สวัสดีสาวๆห้องแป้งทุกคนคะ วันนี้เราอดรนทนไม่ได้ถึงการกระทำที่เพื่อนเราเจอมาคะ
เลยอยากจะแชร์ประสบการณ์ เพื่อเตือนใจให้สาวๆที่กำลังจะแต่งงาน หรือต้องมีงานลักษณะทำนองนี้ ซึ่งเป็นวันสำคัญของคุณ
แต่อาจจะทำให้ใครบางคน รู้สึกแย่ เสียความรู้สึก หรือถ้าเกิดเหตุการณ์ร้ายๆเกิดขึ้น ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ
เพื่อนเราเป็นช่างแต่งหน้าคะ ที่จริงเค้าก็รับเป็นแค่งานเสริม เพราะเพื่อนเรายังเรียนอยู่ ช่วงนี้ก็ไม่ค่อยได้รับงานแล้วคะ
แต่เพื่อนเรารับงานแต่งหน้าเจ้าสาวท่านหนึ่งซึ่งอยู่ต่างจังหวัด เป็นจังหวัดเดียวกับที่พ่อแม่เพื่อนเราอยู่ เพื่อนเราจึงรับงาน
เพราะหวังว่าจะได้เจอหน้าพ่อ แม่ ด้วย แต่เหตุการณ์ไม่ดีก็เกิดขึ้นกับเพื่อนเราคะ เราขอคัดลอกข้อความเหตุการณ์จากสเตตัสเพื่อนเรามานะคะ
เราไปแต่งหน้าเจ้าสาวที่จังหวัดสุราษธานี อ.เคียงซา เหตุผลที่เรารับงานเพราะพ่อแม่เราอยู่ที่สุราษอย่างน้อยจะได้กลับไปเจอพ่อแม่
โรงเรียนพ่อเราอยู่ อ.พุนพิน ซึ่งห่างจากเคียงซาประมาณ 45 นาที วันที่มาถึงเราได้ติดต่อหาเจ้าสาวและถามเกี่ยวกับอำเภอที่จะไป
โดยเราให้เจ้าสาวเค้าคุยกับแม่ และเค้ารับปากเรื่องคนมารับมาส่งอย่างดี
ตอนเช้าตีสามเมื่อวาน เพื่อนเจ้าสาวเป็นคนมารับ การทำงานเป็นไปอย่างเรียบร้อย
จนถึงการแต่งหน้ารอบเย็น ซึ่งงานที่นี่เริ่ม 5 โมง เรากับเจ้าสาวตกลงกันว่าจะให้เสร็จสี่โมง
ไม่เกินสี่โมงครึ่ง เพื่อที่จะให้มีคนมาส่งและกลับมางานทัน
เราได้นัดเจ้าสาวแต่งหน้าตอนบ่ายโมง ปกติจะใช้เวลาโดยคร่าวๆ 3 ชั่วโมงในการทำงาน แต่ด้วยความที่งานเช้าพิธีการล่าช้า
จึงเสร็จตอนบ่ายโมง เราเลยนัดเจ้าสาวตอนบ่ายสอง เพราะสองชั่วโมงคงจะทันในการทำงาน
เจ้าสาวอาบน้ำพร้อมมาแต่งหน้าบ่ายสองครึ่ง โดยการทำงานเป็นไปอย่างทุลักทุเล เพราะเจ้าสาวต้องลุกไปโน่นมานี่หลายครั้ง
และเบี่ยงหน้าเพื่อคุยอีกหลายครั้ง เมื่อช่างขาดสมาธิ การทำงานจึงล่าช้าจนเสร็จ 17.20 น.
ระหว่างการทำผม เราก็ได้ถามถึงคนที่มารับ คนที่มารับเราตอนเช้า ก็อยู่ร้านทำผม มาส่งไม่ได้
คนอื่นก็มาส่งไม่ได้โดยไม่ได้มีการวางแผนคนมาส่งตั้งแต่แรก เจ้าสาวบอกกับเราว่าให้รอที่บ้าน ดูแลบ้านให้พี่ด้วย
เดี๋ยวพี่ถามคนที่งานหาคนมาส่งน้องให้ แล้วเจ้าสาวกับเจ้าบ่าวก็ไป โดยทิ้งเราอยู่ที่บ้านคนเดียว 17.30
เราเก็บของเสร็จออกมาหน้าบ้าน เราโทรหาเจ้าสาวเป็นสิบสาย ซึ่งไม่รับ ระหว่างนั้นแม่เราก็ใจไม่ดีโทรหาเราตลอด
เพราะเวลานี้เราควรจะถึงบ้านได้แล้ว
เราได้ติดต่อพี่คนที่มารับตอนเช้าเพื่อถามถึงเบอร์โทรคนแถวนั้นที่อยู่ในงาน พี่เขาได้แต่บอกว่าไม่รู้ขอทำผมก่อนเดี๋ยวโทรกลับแล้วหายไป
เราก็เอะใจและรอจนถึง17.50 เมื่อฟ้าเริ่มมืด เราตัดสินใจเดินพร้อมกระเป๋าหนักเกือบ 30 โลคนเดียว เพื่อๆไปงานแต่งที่คนแถวนั้นบอกว่า
ห่างเพียง 1 กิโล เคราะห์ซ้ำ ยางกระเป๋าลากหลุด ทำให้เราต้องหยุดเดินและโบกรถตามทางต่อไป มีพี่ครอบครัวหนึ่งใจดี รับเราขึ้นรถ เราหวังเพียงพี่เค้าไปส่งที่จัดงาน อย่างน้อยเราก็จะได้อยู่ในที่ปลอดภัย และถึงไม่มีใครมาส่งก็ให้พ่อเรามารับได้
เราได้เล่าเรื่องราวให้พี่ที่เค้ามาส่งฟัง เมื่อถึงหน้างานแต่งพี่เค้าตัดสินใจอาสามาส่งเราที่บ้านและบอกเราว่าพี่เขาผ่านไปแถวนั้นพอดี
ระหว่างนั้นแม่เราก็บอกว่าถ้าเขาไม่มีคนมารับเราตั้งแต่แรกก็น่าจะบอกก่อนซักสี่โมงกว่าให้แม่มารับเอง ไม่ใช่ทำแบบนี้
เราบอกแม่ว่าได้ขึ้นรถแล้ว มีคนมาส่งเพื่อให้แม่สบายใจทั้งที่เราก็ไม่รู้ว่าคนที่มาส่งเรานั้นเป็นใคร และไว้ใจได้แค่ไหน
แต่เราก็ยอมเสี่ยง เพราะถ้าให้พ่อเราขับรถกลางคืนในป่าจะน่ากลัวและอันตรายกับพ่อเรามากกว่า
เมื่อถึงที่หมาย เราให้พ่อเราลงมารับ(โรงเรียนบ้านเราอยู่บนเขาลูกเล็กๆ) เราก็เล่าให้พ่อกับแม่ฟังว่าที่จริงไม่มีใครมาส่งเรา
ไม่มีใครโทรหาเรา หรือรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น พี่ที่มาส่งเค้าบอกว่าที่จริงพี่ไม่ได้มาแถวนี้หรอก แต่มันอันตราย พี่เลยมาส่ง
หวังว่าถ้าลูกสาวพี่ตกรถในอนาคตจะมีคนมาส่งบ้าง โดยพี่อุ้มลูกสาววัยสี่เดือนในอุ้งมือด้วยความน่าเอ็นดู แน่นอนว่าพ่อเราโกรธมาก
มันไม่คุ้มหรอกกับการที่ลูกสาวต้องมาเสี่ยงชีวิตในอำเภอที่พ่อบอกว่ามีแต่โจร กับยาเสพติด ไม่มีรถโดยสาร จนปัจจุบันนี้เวลาเก้าโมง
ก็ยังไม่มีการติดต่อจากทางเจ้าสาวแต่อย่างใด เรื่องนี้ขอเป็นบทเรียนว่าไปไหนอย่าหลับ จำทางให้ดี มือถือชาร์ตให้เต็มตลอดเวลา
เเละหากต้องเดินทางเซ็นสัญญาให้ดี อย่าตกลงปากเปล่า เพราะจะได้มีหลักฐานเอาผิด และมีสติให้ดี อย่าไว้ใจใครแม้เขาจะขับเบ็นหรือรวยแค่ไหนก็ตาม เราถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ ขอบคุณที่เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้น ทำให้เราเข้มแข็งได้อีกเยอะ ขอบคุณพี่ที่มาส่ง น้ำใจพี่งามมาก ขอให้สิ่งดีๆจงเกิดขึ้นกับพี่ตลอดไป
_______________________________________________________________________________________________
จนปัจจุบันตอนนี้ ตัวเจ้าสาวก็ยังไม่มีการติดต่อเพื่อนเรา หรือมีการขอโทษอะไรแต่อย่างใด เพื่อนเราให้สินน้ำใจกับพี่ที่เข้ามาส่ง1000 บาท แต่ 1000 บาทนั้นเทียบไม่ได้หรอกคะกับการที่เอาชีวิตของเพื่อนเรามาเสี่ยง
อยากเตือนให้เจ้าสาว หรือคนที่จะจ้างช่างหรืออะไรก็ตามทุกคน ที่รับปากกว่าจะหาคนมารับมาส่งให้ถึงที่ อย่ายืมจมูกคนอื่นมาหายใจเลยคะ
ถึงเวลางานจริง ทุกอย่างมันจะวุ่นไปหมด ทุกคนก็ต้องจัดการเรื่องของตัวเอง
แนะนำให้จ้างรถตู้ หรือรถรับส่งที่น่าไว้ใจ หรือลอคคนที่มาส่งกำหนดชัดเจน ไม่ใช่คุณสวยเสร็จแล้วคุณก็ทิ้งคนไว้ให้ตายเอาดาบหน้า
ถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น มันไม่คุ้มหรอกนะคะ พ่อแม่เค้า กว่าจะเลี้ยงดูเค้ามา เค้าจะเสียใจแค่ไหน
ฝากเตือนสาวๆไว้ด้วยนะคะ
ฝากเตือนถึงเจ้าสาว และช่างแต่งหน้าทุกคน เล่าสู่กันฟังจากประสบการณ์แย่ๆของเพื่อนเรา
เลยอยากจะแชร์ประสบการณ์ เพื่อเตือนใจให้สาวๆที่กำลังจะแต่งงาน หรือต้องมีงานลักษณะทำนองนี้ ซึ่งเป็นวันสำคัญของคุณ
แต่อาจจะทำให้ใครบางคน รู้สึกแย่ เสียความรู้สึก หรือถ้าเกิดเหตุการณ์ร้ายๆเกิดขึ้น ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ
เพื่อนเราเป็นช่างแต่งหน้าคะ ที่จริงเค้าก็รับเป็นแค่งานเสริม เพราะเพื่อนเรายังเรียนอยู่ ช่วงนี้ก็ไม่ค่อยได้รับงานแล้วคะ
แต่เพื่อนเรารับงานแต่งหน้าเจ้าสาวท่านหนึ่งซึ่งอยู่ต่างจังหวัด เป็นจังหวัดเดียวกับที่พ่อแม่เพื่อนเราอยู่ เพื่อนเราจึงรับงาน
เพราะหวังว่าจะได้เจอหน้าพ่อ แม่ ด้วย แต่เหตุการณ์ไม่ดีก็เกิดขึ้นกับเพื่อนเราคะ เราขอคัดลอกข้อความเหตุการณ์จากสเตตัสเพื่อนเรามานะคะ
เราไปแต่งหน้าเจ้าสาวที่จังหวัดสุราษธานี อ.เคียงซา เหตุผลที่เรารับงานเพราะพ่อแม่เราอยู่ที่สุราษอย่างน้อยจะได้กลับไปเจอพ่อแม่
โรงเรียนพ่อเราอยู่ อ.พุนพิน ซึ่งห่างจากเคียงซาประมาณ 45 นาที วันที่มาถึงเราได้ติดต่อหาเจ้าสาวและถามเกี่ยวกับอำเภอที่จะไป
โดยเราให้เจ้าสาวเค้าคุยกับแม่ และเค้ารับปากเรื่องคนมารับมาส่งอย่างดี
ตอนเช้าตีสามเมื่อวาน เพื่อนเจ้าสาวเป็นคนมารับ การทำงานเป็นไปอย่างเรียบร้อย
จนถึงการแต่งหน้ารอบเย็น ซึ่งงานที่นี่เริ่ม 5 โมง เรากับเจ้าสาวตกลงกันว่าจะให้เสร็จสี่โมง
ไม่เกินสี่โมงครึ่ง เพื่อที่จะให้มีคนมาส่งและกลับมางานทัน
เราได้นัดเจ้าสาวแต่งหน้าตอนบ่ายโมง ปกติจะใช้เวลาโดยคร่าวๆ 3 ชั่วโมงในการทำงาน แต่ด้วยความที่งานเช้าพิธีการล่าช้า
จึงเสร็จตอนบ่ายโมง เราเลยนัดเจ้าสาวตอนบ่ายสอง เพราะสองชั่วโมงคงจะทันในการทำงาน
เจ้าสาวอาบน้ำพร้อมมาแต่งหน้าบ่ายสองครึ่ง โดยการทำงานเป็นไปอย่างทุลักทุเล เพราะเจ้าสาวต้องลุกไปโน่นมานี่หลายครั้ง
และเบี่ยงหน้าเพื่อคุยอีกหลายครั้ง เมื่อช่างขาดสมาธิ การทำงานจึงล่าช้าจนเสร็จ 17.20 น.
ระหว่างการทำผม เราก็ได้ถามถึงคนที่มารับ คนที่มารับเราตอนเช้า ก็อยู่ร้านทำผม มาส่งไม่ได้
คนอื่นก็มาส่งไม่ได้โดยไม่ได้มีการวางแผนคนมาส่งตั้งแต่แรก เจ้าสาวบอกกับเราว่าให้รอที่บ้าน ดูแลบ้านให้พี่ด้วย
เดี๋ยวพี่ถามคนที่งานหาคนมาส่งน้องให้ แล้วเจ้าสาวกับเจ้าบ่าวก็ไป โดยทิ้งเราอยู่ที่บ้านคนเดียว 17.30
เราเก็บของเสร็จออกมาหน้าบ้าน เราโทรหาเจ้าสาวเป็นสิบสาย ซึ่งไม่รับ ระหว่างนั้นแม่เราก็ใจไม่ดีโทรหาเราตลอด
เพราะเวลานี้เราควรจะถึงบ้านได้แล้ว
เราได้ติดต่อพี่คนที่มารับตอนเช้าเพื่อถามถึงเบอร์โทรคนแถวนั้นที่อยู่ในงาน พี่เขาได้แต่บอกว่าไม่รู้ขอทำผมก่อนเดี๋ยวโทรกลับแล้วหายไป
เราก็เอะใจและรอจนถึง17.50 เมื่อฟ้าเริ่มมืด เราตัดสินใจเดินพร้อมกระเป๋าหนักเกือบ 30 โลคนเดียว เพื่อๆไปงานแต่งที่คนแถวนั้นบอกว่า
ห่างเพียง 1 กิโล เคราะห์ซ้ำ ยางกระเป๋าลากหลุด ทำให้เราต้องหยุดเดินและโบกรถตามทางต่อไป มีพี่ครอบครัวหนึ่งใจดี รับเราขึ้นรถ เราหวังเพียงพี่เค้าไปส่งที่จัดงาน อย่างน้อยเราก็จะได้อยู่ในที่ปลอดภัย และถึงไม่มีใครมาส่งก็ให้พ่อเรามารับได้
เราได้เล่าเรื่องราวให้พี่ที่เค้ามาส่งฟัง เมื่อถึงหน้างานแต่งพี่เค้าตัดสินใจอาสามาส่งเราที่บ้านและบอกเราว่าพี่เขาผ่านไปแถวนั้นพอดี
ระหว่างนั้นแม่เราก็บอกว่าถ้าเขาไม่มีคนมารับเราตั้งแต่แรกก็น่าจะบอกก่อนซักสี่โมงกว่าให้แม่มารับเอง ไม่ใช่ทำแบบนี้
เราบอกแม่ว่าได้ขึ้นรถแล้ว มีคนมาส่งเพื่อให้แม่สบายใจทั้งที่เราก็ไม่รู้ว่าคนที่มาส่งเรานั้นเป็นใคร และไว้ใจได้แค่ไหน
แต่เราก็ยอมเสี่ยง เพราะถ้าให้พ่อเราขับรถกลางคืนในป่าจะน่ากลัวและอันตรายกับพ่อเรามากกว่า
เมื่อถึงที่หมาย เราให้พ่อเราลงมารับ(โรงเรียนบ้านเราอยู่บนเขาลูกเล็กๆ) เราก็เล่าให้พ่อกับแม่ฟังว่าที่จริงไม่มีใครมาส่งเรา
ไม่มีใครโทรหาเรา หรือรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น พี่ที่มาส่งเค้าบอกว่าที่จริงพี่ไม่ได้มาแถวนี้หรอก แต่มันอันตราย พี่เลยมาส่ง
หวังว่าถ้าลูกสาวพี่ตกรถในอนาคตจะมีคนมาส่งบ้าง โดยพี่อุ้มลูกสาววัยสี่เดือนในอุ้งมือด้วยความน่าเอ็นดู แน่นอนว่าพ่อเราโกรธมาก
มันไม่คุ้มหรอกกับการที่ลูกสาวต้องมาเสี่ยงชีวิตในอำเภอที่พ่อบอกว่ามีแต่โจร กับยาเสพติด ไม่มีรถโดยสาร จนปัจจุบันนี้เวลาเก้าโมง
ก็ยังไม่มีการติดต่อจากทางเจ้าสาวแต่อย่างใด เรื่องนี้ขอเป็นบทเรียนว่าไปไหนอย่าหลับ จำทางให้ดี มือถือชาร์ตให้เต็มตลอดเวลา
เเละหากต้องเดินทางเซ็นสัญญาให้ดี อย่าตกลงปากเปล่า เพราะจะได้มีหลักฐานเอาผิด และมีสติให้ดี อย่าไว้ใจใครแม้เขาจะขับเบ็นหรือรวยแค่ไหนก็ตาม เราถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ ขอบคุณที่เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้น ทำให้เราเข้มแข็งได้อีกเยอะ ขอบคุณพี่ที่มาส่ง น้ำใจพี่งามมาก ขอให้สิ่งดีๆจงเกิดขึ้นกับพี่ตลอดไป
_______________________________________________________________________________________________
จนปัจจุบันตอนนี้ ตัวเจ้าสาวก็ยังไม่มีการติดต่อเพื่อนเรา หรือมีการขอโทษอะไรแต่อย่างใด เพื่อนเราให้สินน้ำใจกับพี่ที่เข้ามาส่ง1000 บาท แต่ 1000 บาทนั้นเทียบไม่ได้หรอกคะกับการที่เอาชีวิตของเพื่อนเรามาเสี่ยง
อยากเตือนให้เจ้าสาว หรือคนที่จะจ้างช่างหรืออะไรก็ตามทุกคน ที่รับปากกว่าจะหาคนมารับมาส่งให้ถึงที่ อย่ายืมจมูกคนอื่นมาหายใจเลยคะ
ถึงเวลางานจริง ทุกอย่างมันจะวุ่นไปหมด ทุกคนก็ต้องจัดการเรื่องของตัวเอง
แนะนำให้จ้างรถตู้ หรือรถรับส่งที่น่าไว้ใจ หรือลอคคนที่มาส่งกำหนดชัดเจน ไม่ใช่คุณสวยเสร็จแล้วคุณก็ทิ้งคนไว้ให้ตายเอาดาบหน้า
ถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น มันไม่คุ้มหรอกนะคะ พ่อแม่เค้า กว่าจะเลี้ยงดูเค้ามา เค้าจะเสียใจแค่ไหน
ฝากเตือนสาวๆไว้ด้วยนะคะ