.....วิมานภุมรา..... (บทที่๔ ...เข้าใกล้...)

กระทู้สนทนา
บทที่ 4

...............เข้าใกล้........................



ช่วงสามวันมานี้ไม่มีฝนและอากาศที่รีสอร์ตดีจนศาสตราอดไม่ได้ที่ต้องตื่นเช้าเพื่อมาวิ่งออกกำลังกาย ชายหนุ่มถือโอกาสสำรวจพื้นที่และความนิยมในกิจกรรมยามเช้าของลูกค้ารีสอร์ตไปด้วยในตัว และให้บังเอิญที่ชายหนุ่มพบว่าสาวแม่ลูกอ่อนก็ชอบออกมาตะลอนรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าตรู่กับลูกชายตัวน้อยเหมือนกัน เขาเห็นหญิงสาวขับรถกอล์ฟออกชมสวนตรวจงานอยู่สักพักก่อนจะกลับไปที่บ้านพักของเจ้าตัวและใช้เวลาอยู่ในนั้นครู่ใหญ่ก่อนจะกลับออกมาอีกครั้งพร้อมกับสัมภาระและเด็กชายตัวน้อยแล้วขับรถกอล์ฟไปทางบ้านพักหัวหน้าคนงานที่เขาทราบมาว่าเธอเอาเด็กชายมะตูมไปฝากเลี้ยงไว้กับมารดาของหัวหน้าคนงานแผนกเรือนเพาะชำ


เท่าที่สังเกต มณฑารพมีแบบแผนการทำงานที่ชัดเจนและรัดกุม หญิงสาวเป็นคนตรงต่อเวลาและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีทีเดียว รายงานจากเธอให้รายละเอียดครบถ้วนอีกทั้งยังประกอบไปด้วยข้อเสนอแนะที่น่าสนใจจนชายหนุ่มวางแผนที่จะเอาบางส่วนที่เธอเสนอขึ้นมาพิจารณาปรับใช้เพื่อทำให้รีสอร์ตที่ยังค่อนข้างใหม่แห่งนี้น่าสนใจขึ้น ชายหนุ่มเองแม้จะยอมรับว่าไม่ใคร่อยากได้หญิงสาวมาร่วมงานตั้งแต่แรก หากเมื่อเวลาผ่านไปเขาก็ยอมรับว่าผลการปฏิบัติงานของเธอนั้นน่าประทับใจสวนทางกับวัยวุฒิที่ดูยังเป็นเพียงเด็กสาวและบุคลิกภาพที่ขรึมเฉยติดจะพูดน้อย


วันนี้ชายหนุ่มตัดสินใจ ’ลงสวน’ กับหญิงสาวเป็นครั้งแรก อดขำไม่ได้เมื่อเห็นแววตาตื่นๆอย่างปิดไม่มิดของเจ้าตัว

“คุณศาสตรามีอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ?”

“ไม่มี”

“คะ?”

“ไม่มี” ชายหนุ่มย้ำ นึกสะใจนิดหน่อยที่ทำหญิงสาวตรงหน้ามีท่าที ‘ไปไม่เป็น’ ตาใสๆของเจ้าตัวเบิกโตขึ้นนิดๆอย่างน่าเอ็นดู คราวนี้ล่ะ เจ้าหล่อนจะได้รู้เสียบ้างว่าไอ้อาการพูดน้อยปานกลัวดอกพิกุลจะร่วงที่ชอบทำ เวลาโดนเข้ากับตัวเองแล้วมันเป็นอย่างไร

“.................” เขายังเงียบ หากจ้องหน้าผู้จัดการฝ่ายกิจการสวนพร้อมเลิกคิ้วน้อยๆ

“คะ?”

“ไปกันได้หรือยัง?”  เออ ขำดี คนตัวเล็กตรงหน้าดูท่าทางประดักประเดิดก่อนจะเดินนำไปที่รถกอล์ฟคันที่เจ้าตัวใช้อยู่ประจำ

“คุณศาสตราต้องการไปดูส่วนไหนก่อนคะ?”

“ไม่” แกล้งตอบสั้นๆ

“คะ?”

แกล้งคนนี่มันก็สนุกดี ชายหนุ่มรู้สึกอารมณ์ชื่นมื่น หากความเป็นผู้ใหญ่กว่าทำให้ไม่อยาก ‘กวน’ ใครนานๆ เลยช่วยทำให้มันง่ายขึ้น

“ไปตามปกติ เสร็จแล้วตอนบ่ายค่อยไปดูส่วนที่เพิ่งเปิดพื้นที่ใหม่ ฉันอยากได้ความเห็นของเธอเรื่องจัดสวนเฟสสองจนถึงโซนลำธาร”


.....................................................................................................................................................................


มณฑารพเตือนตัวเองว่าให้ทำใจให้สงบ แค่การที่คุณศาสตรามาลงสวนกับเธอมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะขนาดคุณศิลาที่เคยมาดูงานกับเธอถึงสามครั้งก็ยังผ่านไปด้วยดี หากนั่นแหละ พ่อลูกคู่นี้ช่างแตกต่างเหลือเกินในความรู้สึก  คุณศิลานั้นเป็นผู้ใหญ่ที่เมตตาอารีเอื้อเฟื้อให้งานแก่เธอ และยังเป็นที่รักใคร่ของเหล่าพนักงาน หากชายหนุ่มที่อยู่ใก้ลๆเธอในตอนนี้ มณฑารพเดาใจไม่ออก ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นเขาถึงมากับเธอวันนี้ และดูท่าทางน่าจะต้องอยู่ด้วยกันทั้งวัน หญิงสาวขับรถกอล์ฟไปตามเส้นทางที่เธอทำอยู่ทุกวันและทำงานตามปกติ ศาสตราดูท่าทางอารมณ์ดี เขาทักทายพนักงานที่พบด้วยความเป็นกันเอง ตั้งคำถามและขอความคิดเห็นจากเธอบ้างอย่างที่หญิงสาวสังเกตว่าชายหนุ่มคงอ่านรายงานของเธอทุกสัปดาห์โดยละเอียด


มณฑารพจบการแวะเวียนตรวจงานไปตามส่วนต่างๆพร้อมกับพบปะหัวหน้าคนงานทุกส่วนในตอนใกล้เที่ยงเหมือนทุกวัน

“ไปกินข้าวด้วยกันที่บ้าน ” เสียงเจ้านายพูดสั้นๆ

“ค่ะ”


ศาสตรายิ้มบางๆในหน้า  สมคำเล่าลือ หญิงสาวข้างตัวเป็นผู้หญิงที่พูดน้อยอย่างเหลือเชื่อ ความจริงชายหนุ่มไม่คุ้นเท่าไหร่ ด้วยว่าหญิงสาวส่วนใหญ่ที่คุ้นเคยล้วนแล้วแต่ช่างเจรจาด้วยกันทั้งสิ้น เขาเพิ่งเจอพวก ‘พูดน้อยต่อยหนัก’ก็คนนี้   วันนี้เป็นครั้งแรกในรอบเกือบสามเดือนของการทำงานของมณฑารพที่เขาออกมาดูงานพร้อมเจ้าตัว แล้วก็พบว่ามณฑารพแม้หน้าอ่อนใสราวเด็กสาวหากเจ้าตัวใช้ความนิ่งและแม่นยำในข้อมูลสะกดผู้แก่วัยกว่าทั้งหลายในฐานะหัวหน้างานเสียอยู่หมัด หญิงสาวนิ่งทั้งท่าทางทั้งสายตา สั่งงานชัดเจน หากก็อ่อนโยนและรู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว และที่สำคัญหญิงสาวเป็นผู้ฟังที่ดีอย่างยิ่ง ต่างจากผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ศาสตราเคยคุ้น อีกเรื่องที่น่าชมเชยคือผู้จัดการให้สวนให้เครดิตการทำงานของเพื่อนร่วมงานของเธอเป็นอย่างดี หากมีข้อเสนอแนะหรือแนวทางการแก้ปัญหาหน้างานเกิดจากผู้ใด เธอก็ถือโอกาสรายงานให้ศาสตราทราบต่อหน้าบุคคลนั้น


ชายหนุ่มลอบมองลูกจ้างสาวนิ่งนานยามเธอตรวจงานตามจุดต่างๆไปพร้อมๆกับบันทึกเรื่องสำคัญลงเครื่องบันทึกเสียงขนาดจิ๋ว คุณศิลาบิดาเขาเคยมาลงสวนกับเจ้าตัวสามครั้งและกลับไปคุยให้ฟังว่าหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้หญิงสาวทำงานกับเหล่าคนงานที่ส่วนใหญ่อาวุโสกว่าได้อย่างดีคือมณฑารพให้เกียรติทุกคน เธอเป็นพวกชมคนต่อหน้าให้ผู้อื่นได้รับทราบและชื่นชมด้วย หากมีเหตุให้ต้องตำหนิหรือแนะนำให้แก้ไข เธอจะเรียกไปคุยเพียงสองต่อสองไม่ให้ต้องเกิดความรู้สึกเสียหน้า

.................................................................................................................................................


“เป็นยังไงบ้าง สามเดือนที่นี่ พออยู่ช่วยกันต่อไหวไหมมณฑารพ ” เสียงคุณศิลาถามไถ่ผู้จัดการสวนอย่างใจดี แต่ทำเอาบุตรชายอดขวางปนขันนิดๆไม่ได้ ก็บิดาเขาเล่นพูดอย่างนี้ แปลว่าสาวแม่ลูกอ่อนผ่านโปรแน่นอนน่ะสิ ชายหนุ่มมองหญิงสาวเห็นเพียงรอยยิ้มบางเบา หากไม่ตอบแต่อย่างใด

“ ไปดูเฟสสองหรือยัง” เสียงผู้อาวุโสถามต่อ

“ ยังค่ะ”

“ ผมจะชวนไปดูบ่ายนี้ครับป๊า จะปรึกษาเขาเรื่องตกแต่งเฟสสองเลย”

“อืมห์ ดี ดี” ผู้อาวุโสยิ้มแย้มก่อนจะเอ่ยต่ออย่างเอ็นดู  “ สามเดือน พ้นโปรแล้วนี่ ฉลองได้แล้วนะ ว่าแต่บอกรุ่นพี่เราให้พาไปเลี้ยงหรือยัง”
ศาสตราเห็นเจ้าตัวคนพ้นโปรยังยิ้มจางๆอย่างเคย สงสัยเหลือเกินว่าไอ้รุ่นพี่หน้าตี๋หล่อของคนตรงหน้ามันเอาอะไรมาพูดว่ายายคนนี้ ‘ขี้อ้อน’

“ เดี๋ยวพรุ่งนี้เย็นๆ คัมภีร์  หมายถึงหนึ่งลูกชายคนโตของฉันจะแวะมาที่นี่ ก็เลยบอกให้พาพุทธรักษารุ่นพี่เรามาด้วยจะได้ฉลองให้คนพ้นโปร  สนิทกันใช่ไหม เห็นฟูบอก”
“ค่ะ”


ศาสตราอดซ่อนยิ้มในใจไม่ได้ บิดาเขาให้ท้ายสาวตรงหน้า สนับสนุนกันสุดตัว แม้ให้เขาเป็นคนควบคุมดูแลเรื่องงาน หากถึงเวลาท่านก็จัดการให้ผ่านโปรโดยไม่ถามผลการประเมินจากหัวหน้างานอย่างเขาสักคำ  ก็พึ่งรู้ ว่าไอ้ที่เรียกว่า ‘เส้นใหญ่’ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ชายหนุ่มคิดขำๆ หากไม่นึกขวางอย่างเคย


หลังมื้อกลางวันชายหนุ่มพาหญิงสาวออกไปดูส่วนของพื้นที่ที่เปิดใหม่เพื่อรอการตกแต่งและปลูกสร้างบ้านพักเพิ่มเติม หากเขาก็แปลกใจไม่น้อยที่ ‘ซุเปอร์เกิร์ล’ ของรุ่นพี่หน้าตี๋ขับรถไม่เป็น

“ทำไมถึงขับรถไม่เป็น”
ศาสตราถามอย่างลืมตัวแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองไม่น่า ‘ถามโง่ๆ’ เลย ยามเห็นหญิงสาวข้างตัวตอบนิ่งๆตามเคย

“ไม่เคยหัดค่ะ”

“ ไปหัดเสีย  ให้สิทธิ์สอนก็ได้ จะได้เอารถไว้ใช้เวลาไปไหนมาไหนจะได้สะดวก”

ใจจริงชายหนุ่มอยากรู้เหมือนกันว่าตลอดเกือบสามเดือนที่ผ่านมาเจ้าหล่อนเข้าเมืองอย่างไร หากก็ไม่ต้องสงสัยนานด้วยหญิงสาวรับสายเข้าแล้วสนทนาเบาๆ

“คะ พี่ฟู”

“ค่ะ พรุ่งนี้ค่ะ ที่โยหยุดแล้วจะพามะตูมไปหาหมอ”

“พี่ฟูสะดวกหรือคะ โยไปเองได้ ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ อ๋อ ถ้าพี่ฟูหยุด แล้วจะเข้าเมืองอยู่แล้วก็ขอบคุณค่ะ”

“ค่ะ งั้นพบกันตอนเก้าโมงเช้าค่ะ ขอบคุณค่ะพี่ฟู สวัสดีค่ะ”

อืมห์ หลังจากได้พบปะรุ่นพี่หน้าตี๋หล่อแล้ว พ่อคนนั้นคงรับอาสาดูแลรุ่นน้องน่ารักนั่นแหละ ไม่เห็นจะต้องสงสัยอะไรเลย ศาสตรานึกแค่นๆ
ชายหนุ่มพาลูกน้องสาวเข้าไปสำรวจพื้นที่ที่ถูกปรับหน้าดินไว้แล้ว ในส่วนที่มีต้นไม้ใหญ่ เขาให้เก็บไว้ทั้งหมดรวมไปถึงต้นก้ามปูใหญ่ใกล้ลำธาร เห็นหญิงสาวเดินสำรวจพลางถ่ายรูปเก็บรายละเอียด เจ้าหล่อนพับขากางเกงยีนส์ก่อนสลัดรองเท้าออกแล้วลงไปลุยในลำธารอยู่พักใหญ่จนพอใจ ก่อนจะขึ้นมาแล้วเดินช้าๆไปหยุดอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ ท่าทางครุ่นคิดเนิ่นนานยามมองต้นก้ามปูอยู่ใต้ร่มของมัน

“คิดว่าไง”

“พื้นที่สวยมากค่ะ”

“พอไหวไหม? จะลองออกแบบดูไหม” ศาสตราเอ่ยปาก แล้วอธิบายต่อเมื่อเห็นนัยน์ตาใสเปล่งแววฉงน

“ไม่ใช่อะไร ฉันจำได้ว่าเธอเคยบอกคุณพ่อว่าเคยมีประสบการณ์ด้านนี้  ถ้าเธอทำได้ อยากให้ลองวางแผนและออกแบบมาดูกันถือว่าเป็นงานพิเศษก็แล้วกัน ไม่ได้คิดจะใช้ฟรีๆหรอก  อีกอย่างเห็นฝีมือที่ทำอยู่คุณพ่อก็ยังชม แล้วเท่าที่รู้เธอรู้จักต้นไม้ดีแล้วก็เลือกต้นไม้มาใช้ได้เหมาะสมทีเดียว”

“คุณศาสตราจะให้ลองเหรอคะ” นัยน์ตาใสเปล่งประกายสวยทีเดียว มันออกแววระยับน่าดูด้วยความตื่นเต้น นายจ้างของเธอพูดอย่างนี้นับเป็นคำชมได้ใช่ไหมนะ

“คิดว่าไงล่ะ”

“โย เคยเรียนมาค่ะ  แล้วก็เคยทำงานพิเศษกับบริษัทรับออกแบบตกแต่งสวน รู้หลักการ แต่ยังไม่เคยลงมือออกแบบเองร้อยเปอร์เซนต์ค่ะ แต่ถ้าคุณศาสตราให้โอกาส โยอยากลอง  โยจะปรึกษากับรุ่นพี่ที่รู้จักแล้วก็อาจารย์ แล้วลองเอาแบบที่เคยเห็นมาปรับใช้ พื้นที่ตรงนี้สวยมากค่ะ แล้วก็ไม่น่ายาก โยเคยไปทำงานพิเศษบางที่เขาก็มีลำธารคล้ายๆแบบนี้ค่ะ ใช้ถ่ายหนังบ่อยๆ บางแห่งก็เปิดให้เข้ามาเล่นน้ำก็มี”


คนตรงหน้าเขาจะรู้ตัวไหม ว่าวันนี้เป็นครั้งแรก ที่เจ้าตัวออกอาการตื่นเต้นดีใจอย่างน่ารักจนลืมที่จะแทนตัวเองว่า ‘ดิฉัน’อย่างเคย ชายหนุ่มรู้สึกชอบอาการของลูกน้องสาวที่แทนตัวเองว่า ‘โย’เหลือกเกิน


“ ทำไมถึงเรียกตัวเองว่าโยล่ะ ชื่อมาจากอะไรหรือหมายถึงอะไรเหรอ มณฑารพ”

ชายหนุ่มถามเสียงอ่อนโยนอย่างจะชวนคุยมากกว่าอยากรู้จริงจัง หากไม่น่าเชื่อ ว่าเพียงประโยคเดียวของเขาจะทำเอานัยน์ตาใสๆนั้นเปลี่ยนแววไปได้อย่างฉับพลัน ชายหนุ่มนึกเสียดายบรรยากาศกันเองที่มันหวนกลับไปสู่ความห่างเหินของ ‘คุณศาสตรา กับ ดิฉัน’  อีกครั้ง  แต่ก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย

“ ถ้าคุณศาสตราให้โอกาส ดิฉันก็อยากทราบว่าคุณศาสตราอยากได้บรรยากาศออกมาเป็นประมาณไหนค่ะ”

โย หายไป กลายไปดิฉันอีกครา

“มันน่าจะออกมาประมาณไหนบ้างล่ะ ลองนึกไว้สักสองแนวก่อนไหม คิดแล้วเอาคร่าวๆมาคุยกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้เย็นจะได้ปรึกษากับคุณพ่อแล้วก็พี่ชายฉันด้วย “

“ลำธารตรงนี้สวยมากนะคะ  ก้อนหินสวย น้ำใส เสียงน้ำไหลเพราะจัง เล่นน้ำก็ได้ ไม่อันตราย เด็กๆน่าจะชอบ” เสียงเปรยแผ่ว
  
“ไม่อยากให้ตัดต้นก้ามปูทิ้งเลย” เสียงอ่อนเบาแผ่วลงคล้ายคนพูดยืนอยู่เพียงลำพัง หากรอบกายเขาและเธอสงบเงียบมีเพียงเสียงน้ำไหลเซาะแก่งหินแผ่วๆ อีกทั้งยืนอยู่ใกล้กันมากพอที่จะได้ยิน

“ชอบต้นก้ามปูมากหรือ?”

“ค่ะ”

“งั้นก็เก็บมันไว้” ชายหนุ่มพูดง่ายๆ หากคนข้างกายเงยหน้าขึ้นมองเขาฉับพลัน

“ฉันก็ชอบ”

มณฑารพเผลอมองคนตัวสูงตรงหน้านิ่งนาน เขาชอบต้นก้ามปูเหมือนกันหรือ?  ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม  แน่นอนคงไม่ใช่ด้วยเหตุผลเดียวกับเธอ หากคำที่ว่า ‘งั้นก็เก็บมันไว้’ ทำให้หญิงสาวปรารถนาเหลือเกิน ที่จะลองออกแบบการตกแต่งพื้นที่ตรงนี้อย่างเต็มฝีมือ ไม่อยากให้ใครมาทำด้วยกลัวว่าต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านงดงามตรงนี้จะถูกโค่น หากการมีอยู่ของมันจะไม่ตรงคอนเซ็ปต์กับการออกแบบที่จะถูกเลือกมาใช้

“ขอลองนะคะ ขอโยลองนะคะคุณสอง”

ชายหนุ่มสบตาใสๆแล้วรู้สึกอย่างไรก็บอกไม่ถูก คนตรงหน้านัยน์ตาแจ่มจรัส เรียวปากบางแย้มสวยตรึงความรู้สึกเขาอย่างประหลาด สรรพนาม ‘โย’ หวนกลับมาอีกทั้งยังแถมพกด้วย ‘คุณสอง’ แทนคุณศาสตราอย่างเคย  บรรยากาศผิดแผกอย่างที่ไม่เคยเกิด ชายหนุ่มไม่ทำอะไรมากไปกว่าพยักหน้าและยิ้มน้อยๆก่อนเดินนำเจ้าตัวกลับไปที่รถอย่างเงียบๆขณะคิดในใจว่าไอ้ประโยคที่เจ้าตัวพูดออกมาด้วยเสียงใสหวานอย่าง ‘ขอลองนะคะ ขอโยลองนะคะคุณสอง’ นี่มันเข้าข่าย ‘อ้อน’ หรือไม่?

..........................................................................................................................................................
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่