ขอระบายและขอคำปรึกษาจากเพื่อนๆชาว pantip ด้วยว่าเราควรทำอย่างไรดี เรื่องมันยาวมากค่ะ
ปัญหามันเริ่มตรงที่น้องสะใภ้มีปัญหากับพ่อของเขาเพราะเอาแม่ใหม่เข้ามาบ้าน น้องชายเราจึงพาน้องสะใภ้และลูกมาอยู่ที่บ้าน
ในบ้านก็จะมีเราและน้องๆอาศัยอยู่กัน 4-5 คน น้องชายและครอบครัวเข้ามาอยู่บ้านประมาณปลาย เดือนเมษายน 2555 ซึ่งเป็นช่วงที่น้อง
สะใภ้ลาคลอด(น้องสะใภ้มีงานประจำทำ) น้องชายก็ว่างงานเพราะเพิ่งปลดจากทหารกองประจำการ(ทหารเกณฑ์) ค่าใช้จ่ายของทั้งสองก็จะ
มาจากน้องสะใภ้ และส่วนมากก็เป็นของแม่ และน้องชายก็ได้สมัครงานไว้(ไม่ได้สมัครเอง) น้องสะใภ้เป็นคนฝากงานให้ผ่านทางลุงของน้อง
สะใภ้โดยเสียค่าฝากไปประมาณหมื่นบาท ซึ่งเรื่องการสมัครงานน้องสะใภ้เป็นคนดำเนินการหมดโดยบอกว่าเขาจะเรียกไปสอบข้อเขียน แต่ก็
รอนานมากจนถึงเดือนกรฎาคมเราเห็นว่าน้องชายรอนานมากตั้งแต่ต้นปีแล้วยังไม่ได้งานและอีกอย่างงานนั้นก็ค่อนข้างเสี่ยงไม่ได้อยู่กะครอบ
ครัวและน้องชายมีลูกเล็กมากอยู่ จึงตัดสินใจไปเซ้งร้านให้น้องเพื่อค้าขาย โดยเรากะน้องออกเงินกันคนละครึ่ง แต่สุดท้ายกลายเป็นว่าเราออก
เงินลงทุนไปเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งตรงนี้ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะเราทำเพื่อน้องเราจริงๆ เงินทองที่ขายของได้มาก็ไม่ได้เก็บให้น้องสะใภ้เก็บไว้จ่ายค่า
เช่า และหมุน แต่เราก็ยังออกเงินให้ทุกเดือนเพื่อซื้อของมาหมุน และช่วงประมาณเดือนกรกฎาคมนี้เองน้องสะใภ้ก็ได้ไปยืมเงินน้องสาวของเรา
บอกว่ายืมให้ยายของตัวเองไปทำนาสองหมื่น ซึ่งน้องสาวเราก็ให้ยืมไปโดยไมได้ถามยายของน้องสะใภ้เลยว่าจริงหรือไม่อย่างไร หลังจาก
นั้นเมื่อครบกำหนดการคืนน้องสะใภ้ก็จะบ่ายเบี่ยงตลอดว่ายายยังไม่มี น้องสาวเราก็ใจดีไม่กล้าถามยายตรงๆเกรงใจเพราะยายก็แก่มากแล้ว
น้องสะใภ้ก็จะสร้างสถานการณ์ต่างๆขึ้นมาว่าวันนี้ยายจะเอามาคืนให้รอที่บ้าน พอตอนเย็นก็จะเข้าบ้านมาบอกว่ายังไม่ได้เพราะอะไรต่างๆ
นานาเอาคนนั้นคนนี้มากล่าวอ้างว่าเพราะคนนั้นคนนี้ยายถึงยังไม่ได้เอาเงินมาคืน จนกระทั่งเดือนกันยายนน้องสาวเราจะแต่งงานต้องใช้เงิน
น้องสะใภ้จึงโทรไปหาแม่ของเราเพื่อขอเงินมาใช้คืนที่น้องสาวเราก่อนบอกว่ายายยังไม่มีถ้ายายขายข้าวได้จะเอามาใช้คืนทันที แม่เราก็โอน
เงินเข้าบัญชีน้องสาวเรา โดยที่น้องสะใภ้บอกน้องสาวเราและแม่่ว่าไม่ให้บอกน้องชายเราเพราะกลัวโดนว่า
น้องสะใภ้ชอบสร้างเรื่อง
ปัญหามันเริ่มตรงที่น้องสะใภ้มีปัญหากับพ่อของเขาเพราะเอาแม่ใหม่เข้ามาบ้าน น้องชายเราจึงพาน้องสะใภ้และลูกมาอยู่ที่บ้าน
ในบ้านก็จะมีเราและน้องๆอาศัยอยู่กัน 4-5 คน น้องชายและครอบครัวเข้ามาอยู่บ้านประมาณปลาย เดือนเมษายน 2555 ซึ่งเป็นช่วงที่น้อง
สะใภ้ลาคลอด(น้องสะใภ้มีงานประจำทำ) น้องชายก็ว่างงานเพราะเพิ่งปลดจากทหารกองประจำการ(ทหารเกณฑ์) ค่าใช้จ่ายของทั้งสองก็จะ
มาจากน้องสะใภ้ และส่วนมากก็เป็นของแม่ และน้องชายก็ได้สมัครงานไว้(ไม่ได้สมัครเอง) น้องสะใภ้เป็นคนฝากงานให้ผ่านทางลุงของน้อง
สะใภ้โดยเสียค่าฝากไปประมาณหมื่นบาท ซึ่งเรื่องการสมัครงานน้องสะใภ้เป็นคนดำเนินการหมดโดยบอกว่าเขาจะเรียกไปสอบข้อเขียน แต่ก็
รอนานมากจนถึงเดือนกรฎาคมเราเห็นว่าน้องชายรอนานมากตั้งแต่ต้นปีแล้วยังไม่ได้งานและอีกอย่างงานนั้นก็ค่อนข้างเสี่ยงไม่ได้อยู่กะครอบ
ครัวและน้องชายมีลูกเล็กมากอยู่ จึงตัดสินใจไปเซ้งร้านให้น้องเพื่อค้าขาย โดยเรากะน้องออกเงินกันคนละครึ่ง แต่สุดท้ายกลายเป็นว่าเราออก
เงินลงทุนไปเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งตรงนี้ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะเราทำเพื่อน้องเราจริงๆ เงินทองที่ขายของได้มาก็ไม่ได้เก็บให้น้องสะใภ้เก็บไว้จ่ายค่า
เช่า และหมุน แต่เราก็ยังออกเงินให้ทุกเดือนเพื่อซื้อของมาหมุน และช่วงประมาณเดือนกรกฎาคมนี้เองน้องสะใภ้ก็ได้ไปยืมเงินน้องสาวของเรา
บอกว่ายืมให้ยายของตัวเองไปทำนาสองหมื่น ซึ่งน้องสาวเราก็ให้ยืมไปโดยไมได้ถามยายของน้องสะใภ้เลยว่าจริงหรือไม่อย่างไร หลังจาก
นั้นเมื่อครบกำหนดการคืนน้องสะใภ้ก็จะบ่ายเบี่ยงตลอดว่ายายยังไม่มี น้องสาวเราก็ใจดีไม่กล้าถามยายตรงๆเกรงใจเพราะยายก็แก่มากแล้ว
น้องสะใภ้ก็จะสร้างสถานการณ์ต่างๆขึ้นมาว่าวันนี้ยายจะเอามาคืนให้รอที่บ้าน พอตอนเย็นก็จะเข้าบ้านมาบอกว่ายังไม่ได้เพราะอะไรต่างๆ
นานาเอาคนนั้นคนนี้มากล่าวอ้างว่าเพราะคนนั้นคนนี้ยายถึงยังไม่ได้เอาเงินมาคืน จนกระทั่งเดือนกันยายนน้องสาวเราจะแต่งงานต้องใช้เงิน
น้องสะใภ้จึงโทรไปหาแม่ของเราเพื่อขอเงินมาใช้คืนที่น้องสาวเราก่อนบอกว่ายายยังไม่มีถ้ายายขายข้าวได้จะเอามาใช้คืนทันที แม่เราก็โอน
เงินเข้าบัญชีน้องสาวเรา โดยที่น้องสะใภ้บอกน้องสาวเราและแม่่ว่าไม่ให้บอกน้องชายเราเพราะกลัวโดนว่า