สุขภาพก็มีเทรนด์ แพทย์ชี้ 17 การตรวจรักษา เรื่องใดจ่อหลุด เรื่องไหนยิ่งก้าวล้ำ
เปิดศักราชใหม่ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเวชศาสตร์อายุรวัฒน์หรือศาสตร์ชะลอชรา อย่าง “นายแพทย์กฤษดา ศิราพุช” ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ เผยความเคลื่อนไหวในด้านสุขภาพ ทั้งการตรวจ การรักษา และไลฟ์สไตล์สุขภาพ ที่หลายๆ อย่างหันไปเน้นให้คนไข้เป็นศูนย์กลางหรือให้คนไข้เป็น “หมอของตัวเอง” พึ่งหมอพึ่งยาให้น้อยที่สุดหรือ “เท่าที่จำเป็น” เรื่องราวดังกล่าวสะท้อนผ่านเทรนด์สุขภาพ โดย 17 เรื่องที่มาแรง ได้แก่...
1.การแพทย์แบบ “เฉพาะบุคคล” เน้นว่าแต่ละบุคคลมีความพิเศษเฉพาะตัว ดังนั้นการรักษาและยาก็ควรให้เหมาะกับความจำเพาะของบุคคลนั้นๆ
2.การแพทย์แบบ “เวชศาสตร์อายุรวัฒน์” ที่เน้นคนไข้เป็นศูนย์กลาง เน้นความเข้าใจ ให้คนไข้เป็นหมอของตัวเองร่วมด้วย ไม่จ่ายยาโดยไม่จำเป็น และเน้น “ไฮทัช” ในการพูดคุยดูแลคนไข้แต่ก็ไม่ทิ้งไฮเทค
3.การตรวจแบบ “เฉพาะบุคคล” ทั้งเลือดและฮอร์โมน โดยมีคุณหมอซักประวัติส่วนตัว ครอบครัว และยา วิตามินที่รับประทานอย่างละเอียด ก่อนจัดโปรแกรมตรวจสุขภาพที่เหมาะกับตัวเราให้ พร้อมทั้งมีคุณหมอแนะนำวิธีปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันโรคในอนาคต
4.การแปลผลสุขภาพในรูปแบบ “กันไว้ก่อน” โดยใช้ “ค่าที่เหมาะสม” เพื่อให้คนไข้รู้ถึงแนวโน้มและความเสี่ยงก่อนป่วยจริง
5.ให้บ้านเป็นโรงพยาบาล เน้นการดูแลตัวเองที่บ้านโดยมีแพทย์เป็นที่ปรึกษามากกว่า “ชี้นำ” ย้ำให้ตัวคนไข้เป็นศูนย์กลางไม่ใช่หมอ โดยมีหลักง่ายๆ คือ “โรงพยาบาลที่ดีที่สุดคือบ้านเรา”
6.การตรวจโดยใช้ “ชิป” คอมพิวเตอร์ขนาดเท่าปลายนิ้วแทนห้องแล็บและการตรวจแบบชุดตรวจสำเร็จไฮเทคที่ตรวจได้เองที่บ้านหรือที่คลินิกเป็นวันสต็อปเซอร์วิสที่คนไข้ไม่ต้องไปถึงโรงพยาบาลเสมอไป
7.โปรแกรมอาหารเฉพาะบุคคล ให้เหมาะกับอายุ วิถีชีวิต และโรคประจำตัว ไปจนถึง “จัดอาหารตามยีน” เพื่อให้เหมาะกับสภาพสุขภาพของบุคคลนั้น และป้องกันการแพ้อาหารโดยไม่จำเป็น
8.จัดยา “ตามยีน” รวมถึงวิตามินละอาหารเสริมด้วย โดยดูความเหมาะสมเป็นรายบุคคลไปว่าใครขาดใครเกินในส่วนไหน หรือมีความไวแพ้ต่ออาหารชนิดใดบ้าง แล้วจัดอาหารให้เหมาะกับยีนสุขภาพของคนนั้น
9.ใช้ฮอร์โมนธรรมชาติหรือเสมือนธรรมชาติ เลี่ยงการฉีดสตีรอยด์แล้วหันไปรับประทาน BCAA ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่มีส่วนสำคัญในการสร้างกล้ามเนื้อ และเวย์โปรตีนไฮโดรไลเสทที่ถือเป็นมาตรฐานร่วมกับการออกกำลังกายเพื่อสร้างกล้ามเนื้อที่ปลอดภัยกว่า
10.การกินอาหารที่มากกว่าอาหารคือ “อาหารฟังก์ชัน” รวมถึงดื่มเครื่องดื่มที่ช่วยป้องกันสุขภาพและบำบัดโรคได้ อาทิ ไฟเบอร์, คอลลาเจน, ไลโคปีนหรือโคคิวเท็น ซึ่งหาได้จากอาหารสดเช่นกัน
11.การกินแบบ “อายุรวัฒน์” คือปราศจากอาหารต้องห้าม แต่ให้รับประทานในปริมาณที่ “เหมาะสม” ติดสติไว้ที่ปลายลิ้นว่า ของดีกินมากไปก็กลายเป็นยาพิษได้ หรือห้ามมากไปก็ทำให้ขาดวิตามินบางชนิด เน้นให้ชีวิตมีสีสันและความสุขกับของที่อยากกิน
12.การออกกำลังแบบ “สลับช่วง” หรือ “สลับชนิด” จะเข้ามาแทนที่มากขึ้นถือเป็นการออกกำลังแห่งอนาคต โดยการศึกษาจากเมโยคลินิกชี้ว่า การออกกำลังแบบสลับช่วงนั้นจะช่วย “เบิร์นหรือเผาผลาญ” ได้ดี อีกทั้งเพิ่มสมรรถนะให้กับนักกีฬาแอโรบิกไปในตัวด้วย
13.เทรนด์ผิวกระจ่างใสอย่างยั่งยืนและปลอดภัยด้วยการกิน “อาหารกลูต้าไทโอน” แทน เป็นการเพิ่มออร่าง่าย ด้วยอาหารอุดมกลูต้าฯ อย่าง หน่อไม้ฝรั่ง คะน้าหรือบร็อคโคลี
14.หน้าตึงได้ด้วยวิธีการบริหารใบหน้าสไตล์อายุรวัฒน์ คือ ยกกล้ามเนื้อ “พลาทิสมา” ตรงคอให้กระชับ และออกกำลัง “มาสเซเตอร์” หรือกล้ามเนื้อเคี้ยวให้ยืดหยุ่น รวมทั้งการ “ฝึกยิ้ม” ให้ถูกวิธี
15.การล้างพิษด้วยตัวเองจะได้รับความนิยมมากขึ้น โดยการรับประทานอาหารล้างพิษ อย่างแอปเปิ้ลเขียว ชาเขียว และวิตามินล้างพิษที่เหมาะกับตัวเรา ไม่ต้องพึ่งเครื่องมือให้ยุ่งยากต่อคนไข้
16.การใช้สเต็มเซลล์และเวชศาสตร์นาโนในทางที่เหมาะสม เป็นคำตอบทางสุขภาพให้กับโรคที่ถึงทางตัน นอกจากนั้นในเรื่องของอาหารเสริมก็จะเน้นที่ “แหล่งผลิต” มีมาตรฐานและ “การดูดซึม” ที่ดีเหนือกว่ายี่ห้ออื่น
17.เข้าสู่ยุค “สุขภาพจากปลายนิ้ว” ด้วย “แอพสุขภาพ” หลากหลายชนิด ทั้งสแกนผิว สแกนเลือด ฯลฯ สารพัดที่โหลดง่ายๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัสกับสมาร์ทโฟน
เหล่านี้เป็นเรื่องราวสุขภาพที่ความนิยมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนอีก 17 เทรนด์ที่กำลังตกไปนั้นมีอะไรบ้าง ติดตามอ่านต่อได้พรุ่งนี้.
ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
takecareDD@gmail.com
http://www.dailynews.co.th/healthy/178134
สุขภาพก็มีเทรนด์ แพทย์ชี้ 17 การตรวจรักษา เรื่องใดจ่อหลุด เรื่องไหนยิ่งก้าวล้ำ
สุขภาพก็มีเทรนด์ แพทย์ชี้ 17 การตรวจรักษา เรื่องใดจ่อหลุด เรื่องไหนยิ่งก้าวล้ำ
เปิดศักราชใหม่ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเวชศาสตร์อายุรวัฒน์หรือศาสตร์ชะลอชรา อย่าง “นายแพทย์กฤษดา ศิราพุช” ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ เผยความเคลื่อนไหวในด้านสุขภาพ ทั้งการตรวจ การรักษา และไลฟ์สไตล์สุขภาพ ที่หลายๆ อย่างหันไปเน้นให้คนไข้เป็นศูนย์กลางหรือให้คนไข้เป็น “หมอของตัวเอง” พึ่งหมอพึ่งยาให้น้อยที่สุดหรือ “เท่าที่จำเป็น” เรื่องราวดังกล่าวสะท้อนผ่านเทรนด์สุขภาพ โดย 17 เรื่องที่มาแรง ได้แก่...
1.การแพทย์แบบ “เฉพาะบุคคล” เน้นว่าแต่ละบุคคลมีความพิเศษเฉพาะตัว ดังนั้นการรักษาและยาก็ควรให้เหมาะกับความจำเพาะของบุคคลนั้นๆ
2.การแพทย์แบบ “เวชศาสตร์อายุรวัฒน์” ที่เน้นคนไข้เป็นศูนย์กลาง เน้นความเข้าใจ ให้คนไข้เป็นหมอของตัวเองร่วมด้วย ไม่จ่ายยาโดยไม่จำเป็น และเน้น “ไฮทัช” ในการพูดคุยดูแลคนไข้แต่ก็ไม่ทิ้งไฮเทค
3.การตรวจแบบ “เฉพาะบุคคล” ทั้งเลือดและฮอร์โมน โดยมีคุณหมอซักประวัติส่วนตัว ครอบครัว และยา วิตามินที่รับประทานอย่างละเอียด ก่อนจัดโปรแกรมตรวจสุขภาพที่เหมาะกับตัวเราให้ พร้อมทั้งมีคุณหมอแนะนำวิธีปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันโรคในอนาคต
4.การแปลผลสุขภาพในรูปแบบ “กันไว้ก่อน” โดยใช้ “ค่าที่เหมาะสม” เพื่อให้คนไข้รู้ถึงแนวโน้มและความเสี่ยงก่อนป่วยจริง
5.ให้บ้านเป็นโรงพยาบาล เน้นการดูแลตัวเองที่บ้านโดยมีแพทย์เป็นที่ปรึกษามากกว่า “ชี้นำ” ย้ำให้ตัวคนไข้เป็นศูนย์กลางไม่ใช่หมอ โดยมีหลักง่ายๆ คือ “โรงพยาบาลที่ดีที่สุดคือบ้านเรา”
6.การตรวจโดยใช้ “ชิป” คอมพิวเตอร์ขนาดเท่าปลายนิ้วแทนห้องแล็บและการตรวจแบบชุดตรวจสำเร็จไฮเทคที่ตรวจได้เองที่บ้านหรือที่คลินิกเป็นวันสต็อปเซอร์วิสที่คนไข้ไม่ต้องไปถึงโรงพยาบาลเสมอไป
7.โปรแกรมอาหารเฉพาะบุคคล ให้เหมาะกับอายุ วิถีชีวิต และโรคประจำตัว ไปจนถึง “จัดอาหารตามยีน” เพื่อให้เหมาะกับสภาพสุขภาพของบุคคลนั้น และป้องกันการแพ้อาหารโดยไม่จำเป็น
8.จัดยา “ตามยีน” รวมถึงวิตามินละอาหารเสริมด้วย โดยดูความเหมาะสมเป็นรายบุคคลไปว่าใครขาดใครเกินในส่วนไหน หรือมีความไวแพ้ต่ออาหารชนิดใดบ้าง แล้วจัดอาหารให้เหมาะกับยีนสุขภาพของคนนั้น
9.ใช้ฮอร์โมนธรรมชาติหรือเสมือนธรรมชาติ เลี่ยงการฉีดสตีรอยด์แล้วหันไปรับประทาน BCAA ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่มีส่วนสำคัญในการสร้างกล้ามเนื้อ และเวย์โปรตีนไฮโดรไลเสทที่ถือเป็นมาตรฐานร่วมกับการออกกำลังกายเพื่อสร้างกล้ามเนื้อที่ปลอดภัยกว่า
10.การกินอาหารที่มากกว่าอาหารคือ “อาหารฟังก์ชัน” รวมถึงดื่มเครื่องดื่มที่ช่วยป้องกันสุขภาพและบำบัดโรคได้ อาทิ ไฟเบอร์, คอลลาเจน, ไลโคปีนหรือโคคิวเท็น ซึ่งหาได้จากอาหารสดเช่นกัน
11.การกินแบบ “อายุรวัฒน์” คือปราศจากอาหารต้องห้าม แต่ให้รับประทานในปริมาณที่ “เหมาะสม” ติดสติไว้ที่ปลายลิ้นว่า ของดีกินมากไปก็กลายเป็นยาพิษได้ หรือห้ามมากไปก็ทำให้ขาดวิตามินบางชนิด เน้นให้ชีวิตมีสีสันและความสุขกับของที่อยากกิน
12.การออกกำลังแบบ “สลับช่วง” หรือ “สลับชนิด” จะเข้ามาแทนที่มากขึ้นถือเป็นการออกกำลังแห่งอนาคต โดยการศึกษาจากเมโยคลินิกชี้ว่า การออกกำลังแบบสลับช่วงนั้นจะช่วย “เบิร์นหรือเผาผลาญ” ได้ดี อีกทั้งเพิ่มสมรรถนะให้กับนักกีฬาแอโรบิกไปในตัวด้วย
13.เทรนด์ผิวกระจ่างใสอย่างยั่งยืนและปลอดภัยด้วยการกิน “อาหารกลูต้าไทโอน” แทน เป็นการเพิ่มออร่าง่าย ด้วยอาหารอุดมกลูต้าฯ อย่าง หน่อไม้ฝรั่ง คะน้าหรือบร็อคโคลี
14.หน้าตึงได้ด้วยวิธีการบริหารใบหน้าสไตล์อายุรวัฒน์ คือ ยกกล้ามเนื้อ “พลาทิสมา” ตรงคอให้กระชับ และออกกำลัง “มาสเซเตอร์” หรือกล้ามเนื้อเคี้ยวให้ยืดหยุ่น รวมทั้งการ “ฝึกยิ้ม” ให้ถูกวิธี
15.การล้างพิษด้วยตัวเองจะได้รับความนิยมมากขึ้น โดยการรับประทานอาหารล้างพิษ อย่างแอปเปิ้ลเขียว ชาเขียว และวิตามินล้างพิษที่เหมาะกับตัวเรา ไม่ต้องพึ่งเครื่องมือให้ยุ่งยากต่อคนไข้
16.การใช้สเต็มเซลล์และเวชศาสตร์นาโนในทางที่เหมาะสม เป็นคำตอบทางสุขภาพให้กับโรคที่ถึงทางตัน นอกจากนั้นในเรื่องของอาหารเสริมก็จะเน้นที่ “แหล่งผลิต” มีมาตรฐานและ “การดูดซึม” ที่ดีเหนือกว่ายี่ห้ออื่น
17.เข้าสู่ยุค “สุขภาพจากปลายนิ้ว” ด้วย “แอพสุขภาพ” หลากหลายชนิด ทั้งสแกนผิว สแกนเลือด ฯลฯ สารพัดที่โหลดง่ายๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัสกับสมาร์ทโฟน
เหล่านี้เป็นเรื่องราวสุขภาพที่ความนิยมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนอีก 17 เทรนด์ที่กำลังตกไปนั้นมีอะไรบ้าง ติดตามอ่านต่อได้พรุ่งนี้.
ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
takecareDD@gmail.com
http://www.dailynews.co.th/healthy/178134