ลิขิตรักธารามังกร บทที่ 5. ศักดิ์ฐานะอันสูงส่ง

กระทู้สนทนา
ม้วนผ้าแพรยาวเหยียด บรรจุภาพสิ่งก่อสร้างหลากหลายชนิด ลายเส้นเหล่านั้นเป็นแบบก่อสร้างอาคารบ้านเรือน ตึกรามใหญ่โตรูปทรงประหลาด

บางรูปยังคลับคล้ายพระตำหนัก ทั้งยังมีป้อมค่ายประตูหอรบอันใด แต่ทั้งรูปทรงทั้งรายละเอียดหลายอย่างของสิ่งก่อสร้าง กลับผิดแปลกไปไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย สิ่งนี้คืออะไรกัน!

หานอี้ซินส่ายหน้า กล่าวเพียง

“ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าสิ่งนี้คืออะไร รู้เพียงจักรพรรดิว่านอู้ทรงสั่งให้เถียนฟู่โหย่วคุมงานก่อสร้าง แต่สร้างไปได้เพียงเล็กน้อยคนผู้นี้ก็หายตัวไป...หรือตอนนี้เถียนฟู่โหย่วหมดประโยชน์แล้ว...”

นางจับจ้องใบหน้าบุรุษร่างใหญ่ เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

“ท่านคล้ายกำลังบอกว่า คนที่สังหารเถียนฟู่โหย่วไม่ใช่คนของเฉินเทียนหราน…”

“ไม่ใช่อย่างแน่นอน”

“ท่านมั่นใจได้อย่างไร”

หานอี้ซินจ้องหน้านางแน่วนิ่ง เอ่ยทีละคำช้าๆ อย่างไร้เรื่องราวใด

“เพราะผู้ที่ได้รับเลือกจากเหล่าแม่ทัพขุนพลผู้ภักดี ทำการล้างแค้นให้ท่านแม่ทัพจูกัดจิ้นคือข้าพเจ้า…ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ข้าพเจ้าไม่รู้”

นางอุทานอย่างตื่นตะลึง ร่างผละถอยห่าง เมื่อแรกยังเข้าใจว่าหานอี้ซินวางแผนล้างแค้นด้วยกำลังตนเอง ทว่าจากวาจาเหล่านี้แสดงว่าหานอี้ซินได้รับมอบหมายภารกิจ มิน่าคนผู้นี้ถึงรู้ข้อมูลมากมายที่ไม่ควรรู้ปานนี้ ความหวาดระแวงโถมเข้าคลุมจิตใจนางอีกครั้ง กระบี่สั้นในมือพุ่งวาบจ่อจี้ลำคอหานอี้ซิน!

“ท่านที่แท้ต้องการอะไรกันแน่!”

หานอี้ซินแค่นหัวร่อในลำคอ ยังจับจ้องใบหน้านางแน่วนิ่ง กล่าวเสียงเย็นชา

“เหตุใดท่านจึงระแวงข้าพเจ้าอีก”

นางกระชากเสียงแข็งกร้าว

“เดิมข้าพเจ้าเข้าใจว่า ท่านล้างแค้นให้จูกัดจิ้นเพราะความภักดีส่วนตัว แต่นี่กลับมิใช่! ท่านได้รับมอบหมายภารกิจ แสดงว่าท่านเป็นทหารของเฉินเทียนหราน!”

หานอี้ซินหัวร่อก้องกังวาน ราวได้ยินเรื่องขบขันที่สุดในชีวิต ส่ายหน้ากล่าวอย่างเฉื่อยชา

“มิใช่! เหล่าแม่ทัพขุนพลผู้วางแผนครั้งนี้ ล้วนเคารพเลื่อมใสท่านแม่ทัพจูกัดจิ้น ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเฉินเทียนหราน! ทั้งหมดเคืองแค้นเฉินเทียนหรานไม่น้อยกว่าเถียนฟู่โหย่ว แต่เฉินเทียนหรานจะอย่างไรเป็นเจ้าชีวิต ดังนั้นเป้าของทั้งหมดจึงมุ่งที่เถียนฟู่โหย่ว สำหรับข้าพเจ้าที่ยอมรับงานครั้งนี้ เพราะต้องการล้างแค้นให้ท่านแม่ทัพใหญ่...”

บุรุษร่างใหญ่เอ่ยกระแสเสียงเยียบเย็น

“เฮอะ...ท่านเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นคนโง่เขลาหรือ หรือท่านคิดว่าข้าพเจ้ายังจะภักดีกับคนเช่นเฉินเทียนหราน! หากภักดีต่อมัน ข้าพเจ้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่า วันหนึ่งจะไม่พบชะตากรรมเช่นท่านแม่ทัพใหญ่! หรือเฉกเช่นเถียนฟู่โหย่ว!”

นางนิ่งอึ้ง เนื่องเพราะคำกล่าวของหานอี้ซินเปี่ยมเหตุผล หลังถูกทรยศครั้งหนึ่งคงมีแต่คนโง่เท่านั้นที่ยังยอมภักดีต่อคนเช่นเฉินเทียนหราน...

“หลังภารกิจเสร็จสิ้น ข้าพเจ้าคิดหาหนทางถอนตัวอยู่แล้ว เหตุบังเอิญที่ได้พบท่าน ทำให้ข้าพเจ้ามีทางเลือก”

นางจับจ้องใบหน้าบุรุษร่างใหญ่แน่วนิ่ง

“ที่ท่านลอยเรือกลางลำน้ำ กระทั่งช่วยเหลือข้าพเจ้า ทั้งหมดเป็นเหตุบังเอิญจริงหรือ”

หานอี้ซินครุ่นคิดชั่วครู่ ก่อนพยักหน้ากล่าวว่า

“ตกลง...หากไม่เล่ารายละเอียดท่านคงไม่ไว้ใจข้าพเจ้า”

หยุดเล็กน้อยค่อยกล่าวว่า

“เมื่อคืนข้าพเจ้ากำลังรอข่าวชิ้นหนึ่งกลางแม่น้ำ มิคาด คนส่งข่าวยังมาไม่ถึง กลับบังเอิญพบท่านถูกไล่ล่า การช่วยเหลือในคืนนั้นล้วนเป็นเหตุบังเอิญทั้งสิ้น”

นางเขม็งจับจ้องนัยน์ตาหานอี้ซิน พยายามจับความรู้สึกค้นหารอยพิรุธ ทว่ากลับไม่พบสิ่งใดผิดสังเกต บุรุษร่างใหญ่วางสีหน้าเรียบเฉย แววตาทอประกายสงบนิ่งลึกล้ำ เขม็งจ้องนางตอบอย่างไม่เกรงกลัว

บุรุษผู้นี้ไม่มีเค้ารอยใดให้จับโกหกได้จริงๆ...

หรือทุกสิ่งที่หานอี้ซินกล่าวเป็นความจริง...

เสี้ยวขณะนั้น ความไว้วางใจเช่นที่เคยรู้สึกบนเรือบังเกิดขึ้นอีกครั้ง...

นางครุ่นคิดหวนทบทวนเรื่องราว ที่ผ่านมาแม้หานอี้ซินปกปิดข้อมูล แต่ก็ยังมิเคยโกหกสิ่งใด ยิ่งตอนนี้มีหลักฐานที่สามารถช่วยยั้งทัพได้อยู่ในมือ ทั้งม้วนผ้าแพรแปลกประหลาดนี้ยังต้องสืบหาความจริง ประการสำคัญคนผู้นี้ยังเสี่ยงชีวิตช่วยนางไว้หลายครั้ง

นางตัดสินใจ...จะลองไว้ใจบุรุษผู้นี้อีกสักครั้ง...

กระบี่สั้นในมือค่อยๆ รั้งคืนจากลำคอหานอี้ซิน...

“ข้าพเจ้าจะเชื่อใจท่านอีกสักครั้ง แต่จำไว้! ต่อไปอย่าได้ปิดบังข้อมูลใดกับข้าพเจ้าอีก!”

บัดนั้น นางพลันฉุกคิดได้ เอ่ยน้ำเสียงตระหนก

“มือสังหารชุดดำที่ลอบจู่โจมพวกเราที่ริมฝั่งน้ำ! หรือว่าเป็นมัน!”

หานอี้ซินทอดถอนใจ แสดงสีหน้าเบื่อหน่ายรำคาญ

“จนบัดนี้เพิ่งคิดได้หรือ พลังฝีมือของเถียนฟู่โหย่วไม่ต่ำทราม มือสังหารทั่วไปไม่สามารถฆ่าคนผู้นี้ภายในกระบี่เดียว คนลงมือพลังฝีมืออย่างน้อยต้องทัดเทียบข้าพเจ้า เมื่อแรกข้าพเจ้าค่อนข้างมั่นใจ ว่าคนลงมือคือมือสังหารชุดดำ ผู้ลอบจู่โจมพวกเราริมฝั่งน้ำ แต่เมื่อคนสวมหมวกปีกกว้างผู้ใช้แส้ปรากฏตัวขึ้น ข้าพเจ้าจึงนับรวมมันเป็นผู้ต้องสงสัยอีกคน”

“ท่านที่แท้มีข้อสันนิษฐานเหล่านี้แต่แรก ไฉนไม่บอกต่อข้าพเจ้า!”

“เหตุใดต้องบอกออกไป เหล่านี้ล้วนเป็นการวิเคราะห์เหตุการณ์ธรรมดาสามัญ มิได้มีจุดใดสลับสับซ้อนสักนิด ท่านย่อมคิดได้เองอยู่แล้ว”

“นี่ท่านคิดทดสอบข้าพเจ้าหรือ!”

หานอี้ซินแสดงท่าทางคร้านจะโต้เถียงกับนางอีก

นางไหนเลยยอมเลิกเพียงเท่านี้ ต้องซักไซ้เอาความให้ได้

“มือสังหารที่ลอบจู่โจมพวกเราริมฝั่งน้ำ อาจเป็นคนฆ่าเถียนฟู่โหย่ว แต่คนสวมหมวกปีกกว้างเข้าช่วยเหลือพวกเรา ทำไมท่านจึงนับรวมเป็นผู้ต้องสงสัยด้วย”

“เหตุผลมีเพียงข้อเดียว พลังฝีมือคนผู้นั้นสามารถฆ่าเถียนฟู่โหย่วได้”

นางเอ่ยถามด้วยความฉงน แววตาระแวงสงสัย ฉายไปยังบุรุษร่างใหญ่อีกครั้ง

“เพราะเหตุผลเพียงเท่านั้นหรือ”

“นี่เป็นเหตุผลสำคัญที่สุด ข้าพเจ้าบอกแต่แรก ผู้สามารถสังหารเถียนฟู่โหย่วในกระบี่เดียว ต้องมีพลังฝีมือไม่ด้อยกว่าข้าพเจ้า เฮอะ ข้าพเจ้ามิได้โอ้อวด หรือท่านคิดว่าผู้มีพลังฝีมือระดับนี้ มีมากมายดาษดื่นแผ่นดิน แต่ในคืนนี้พวกเรากลับพบผู้เยี่ยมยุทธ์ถึงสองคน ไหนเลยเป็นเรื่องบังเอิญได้ คนทั้งสองต้องเกี่ยวข้องกับเถียนฟู่โหย่ว หาไม่ก็ต้องเสาะหาคนผู้นี้เช่นเดียวกับพวกเรา ในสถานการณ์คืนนี้คนลึกลับทั้งสอง ย่อมเป็นผู้ต้องสงสัยเท่าเทียมกัน”

นางรับฟังจบสิ้นเพียงแค่นหัวร่อ กล่าวอย่างเฉื่อยชา

“เพียงคนลึกลับทั้งสองเท่านั้นหรือที่น่าสงสัย เหตุใดจึงไม่นับรวมคนอีกผู้หนึ่งเข้าไปด้วย”

แววตาบุรุษร่างใหญ่ฉายแววฉงนฉงาย

นางแค่นหัวร่อ ประโยคที่เอ่ยต่อมาแทบเน้นทีละคำชัดเจนยิ่ง

“คนผู้นี้พลังฝีมือสูงเยี่ยม ทั้งชำนาญพื้นที่รอบบึงภูตจันทรา ทั้งทราบตำแหน่งบ้านของเถียนฟู่โหย่วเป็นอย่างดี”  

หานอี้ซินหัวร่อเสียงดังลั่น หัวเราะเนิ่นนานดั่งประสบพบเรื่องพึงพอใจยิ่ง กระแสเสียงนั้นกังวานกระจ่างใส ไม่มีแววเยาะเย้ยหยันแอบแฝงแม้น้อยนิด

นางย่อมจับกระแสแห่งความพึงพอใจนั้นได้ ยิ่งระคนสงสัย บุรุษร่างใหญ่หัวร่อเต็มเสียงด้วยเหตุใด

“ท่านหัวเราะทำไม”

บุรุษร่างใหญ่พยักหน้าน้อยๆ แววตาฉายประกายเคร่งขรึมจริงจัง

“ถูกต้อง ท่านรอบคอบยิ่ง มีคนอีกผู้หนึ่งสามารถทำได้จริงๆ ข้าพเจ้ากลับลืมเลือนไปเสีย”

ปฏิกิริยาของบุรุษร่างใหญ่ นับว่าเหนือกว่าที่นางคาดคิด ทั้งที่ถูกกล่าวหา ไฉนยังมีหน้าชมเชยนางอีก

“ข้าพเจ้านับท่านรวมกับพวกมือสังหารชุดดำ คนสวมหมวกปีกกว้าง ท่านไม่ขุ่นเคืองเลยหรือ”

หานอี้ซินส่ายหน้า กล่าวอย่างจริงจังว่า

“เหตุใดต้องขุ่นเคือง ท่านความจริงเฉลียวฉลาด ทั้งยังละเอียดรอบคอบ เพียงแต่ปกติอารมณ์ร้อนวู่วาม หุนหันพลันแล่น ซ้ำดื้อดึงเชื่อมั่นความคิดตนเกินไป หากท่านสามารถสงบใจเยือกเย็น จะค้นพบเงื่อนงำเชื่อมโยงเรื่องราว คลี่คลายสะสางปมปัญหากระจ่างชัดแต่แรก”

นางรับฟังจนนิ่งงันไป ไม่คาดว่าเพียงระยะเวลาสั้นๆ บุรุษร่างใหญ่จะมองนางทะลุปรุโปร่งเช่นนี้ อุปนิสัยอันเป็นข้อเสียเหล่านี้ ท่านอาจารย์สั่งสอนตักเตือนนางหลายครั้ง นางเองก็ตระหนักรับทราบดี

หากเมื่อถึงเวลาฉุกละหุก ต้องตัดสินใจลงมือโดยพลัน อารมณ์กลับมักนำพาเหตุผล ข้อมูลเบาะแสบางประการทั้งที่อยู่ตรงหน้ากลับมองข้ามไป แม้ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดความผิดพลาดร้ายแรงใด แต่นั่นก็เพราะมักมีผู้คอยช่วยเหลือแก้สถานการณ์ให้ ยิ่งในคราวนี้…

หากหานอี้ซินไม่พบเจอทั้งช่วยเหลือไว้ หากมือฆ่าเหล่านั้นรู้ว่า ที่แท้กำลังไล่ล่าผู้ใดจะเกิดสิ่งใดขึ้น…

เมื่อได้ฉุกคิดถึงจุดอ่อนของตน ห้วงความคิดพลันกระจ่าง นางกลับฉุกใจคิดเรื่องหนึ่งขึ้น เอ่ยถามออกไป

“หัวหน้าหน่วยพยัคฆ์คำรณ ตามข่าวที่สืบทราบมีอายุเข้าวัยกลางคนแล้ว ส่วนรองหัวหน้าหน่วยมีหลายคน จำนวนที่แน่นอนไม่อาจทราบ ท่าน…คือหนึ่งในรองหัวหน้าหน่วยใช่หรือไม่”

หานอี้ซินมิได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ชี้มือบอกว่า

“ถึงโค้งหน้าจะเลี้ยวเข้าลำน้ำแยกแล้ว ส่งพายให้ข้าพเจ้า”

นางเพียงทอดถอนใจ เมื่ออีกฝ่ายตั้งใจแน่วแน่ที่จะไม่บอก ก็ไม่คิดคาดคั้นอันใดอีกแล้ว ทว่ากลับยังถือไม้พายไว้มั่น กล่าวว่า

“ท่านบาดเจ็บที่ไหล่ ไว้เป็นหน้าที่ข้าพเจ้าเถอะ”

หานอี้ซินคิดโต้แย้ง แล้วกลับบอกเพียง

“กระแสน้ำที่ไหลเข้าสู่ทะเลสาบแรงมาก ระวังตัวด้วย”

นางแค่นเสียงเฮอะกึ่งรำคาญ บุรุษผู้นี้คิดว่านางทำสิ่งใดไม่เป็นหรืออย่างไร…

เมื่อเข้าสู่โค้งซึ่งเชื่อมทะเลสาบกับลำน้ำแยกอีกสองสาย กระแสน้ำกลับไหลแรงกว่าที่คาดไว้ นางต้องออกแรงพายบังคับเรือจนเหนื่อยหอบ ที่สุดสามารถผ่านช่วงกระแสน้ำเชี่ยวมาได้

แม้เหนื่อยแทบหมดแรง แต่เมื่อเข้าสู่อีกช่วงของทะเลสาบมังกรสวรรค์อันวิจิตรตระการตา ดอกบัวมากมายหลากสีสัน ไหลลอยเรื่อยตามลำน้ำไม่ขาดสาย

ไม้น้ำริมฝั่งเขียวชอุ่มแผ่กิ่งก้านใบละลานตา ปกคลุมครึ้มร่มรื่นเป็นแนวยาวตลอดฟากฝั่ง กระแสน้ำบางช่วงตอนยังส่องประกายระยิบระยับงดงามงามจับตา

ราตรีอันดึกสงัดช่างสงบเงียบปราศจากสุ้มเสียงใด บรรยากาศรอบด้านดุจดั่งสวรรค์บนแดนดิน จิตใจแสนเหนื่อยล้าพลันชุ่มชื่นฟื้นคืนเรี่ยวแรงในบัดดล

นางเคยล่องในทะเลสาบแห่งนี้หลายครั้ง แต่ไม่เคยล่องในคืนไร้แสงเดือนดาวมาก่อน แน่นอนเหตุที่ต้องเป็นเช่นนั้นเนื่องเพราะเหตุผลเรื่องความปลอดภัย

แสงราตรีวิจิตรตระการ ในคืนอันเต็มไปด้วยหมู่เดือนดาวอาจทำให้ตื่นตาก็จริง ทว่าความสงบเยี่ยงนี้กลับทำให้จิตใจปลอดโปร่งกว่า ช่างเป็นช่วงเวลาแห่งความสงบ อันหาได้น้อยนิดยิ่งในชีวิตของนาง...

ท่ามกลางความสงัดงัน หานอี้ซินพลันโพล่งขึ้น

“เป็นไร ไม่เคยล่องทะเลสาบยามนี้หรือ”

นางหันขวับ คนผู้นี้ช่างทำเสียบรรยากาศจริงๆ

บุรุษหนุ่มจุ่มมือลงในกระแสน้ำ พยักหน้าดั่งพึงพอใจ บอกกับนางว่า

“ท่านบังคับเรือให้ไปตามกระแสน้ำ ช่วงเวลานี้กระแสน้ำจะไหลไปทางเหนือสู่ลำน้ำจินหลง พายตามสายน้ำไปเรื่อยๆ เบาแรงกว่า อีกไม่นานจะเข้าสู่ลำน้ำสายตะวันออก จากที่นั่นควรเดินทางไปยั้งทัพทัน”

นางพยักหน้ารับทราบ อดเอ่ยถามมิได้

“ดูท่านชำนาญพื้นที่แถบนี้มาก”

“ข้าพเจ้าเคยเข้ามาทั้งหาข่าว ทั้งดูทำเลลู่ทางหลายครั้ง เถียนฟู่โหย่วเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ภารกิจสำคัญเช่นนี้ไหนเลยผิดพลาดได้ ย่อมต้องเตรียมการเป็นอย่างดี”

หานอี้ซินยื่นมือมาขอพาย

“ให้ข้าพเจ้าพายบ้าง ท่านพักผ่อนเถอะ”

นางแค่นเสียงเฮอะ กล่าวน้ำเสียงดูแคลน

“ดูสังขารท่านเสียก่อน โลหิตไหลซึมจากบาดแผลอีกแล้ว ข้าพเจ้ามีแรงพาย”

หานอี้ซินรับฟังดังนั้น พลันล้มตัวลงนอน

“อย่างนั้นรบกวนท่านแล้ว ข้าพเจ้าขอพักผ่อนก่อน”

นางอยากจะใช้พายทุบบุรุษร่างใหญ่สักทีจริงๆ ยียวนกวนโทสะนางไม่เลิกรา ความจริงนางเองก็เหน็ดเหนื่อยไม่น้อย ดีที่เรือแล่นตามกระแสน้ำค่อยพายเบาแรงอักโข จะอย่างไรยามนี้ยังทันเวลา

นางไม่ควรเร่งพายจนเกินไป เนื่องเพราะต้องออมกำลังไว้ส่วนหนึ่ง เมื่อเทียบฝั่งยังต้องให้วิชาตัวเบาไปดักหน้าหยุดยั้งทัพ

ภารกิจครั้งนี้จะเรียกว่าสำเร็จได้หรือไม่...

ครั้งนี้พิสูจน์ได้เพียงว่าในกองทัพมีไส้ศึก...

แต่ข่าวรั่วไหลจากไหน...ใครเป็นไส้ศึกเบาะแสขาดหายแล้ว

ไม่ว่าอย่างไรครั้งนี้นางสามารถหยุดยั้ง การสูญเสียชีวิตเหล่าทหารกล้าโดยไม่จำเป็นไว้ได้ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว อื่นๆ ไว้เป็นหน้าที่ผู้อื่นสืบหาเถอะ...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่