คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
กูเกิ้ลค้น "ธรรมที่พระโสดาบันละ (ได้)" ครับจะได้ประเภทของธรรมที่ละเอียดกว่าที่อธิบายต่อไปนี้
พระโสดาบันละทิฐิที่ประกอบด้วยโลภะ เหลือโทสะและโมหะที่ "ไม่" นำไปสู่อบาย คือยังมีโทสะและโมหะแต่จางกว่าปถุชนคนธรรม โทสะและโมหะที่เหลืออยู่ก็เป็นประเภทไม่นำไปสู่อบายคือยังไงท่านก็ไม่มีตกต่ำไปกว่ามนุษย์ภูมิ
ดังนั้นเมื่อพระพุทธเจ้ามหาปรินิพาน พระโสดาบันจะยังมีความโศกเศร้าเนื่องจากโลภะ อาลัยในพระพุทธเจ้า เนื่องจากการติดข้องยึดเหนี่ยวเพราะท่านยังเหลือโลภะที่ "ไม่" ประกอบด้วยทิฐิ (ความเห็นผิด) เป็นต้น ส่วนจะด้วยเหตุโทสะที่บางเบานั้นก็ไม่ทราบครับเพราะถ้าเศร้าใจก็เข้ากับลักษณะของโทสะ คือความขุ่นเคืองใจความไม่สบายใจ
พระอรหันต์ละกิเลสทุกประเภทเป็นสมุทเฉท (เด็ดขาด) ดังนั้นท่านจึงไม่ร้องไห้ด้วยความติดข้อง ด้วยโทสะ ด้วยโมหะครับ เพราะกิเลิสไม่เหลืออีกแล้ว
พระโสดาบันละทิฐิที่ประกอบด้วยโลภะ เหลือโทสะและโมหะที่ "ไม่" นำไปสู่อบาย คือยังมีโทสะและโมหะแต่จางกว่าปถุชนคนธรรม โทสะและโมหะที่เหลืออยู่ก็เป็นประเภทไม่นำไปสู่อบายคือยังไงท่านก็ไม่มีตกต่ำไปกว่ามนุษย์ภูมิ
ดังนั้นเมื่อพระพุทธเจ้ามหาปรินิพาน พระโสดาบันจะยังมีความโศกเศร้าเนื่องจากโลภะ อาลัยในพระพุทธเจ้า เนื่องจากการติดข้องยึดเหนี่ยวเพราะท่านยังเหลือโลภะที่ "ไม่" ประกอบด้วยทิฐิ (ความเห็นผิด) เป็นต้น ส่วนจะด้วยเหตุโทสะที่บางเบานั้นก็ไม่ทราบครับเพราะถ้าเศร้าใจก็เข้ากับลักษณะของโทสะ คือความขุ่นเคืองใจความไม่สบายใจ
พระอรหันต์ละกิเลสทุกประเภทเป็นสมุทเฉท (เด็ดขาด) ดังนั้นท่านจึงไม่ร้องไห้ด้วยความติดข้อง ด้วยโทสะ ด้วยโมหะครับ เพราะกิเลิสไม่เหลืออีกแล้ว
แสดงความคิดเห็น
ขอถามอีกข้อนะครับ เกี่ยวกับพระอรหันต์ พระโสดาบัน
คือ อันนี้ผมสงสัยไม่รู้จริงๆ อย่าว่าผมเลยนะ