ฝ่ายหนึ่งมอง นายกฯลงพื้นที่เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับผู้ประสบภัย
อีกฝ่ายมอง นายกฯใส่ร้องเท้าบู๊ทราคาแสนแพง

ฝ่ายหนึ่งมอง นายกฯทำงานไม่ตอบโต้
อีกฝ่ายมอง นายกฯกลัวพูดผิด

ฝ่ายหนึ่งมอง ประชานิยมเป็นการช่วยเหลือคนจน
อีกฝ่ายมอง ประชานิยมเป็นการซื้อเสียง

ฝ่ายหนึ่งมอง นายกฯไปต่างประเทศเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี
อีกฝ่ายมอง นายกฯไปเพื่อแสดงแฟชั่น

ฝ่ายหนึ่งภูมิใจ ที่นายกฯได้รับความชื่นชมจากผู้นำชาติต่างๆ
อีกฝ่ายอับอาย ที่นายกฯพูดอังกฤษผิดๆถูกๆ

ฝ่ายหนึ่งมอง นายกฯทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดจากเหนื่อย
อีกฝ่ายมอง นายกฯต้องการหนีสภา

ฝ่ายหนึ่งมอง นายกฯเป็นคนมีความยึดหยุ่น
อีกฝ่ายมอง นายกฯไม่เป็นตัวของตัวเอง

ฝ่ายหนึ่งมอง นายกฯต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย
อีกฝ่ายมอง นายกฯต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อช่วยพี่ชาย

ฝ่ายหนึ่งมอง ต้องแก้ไขมาตรา 309 เพราะไม่เป็นประชาธิปไตย
อีกฝ่ายมอง การแก้ไขมาตรา 309 เป็นการช่วยทักษิณ

ฝ่ายหนึ่งมอง การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ
อีกฝ่ายมอง การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องถามความคิดเห็นของศาลรัฐธรรมนูญ

ฝ่ายหนึ่งมอง ยุคนี้ตำรวจทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
อีกฝ่ายมอง เป็นรัฐตำรวจ

ฝ่ายหนึ่งมอง การทำตัวของกองทัพในยุคนี้น่าชื่นชม
อีกฝ่ายมอง การทำตัวของกองทัพในยุคนี้ต้องตามด่า

ฝ่ายหนึ่งมอง นิรโทษกรรมเป็นทางออกของประเทศ
อีกฝ่ายมอง นิรโทษกรรมจะยิ่งเพิ่มความขัดแย้ง

ฝ่ายหนึ่งมอง ค่าแรง 300 บาทเป็นการช่วยเหลือผู้ใช้แรงงานให้พออยู่ได้
อีกฝ่ายมอง นายจ้างจะอยู่ไม่ไหว

ฝ่ายหนึ่งมอง ค่าแรงที่เพิ่มขึ้นทำให้การจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
อีกฝ่ายมอง ค่าแรงที่เพิ่มขึ้นทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น

ฝ่ายหนึ่งมอง จำนำข้าวช่วยคุณภาพชาวนาให้ดีขึ้น
อีกฝ่ายมอง ผู้ส่งออกส่งออกน้อย

ฝ่ายหนึ่งมอง ส่งออกข้าวน้อยลง แต่มูลค่าได้เพิ่มขึ้น
อีกฝ่ายมอง เราสูญเสียความเป็นที่หนึ่งในการส่งออก

ฝ่ายหนึ่งมอง การทุจริตต้องแก้ไข
อีกฝ่ายมอง ต้องยกเลิกทั้งโครงการ

ฝ่ายหนึ่งมอง รถคันแรกเป็นการเปิดโอกาสให้กับชนทุกชั้น
อีกฝ่ายมอง เป็นการทำให้รถติด

ฝ่ายหนึ่งมอง ภาษีจำนวนมากที่ได้จากการจำหน่ายรถคันแรก
อีกฝ่ายมอง การลดหย่อนภาษีเป็นการทำให้รัฐขาดรายได้

ฝ่ายหนึ่งมอง แท็ปเล็ตเป็นการช่วยพัฒนาเด็กไทยให้ทันเทคโนโลยี่
อีกฝ่ายมอง เด็กไทยยังใช้ไม่เป็น รักษาไม่ได้

ฝ่ายหนึ่งมอง เสียงส่วนใหญ่เป็นเสียงสวรรค์
อีกฝ่ายมอง เสียงส่วนใหญ่เป็นเสียงไร้คุณภาพ

ฝ่ายหนึ่งมอง ในสภาต้องอาศัยมติเสียงส่วนใหญ่
อีกฝ่ายมอง มติเสียงส่วนใหญ่เป็นเผด็จการรัฐสภา

ฝ่ายหนึ่งมอง รัฐต้องรับผิดชอบการเยียวยาผู้ถูกกระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐ
อีกฝ่ายมอง จะทำให้มีคนยอมตายเพื่อแลกกับเงินเยียวยา

ฝ่ายหนึ่งมอง การเรียกร้องให้นายกฯยุบสภาเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
อีกฝ่ายมอง การเรียกร้องให้แช่แข็งประเทศเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ

ฝ่ายหนึ่งมอง การใช้อาวุธสงครามกับผู้ชุมนุมไม่เป็นไปตามหลักสากล
อีกฝ่ายมอง การใช้แก๊สน้ำตากับผู้ชุมนุมเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

ฝ่ายหนึ่งมอง การจัดเก็บภาษีได้เกินเป้า เป็นเพราะแผนกระตุ้นเศรษฐกิจได้ผล
อีกฝ่ายมอง สินค้าแพงขึ้น ภาษีก็ได้เพิ่มขึ้น

ฝ่ายหนึ่งมอง นักลงทุนต่างชาตินำเงินเข้ามาลงทุนมากมาย เพราะความเชื่อมั่น
อีกฝ่ายมอง ประเทศกำลังจะล่มสลาย เพราะนโยบายรัฐบาล

ฝ่ายหนึ่งมอง แค่สนามฟุตซอลยังสร้างไม่เสร็จทันแข่งขัน
อีกฝ่ายเชื่อ จะสามารถสร้างกรุงเทพให้เป็นมหานครแห่งทุกคน

ฝ่ายหนึ่งมอง การแบนละครเหนือเมฆ 2 ต้องรอความชัดเจน
อีกฝ่ายเชื่อ เป็นใบสั่งจากรัฐบาล

ฝ่ายหนึ่งมอง ความแตกแยกของสังคม เพราะมีการปลุกระดมสร้างกระแสความเกลียดชัง
แต่อีกฝ่ายมอง เป็นเพราะคุณทักษิณ

และสุดท้าย ฝ่ายหนึ่งมอง กระบวนการยุติธรรมภายใต้ประชาธิปไตยน่าศรัทธา
แต่อีกฝ่ายมอง กระบวนการยุติธรรมภายใต้รัฏฐาธิปัตย์น่าเชื่อถือ