนพื้นข้างๆแท่นหิ่งพระ จะมีกระถ่างธูปใหญ่ที่ใหญ่เท่าของวัดที่อยู่โบสถ์อยู่2กระถ่าเห็นสิ่งแปลกๆตั้งแต่เด็กเลย ไม่ว่าจะเงาดำ หรือคนแผลกๆ หรือไม่ก็เสียงที่หาที่มาไม่ได้ เรื่องนี้ต้องเริ่มที่บ้านที่เราอยู่ตั้งแต่จำความได้ก่อน บ้านติดริมแม่น้ำ เป็นบ้านชั้นบนเป็นไม้ชั้นล่างเป็นปูนแบบบ้านโบราณขึ้นบันไดไปชั้นสอง จะเจอแท่นหิ่งพระที่ใหญ่มากเหมือนเวทีที่ไว้เต้นเอโรบิก น่าจะกว้างประมาณ3เมตร ยาว2เมตร หรืออาจใหญ่กว่าเราจำชัดๆไม่ได้ แต่ที่แท่นหิ่งพระจะมีพระพุทธรูปว่างอยู่เต็มหิ่งบางองค์มีสายศิลพัน บางองค์มีผ้าแดงผูก มีพานใส่ของที่ห่อด้วยผ้าสีขา สีแดงที่พันด้วยสายศิลไว้ จะมีวางเรียงกันเยอะมากแบ่งขั้นวางเรียงกันเรื่อยๆจนสูงประมาณ2-3เมตรจากพื้น และที่เด่นสุดบนแท่นหิ่งพระจะมีพระพุทธรูปองค์เท่าคนทำท่านั่งคุกเข่าพระนมมืออยู่2องค์ วางประกบอยู่ตรงของแท่นหิ่งพระอยู่ซ้ายกับขวา คุกเข่าก็ประมาณเกือบ2เมตร และบนพื้นข้างๆแท่นหิ่งพระ จะมีกระถ่างธูปใหญ่ที่ใหญ่เท่าของวัดที่อยู่โบสถ์อยู่2กระถ่างอยู่มุมซ้ายขวาของแท่งหิ่งพระ และตรงที่พื้นกลางบ้านชั้นสองจะเสื่อน้ำมันปูยาวๆเหมือนให้คลานเข่าเข้าไปหาแท่นหิ่งพระ ส่วนพื้นที่เราอาศัยใช้ชีวิตประจำวันจะเป็นอีกครึ่งบ้านชั้นสองที่มีกำแพงกั้นอยู่ระหว่างอีกครึ่งนึงที่เป็นพื้นที่มีแท่นหิ่งพระกับที่เราอยู่แค่กำแพงไม้บางๆ เราใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านหลังตั้งแต่จำความได้จนถึงอายุ12ขวบ ทุกๆปีจะงานทำบุญใหญ่ตอนเดือนเมษายน ทุกคนในตระกูลจะมารวมตัวกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนจังหวัดอะไรก็จะมารวมตัวกันทั้งหมด มีเชิญพระสงฆ์มา9องค์ ทำบุญกัน2วัน เวลามีงาน เราจะนับญาติได้ไม่หมดเลย แต่เกิน70-80คนแน่ๆที่มา เราด้วยความเป็นเด็กเลยไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับงานทำบุญ รู้แค่มีงานก็ต้องช่วยงาน ทำขนมไทยไว้ไหว้ตลอด แต่ที่เราจำได้คือ ทุกปีจะมีคนมาพร้อมกับพระพุทธรูปทุกปีๆ บางองค์มาก็สวยมากเลย เป็นพระมรกต บางองค์ก็เป็นพระสีดำๆ บ้านที่เราอยู่ตั้งแต่เด็กจะสตอรี่ของบ้านประมาณนี้ แต่เราจะเจออะไรแปลกๆในบ้านบ่อยมาก เราจะเล่าเท่าที่จำได้ ตอนที่เราอยู่บ้านคนเดียว เราจะได้ยินเสียงไม้ลั่นเหมือนมีคนเดินอยู่บนบ้านตลอดและเราก็รู้สึกว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียวแต่เรารู้สึกว่าเขาไม่อยากให้เราเห็น ทุกเย็นเราจะต้องเปิดไฟที่ตรงแท่นหิ่งพระทุกเวลาหกโมงเย็นและปิดตอน2ทุ่ม และตอนผิดไฟแล้ว บางวันจะได้ยินเสียงเหมือนมีคนสวดมนต์อยู่เบาๆจากแท่นหิ่งพระ บางทีเราจะได้ยินเสียงคนเรียกชื่อจากในบ้านอยู่บ่อยๆ ตอนเราเด็กเราไม่เข้าใจว่าบ้านคืออะไร แต่เราก็ไม่เคยสงสัยเพราะเราอยู่ที่บ้านนี้มาตั้งแต่จำความไดเจนมันกลายเป็นเรื่องปกติ ที่บ้านหลังนี้ตอนปกติ เราจะอยู่กับยาย2คน ยายจะชอบบอกกับเราว่า "ถ้าเห็นอะไรแผลกไม่ต้องทักไม่ว่าจะเห็นทีไหน ถ้าอายุครบ15มองไม่เห็นก็คือไม่เห็น แต่ถ้ายังเห็นอยู่ก็จะเห็นไปตลอดชีวิต" ยายเราจะใฟ้เราห้อยพระตลอด แต่บางครั้งอยู่สร้อยพระก็ขาดแบบไม่มีสาเหตุ จนยายเราต้องเปลี่ยนไปให้เราห้อยผ้ายันต์สีแดงที่เอาไปอัดกรอบพลาสติกมาแล้ว แล้วบอกว่า ถ้าเจออะไรที่มันจะมาทำร้าย ให้ท่องคาถาบทนึง เราก็เจออะไรแปลกมาตลอดทั้งที่โรงเรียน ที่ถนน หรือที่ไหนที่เราไป เราใช้ชีวิตแบบนี้จนอายุ12ขวบ ยายก็เสียจากอาการเส้นเลือดในสมองแตก เราก็เลยต้องย้ายมาอยู่กับพ่อและไม่ได้กลับไปที่นั้นอีก จนพอโตผ่านเรื่องอะไรมาจนตอนนี้เราอายุ25ปี เราได้รู้ว่า บ้านหลังนั้นไม่มีแล้ว เพราะลุงของเราเข้าไปขายบ้านและเอาพระหรืออะไรทั้งหมดไปไว้ที่วัด และลุงของเราก็หลังจากที่ขายบ้านแล้ว ลุงของเราประสบอุบัติเหตุทำให้เป็นอัมพาตช่วงล่างเดินไม่ได้ และเราตอนอายุ15ปีก็ยังเห็นอะไรแปลกมาจนถึงทุกวันนี้
และเพิ่งได้คุยกับแม่เมื่อเร็วๆนี้ เกี่ยวกับเรื่องบ้านหลังนั้นว่าคืออะไร เพราะเราก็พอโตมาเจออะไรมาเยอะขึ้นก็เริ่มเอะใจว่าทำไมบ้านที่เราเคยอยู่มันดูแปลกๆ เมื่อก็เลยบอกว่า ตระกูลของเราเป็นตระกูลคนทรง บ้านหลังนั้นก็เป็นตำหนักคนทรงของคุณตาของเรา แต่ว่าคุณตาเสียไปแล้ว จะให้ลุงรับของสืบต่อ ลุงก็ไม่เอา ก็เลยต้องมีทำบุญกันทุกปี และแม่ก็บอกต่อว่า ลุงก็เห็นอะไรแปลกๆตั้งแต่เด็กเหมือนกัน แม่ก็บอกว่า"ถ้าลุงไม่รับ รุ่นต่อมาที่มองเห็นอะไรแปลกๆก็คือเอ็ง เอ็งก็คงต้องรับช่วงต่อ" ทุกรุ่นจะมี1คนที่เห็นอะไรแปลกๆ และคนนั้นจะต้องรับช่วงต่อ แต่พอลุงไม่รับต่อแล้วเลือกที่จะทำบุญกันทุกปี ก็กลายเป็นว่าหมดการรับช่วงต่อ เราก็เลยรอดมา พอมารู้จากแม่ก็ถึงบางอ้อ ว่าเพราะอะไรเราถึงเห็นอะไรแปลกๆตั้งแต่เด็ก นั้นก็เพราะ เราเกิดจากตระกูลที่เป็นคนทรง และเป็นคนที่มีโอกาสต้องมารับของต่อด้วยนั้นเอง ที่ผ่านมาเราเห็นอะไรแปลกๆมาเยอะมาก ที่เรามาเขียนเรื่องนี้ เพราะเราอยากแชร์เรื่องแปลกๆของเรา เราฟังเดอะโกสเรดิโอ เราก็นึกได้ว่า เราก็มีเรื่องแปลกๆเหมือนกัน ก็เลยมาเขียนในพันทิป แต่มันไม่น่ากลัวเท่าไหร่
เพิ่งมารู้ตอนโตว่า ที่เป็น"คนเห็นสิ่งแปลกๆ" ก็เพราะเป็นหลานของคนทรง
และเพิ่งได้คุยกับแม่เมื่อเร็วๆนี้ เกี่ยวกับเรื่องบ้านหลังนั้นว่าคืออะไร เพราะเราก็พอโตมาเจออะไรมาเยอะขึ้นก็เริ่มเอะใจว่าทำไมบ้านที่เราเคยอยู่มันดูแปลกๆ เมื่อก็เลยบอกว่า ตระกูลของเราเป็นตระกูลคนทรง บ้านหลังนั้นก็เป็นตำหนักคนทรงของคุณตาของเรา แต่ว่าคุณตาเสียไปแล้ว จะให้ลุงรับของสืบต่อ ลุงก็ไม่เอา ก็เลยต้องมีทำบุญกันทุกปี และแม่ก็บอกต่อว่า ลุงก็เห็นอะไรแปลกๆตั้งแต่เด็กเหมือนกัน แม่ก็บอกว่า"ถ้าลุงไม่รับ รุ่นต่อมาที่มองเห็นอะไรแปลกๆก็คือเอ็ง เอ็งก็คงต้องรับช่วงต่อ" ทุกรุ่นจะมี1คนที่เห็นอะไรแปลกๆ และคนนั้นจะต้องรับช่วงต่อ แต่พอลุงไม่รับต่อแล้วเลือกที่จะทำบุญกันทุกปี ก็กลายเป็นว่าหมดการรับช่วงต่อ เราก็เลยรอดมา พอมารู้จากแม่ก็ถึงบางอ้อ ว่าเพราะอะไรเราถึงเห็นอะไรแปลกๆตั้งแต่เด็ก นั้นก็เพราะ เราเกิดจากตระกูลที่เป็นคนทรง และเป็นคนที่มีโอกาสต้องมารับของต่อด้วยนั้นเอง ที่ผ่านมาเราเห็นอะไรแปลกๆมาเยอะมาก ที่เรามาเขียนเรื่องนี้ เพราะเราอยากแชร์เรื่องแปลกๆของเรา เราฟังเดอะโกสเรดิโอ เราก็นึกได้ว่า เราก็มีเรื่องแปลกๆเหมือนกัน ก็เลยมาเขียนในพันทิป แต่มันไม่น่ากลัวเท่าไหร่