ผมเห็นหลายๆคน เอาประโยคนี้มากล่าวถึง โดยอ้างอิงว่าเป็นคำกล่าวของ warren buffett
จริงๆแล้ว warren เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ในจดหมายถึงนักลงทุนที่ลงทุนในบริษัท berkshire นะครับ ผม quote ข้อความทั้งหมด ที่แปลโดยคุณ เทพ รุ่งธนาภิรมย์ ในหนังสือ The Essays of Warren Buffett ดังนี้
“ในสามสิบห้าปีที่ผ่านมา ธุรกิจในอเมริกาได้มีผลประกอบการที่ดีมาก ดังนั้นมันก็เป็นการง่ายที่นักลงทุนจะได้ผลตอบแทนที่เป็นกอบเป็นกำ สิ่งที่เขาต้องทำก็เพียงแต่เลือกซื้อหุ้นแบบกระจายหลายตัวโดยเสียค่าธรรมเนียมต่ำ การลงทุนในกองทุนดัชนีก็สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีได้ ที่น่าแปลกใจก็คือ ยังมีนักลงทุนจำนวนมากทีเดียวที่ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนแบบต่ำเตี้ยถึงขนาดขาดทุนอย่างมโหฬาร
เรื่องของเรื่องก็มาจากสาเหตุสามข้อ
หนึ่ง - ต้นทุนที่สูงอันเกิดจากการที่นักลงทุนทำการซื้อขายหุ้นถี่เกินไปหรือจ่ายเงินมากเกินไปเกี่ยวกับการจัดการเกี่ยวกับทุน
สอง - การตัดสินใจลงทุนมักจะอาศัยแหล่งข่าวมากกว่าการประเมินธุรกิจของหุ้นอย่างมีระบบและรอบคอบ และ
สาม - ใช้วิธีเริ่มแล้วหยุดในตลาดหุ้น คือ เข้าผิดจังหวะ และออกผิดจังหวะ นักลงทุนควรจำไว้ว่าความตื่นเต้นและค่าใช้จ่ายเป็นศัตรูตัวฉกาจของเขา และถ้าเขายังยืนยันที่จะใช้จังหวะในการเข้ามาในตลาดหุ้น พวกเขาควรจะกลัวเมื่อคนอื่นกำลังโลภและควรจะโลภเมื่อคนอื่นกำลังมีความกลัว”
ส่วนตัวแล้ว warren ไม่ได้แนะนำในแบบที่พวกเราเข้าใจกัน มันเป็นเพียงคำแนะนำสำหรับคนที่ทนถือไม่ไหว ต้องเข้าๆออกๆ ตามจังหวะ ซึ่งผมถือว่าตรงนี้ไม่ใช่ประเด็นหลักที่ warren จะส่งเสริมด้วยซ้ำ
ความเข้าใจผิดของคนส่วนใหญ่เกี่ยวกับประโยค "จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว"
จริงๆแล้ว warren เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ในจดหมายถึงนักลงทุนที่ลงทุนในบริษัท berkshire นะครับ ผม quote ข้อความทั้งหมด ที่แปลโดยคุณ เทพ รุ่งธนาภิรมย์ ในหนังสือ The Essays of Warren Buffett ดังนี้
“ในสามสิบห้าปีที่ผ่านมา ธุรกิจในอเมริกาได้มีผลประกอบการที่ดีมาก ดังนั้นมันก็เป็นการง่ายที่นักลงทุนจะได้ผลตอบแทนที่เป็นกอบเป็นกำ สิ่งที่เขาต้องทำก็เพียงแต่เลือกซื้อหุ้นแบบกระจายหลายตัวโดยเสียค่าธรรมเนียมต่ำ การลงทุนในกองทุนดัชนีก็สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีได้ ที่น่าแปลกใจก็คือ ยังมีนักลงทุนจำนวนมากทีเดียวที่ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนแบบต่ำเตี้ยถึงขนาดขาดทุนอย่างมโหฬาร
เรื่องของเรื่องก็มาจากสาเหตุสามข้อ
หนึ่ง - ต้นทุนที่สูงอันเกิดจากการที่นักลงทุนทำการซื้อขายหุ้นถี่เกินไปหรือจ่ายเงินมากเกินไปเกี่ยวกับการจัดการเกี่ยวกับทุน
สอง - การตัดสินใจลงทุนมักจะอาศัยแหล่งข่าวมากกว่าการประเมินธุรกิจของหุ้นอย่างมีระบบและรอบคอบ และ
สาม - ใช้วิธีเริ่มแล้วหยุดในตลาดหุ้น คือ เข้าผิดจังหวะ และออกผิดจังหวะ นักลงทุนควรจำไว้ว่าความตื่นเต้นและค่าใช้จ่ายเป็นศัตรูตัวฉกาจของเขา และถ้าเขายังยืนยันที่จะใช้จังหวะในการเข้ามาในตลาดหุ้น พวกเขาควรจะกลัวเมื่อคนอื่นกำลังโลภและควรจะโลภเมื่อคนอื่นกำลังมีความกลัว”
ส่วนตัวแล้ว warren ไม่ได้แนะนำในแบบที่พวกเราเข้าใจกัน มันเป็นเพียงคำแนะนำสำหรับคนที่ทนถือไม่ไหว ต้องเข้าๆออกๆ ตามจังหวะ ซึ่งผมถือว่าตรงนี้ไม่ใช่ประเด็นหลักที่ warren จะส่งเสริมด้วยซ้ำ