เราเป็นญาติกับโรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่ง มีอยู่ 40 ห้อง อยู่ห่าง 2 ชม. จาก กทม.
ค่าห้องตรึงราคามาสิบกว่าปี

จนกระทั่ง เดือน เม ย 55 ค่าแรงขั้นต่ำขึ้น 40% จาก 181 บาท เป็น 252 บาท
วันที่ 1 ก ค 55 ค่าไฟผู้ใช้รายใหญ่ขึ้น 10% อย่างเงียบๆ ค่าน้ำผู้ใช้รายใหญ่ขั้นต่ำคิวละ 25 บาท อัตราก้าวหน้า
วันที่ 1 มค 56  ค่าแรงขั้นต่ำปรับ 300 บาท

เมื่อเร็วๆนี้โรงแรมเพิ่ง renovate ใหม่ ทำเฟอร์นิเจอร์ใหม่ เพราะโรงแรมเกิดใหม่ราวกับดอกเห็ด
ดังนั้นหนทางอยู่รอดคือ การทำความสะอาดให้ถึง ปรับปรุงห้องให้ดี และราคาต้องเหมาะสม


1 กค 55 ปรับราคาห้องขึ้น 50 บาท เป็น 400 บาท สำหรับเตียง 5 ฟุต
ส่วนเตียงคู่ เก็บ 450 บาท ฟูกเป็นเตียงสปริงหนา 10 นิ้ว ปูเตียง 2 ชั้น ในห้องมี แอร์ ทีวี น้ำอุ่น

ลูกค้าบางคนว่า "แต่เบี้ยเลี้ยงผมไม่ขึ้น"
ก่อนปีใหม่ ผงซักฟอกขึ้นราคา น้ำดื่ม สบู่ น้ำปลา ซีอิ้ว น้ำแข็ง ขึ้นราคาทุกอย่าง
แม้แต่กระดาษเช็ดก้น แกนโตขึ้น แต่เนื้อกระดาษน้อยลง เราเข้าใจ

โีรงแรมต้องหันมาเข้มงวดกับจำนวนคนที่เข้าพักต่อห้อง
ราคาข้างบนสำหรับผู้ใหญ่ 2 คน
หากพัก 3 คน บวก 100 บาท มีเตียงให้ ไม่ต้องเอาผ้าห่มโรงแรมไปปูนอนกับพื้น
*****

เมื่อวานมีผู้ชายอายุ 30 กว่า ขอเปิดห้อง ผู้ใหญ่ 2 เด็ก 7 ขวบ 1 คน ขอ 2 เตียง
เมื่อดูแล้วจำนวนคนเท่าที่เห็น เปิด 1 เตียงใหญ่ สบายกว่า
จึงถามย้ำว่าผู้ใหญ่กี่คน เขายืนยันว่า พ่อ แม่ ลูก และขอ 2 เตียง

ตอนเช้า ห้องนี้มีคนมาจ่ายเงินพักเพิ่ม 1 คืน เป็นหน้าใหม่
อีกสักครู่ คนที่มาเปิดห้องกลับเข้ามา เด็กโรงแรมถามว่าลงทะเบียนพัก 2 คน แต่พักเกิน
เขาอึกอักๆ ใช่ มีคนมาแจมเพิ่มอีก 1 เมื่อวางแจ้งว่า ผู้ใหญ่ 2 คน เด็ก 1 คน
อีกสักพักแขกกระดาก ขอเช็คเอ้าท์ และขอเงินคืนที่ 2 คืน
แขกคนนี้ ขับรถปิคอัพคันโต ราคาเฉียดร้อย มีฐานะ
******

หลังจากที่แบกเป้ทั่วเอเซียไปกับหางแดง เรารู้ว่าโรงแรมนี้เก็บถูกสุดแล้ว เมื่อเทียบกับสภาพห้อง และที่นอนหมอนมุ้ง
โรงแรมกำไรไม่มากหรอก
ที่เก็บเพิ่ม 1 ร้อยบาท ต่อ แขกที่พักเกิน เป็นค่าเตียงเสริมถาวร ค่าซักผ้าปูที่เพิ่มขึ้น และค่าน้ำส่วนเกิน

แขกพักเคยเรียกร้องให้ผู้ประกอบการเห็นใจลูกค้า ฉันใด
ผู้ประกอบการก็อยากเรียกร้องให้ลูกค้าเห็นใจบ้าง ฉันนั้น

เสียแรง ที่คอยต้องมานั่งจ้องว่าพักเกิน เสียความรู้สึกด้วย
ถ้าที่พักหลักพัน พักเกินยังน่าเห็นใจ