1. ได้ให้กู้ยืมเงินโดยทำสัญญาจดจำนองที่กรมที่ดินยอดจดจำนองเท่ากับที่ได้กู้ยืมไปจริงเมื่อปี 2551
2. ต่อมาในปี 2552 ผู้กู้ได้ขอกู้ยืมเพิ่มเติม แต่ยอดนี้แค่เขียนหนังสือสัญญากู้ยืมเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งฉบับ แต่หลักทรัพย์ใช้หลักทรัพย์เดิมที่จดจำนองไปแล้ว ตอนฟ้องยอดนี้จะรวมด้วยหรือไม่
3. ได้ให้ผู้กู้ชำระดอกเบี้ย 1.5% ต่อเดือน ที่ผ่านมาผู้กู้ได้โอนเงินดอกเบี้ยให้โดยส่งเข้าบัญชีธนาคาร (แต่ตลอดเวลาผู้กู้จะส่งดอกเบี้ยผู้ให้กู้แบบ5เดือนจ่ายยอดค้างเก่า3เดือน ผ่านไปอีก6เดือนจ่ายที่ค้าง4เดือน) ครั้งหลังมานี้ไม่ส่งดอกเบี้ยถึง8เดือนและมาส่งอีกครั้งเมื่ิอเืดือนสิงหาคมกับกันยายน ปี 55 แต่ส่งดอกเบี้ยแค่2เดือน ต.ค, พ.ย ,ธ.ค ที่ผ่านมาก็ค้างดอกเบี้ยอีก จนมียอดค้างดอกเบี้ยผู้ให้กู้รวม 18 เดือน ได้ติดตามทวงถามมาตลอด และได้ลดยอดดอกเบี้ยเหลือ1.25% ต่อปี ตามอัตรากฎหมายในสัญญากู้ ซึ่ง2ครั้งหลังที่จ่ายคือยอดดอกเบี้ยที่ปรับลดแล้ว อยากทราบว่าอัตราดอกเบี้ยจะถือเป็นโมฆะหรือไม่หากมีการฟ้องถึงชั้นศาล เพราะยอดดอกเบี้ยที่จ่ายในช่วงแรกสูงกว่าอัตรากฏหมายกำหนด และมีหลักฐานการโอนจากสมุดบัญชีธนาคาร
4. ผู้ให้กู้เองก็ได้กู้ยืมเงินมาซื้อที่ดิน โดยกู้ยืมจากญาติซึ่งก็คิดดอกเบี้ยร้อยละ 1.25 ต่อเดือนหรือร้อยละ15ต่อปี ตอนแรกที่ให้ผู้กู้ กู้ยืมไปเพราะเค้าบอกว่าจะกู้เป็นเวลาไม่กี่เดือนและเป็นแปลงที่ซื้อต่อจากแม่ของสามี จึงได้คิดดอกเบี้ยกับผู้กู้ 1.5 %ต่อเดือน และการกู้ยืมญาติเกิดขึ้นหลังจากที่ให้ผู้กู้ กู้ยืมเงินไป ตอนแรกคิดว่าจะได้เงินกลับคืนเพื่อมาซื้อที่ แต่เมื่อไม่ได้เงินคืนจึงต้องยืมญาติ ตอนนี้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเท่ากับที่ญาติคิด แต่ผู้ให้กู้ต้องส่งดอกเบี้ยญาติทุกๆเดือนแถมต้องมาติดตามทวงดอกเบี้ยกับผู้กู้อีก
5. ผู้ให้กู้ได้โทรคุยกับผู้กู้เมื่อช่วงเดือนพ.ย 55 โดยขอเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยคืน โดยผู้กู้บอกให้เรานำที่ดินที่จดจำนองกับผู้ให้กู้ไปประกาศขาย ต่อมามีคนสนใจซื้อและไ้ด้ราคาดี หากขายหักเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยและยอดดอกเบี้ยที่ค้างจะเหลือกำไรอีก 5-6 แสนบาท แต่ผู้กู้ก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์และไม่ติดต่อกลับ ถึงแม้จะไ้ด้ไปหาถึงบ้านแต่ไม่พบ แต่ก็ได้ฝากข้อความไว้กับพี่สาวสามีผู้กู้ซึ่งก็น่าจะรับทราบเรื่องที่เราหาคนซื้อที่ดินให้ได้แล้ว แต่เคยได้ยินมาว่าสามีผู้กู้อยากเก็บที่ดินไว้เพราะที่ดินกำลังเจริญ
6. สรุป - หากจ้างทนายฟ้องผู้กู้ ในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยจะเป็นปัญหาหรือไม่
- การกู้ยืมที่ทำสัญญาเพิ่มเข้ามาในภายหลังมีผลสามารถนำไปฟ้องร้องร่วมได้หรือไม่หากได้ทำหนังสือสัญญาและเซนต์ไว้แล้ว
- อัตราค่าใช้จ่ายในการฟ้องร้องอยู่ที่เท่าไหร่หรือแล้วแต่ทนายคะ โดยทั่วไปต้องจ่ายให้แก่ทนายกี่เปอร์เซนต์
ฟ้องร้องลูกหนี้
2. ต่อมาในปี 2552 ผู้กู้ได้ขอกู้ยืมเพิ่มเติม แต่ยอดนี้แค่เขียนหนังสือสัญญากู้ยืมเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งฉบับ แต่หลักทรัพย์ใช้หลักทรัพย์เดิมที่จดจำนองไปแล้ว ตอนฟ้องยอดนี้จะรวมด้วยหรือไม่
3. ได้ให้ผู้กู้ชำระดอกเบี้ย 1.5% ต่อเดือน ที่ผ่านมาผู้กู้ได้โอนเงินดอกเบี้ยให้โดยส่งเข้าบัญชีธนาคาร (แต่ตลอดเวลาผู้กู้จะส่งดอกเบี้ยผู้ให้กู้แบบ5เดือนจ่ายยอดค้างเก่า3เดือน ผ่านไปอีก6เดือนจ่ายที่ค้าง4เดือน) ครั้งหลังมานี้ไม่ส่งดอกเบี้ยถึง8เดือนและมาส่งอีกครั้งเมื่ิอเืดือนสิงหาคมกับกันยายน ปี 55 แต่ส่งดอกเบี้ยแค่2เดือน ต.ค, พ.ย ,ธ.ค ที่ผ่านมาก็ค้างดอกเบี้ยอีก จนมียอดค้างดอกเบี้ยผู้ให้กู้รวม 18 เดือน ได้ติดตามทวงถามมาตลอด และได้ลดยอดดอกเบี้ยเหลือ1.25% ต่อปี ตามอัตรากฎหมายในสัญญากู้ ซึ่ง2ครั้งหลังที่จ่ายคือยอดดอกเบี้ยที่ปรับลดแล้ว อยากทราบว่าอัตราดอกเบี้ยจะถือเป็นโมฆะหรือไม่หากมีการฟ้องถึงชั้นศาล เพราะยอดดอกเบี้ยที่จ่ายในช่วงแรกสูงกว่าอัตรากฏหมายกำหนด และมีหลักฐานการโอนจากสมุดบัญชีธนาคาร
4. ผู้ให้กู้เองก็ได้กู้ยืมเงินมาซื้อที่ดิน โดยกู้ยืมจากญาติซึ่งก็คิดดอกเบี้ยร้อยละ 1.25 ต่อเดือนหรือร้อยละ15ต่อปี ตอนแรกที่ให้ผู้กู้ กู้ยืมไปเพราะเค้าบอกว่าจะกู้เป็นเวลาไม่กี่เดือนและเป็นแปลงที่ซื้อต่อจากแม่ของสามี จึงได้คิดดอกเบี้ยกับผู้กู้ 1.5 %ต่อเดือน และการกู้ยืมญาติเกิดขึ้นหลังจากที่ให้ผู้กู้ กู้ยืมเงินไป ตอนแรกคิดว่าจะได้เงินกลับคืนเพื่อมาซื้อที่ แต่เมื่อไม่ได้เงินคืนจึงต้องยืมญาติ ตอนนี้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเท่ากับที่ญาติคิด แต่ผู้ให้กู้ต้องส่งดอกเบี้ยญาติทุกๆเดือนแถมต้องมาติดตามทวงดอกเบี้ยกับผู้กู้อีก
5. ผู้ให้กู้ได้โทรคุยกับผู้กู้เมื่อช่วงเดือนพ.ย 55 โดยขอเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยคืน โดยผู้กู้บอกให้เรานำที่ดินที่จดจำนองกับผู้ให้กู้ไปประกาศขาย ต่อมามีคนสนใจซื้อและไ้ด้ราคาดี หากขายหักเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยและยอดดอกเบี้ยที่ค้างจะเหลือกำไรอีก 5-6 แสนบาท แต่ผู้กู้ก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์และไม่ติดต่อกลับ ถึงแม้จะไ้ด้ไปหาถึงบ้านแต่ไม่พบ แต่ก็ได้ฝากข้อความไว้กับพี่สาวสามีผู้กู้ซึ่งก็น่าจะรับทราบเรื่องที่เราหาคนซื้อที่ดินให้ได้แล้ว แต่เคยได้ยินมาว่าสามีผู้กู้อยากเก็บที่ดินไว้เพราะที่ดินกำลังเจริญ
6. สรุป - หากจ้างทนายฟ้องผู้กู้ ในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยจะเป็นปัญหาหรือไม่
- การกู้ยืมที่ทำสัญญาเพิ่มเข้ามาในภายหลังมีผลสามารถนำไปฟ้องร้องร่วมได้หรือไม่หากได้ทำหนังสือสัญญาและเซนต์ไว้แล้ว
- อัตราค่าใช้จ่ายในการฟ้องร้องอยู่ที่เท่าไหร่หรือแล้วแต่ทนายคะ โดยทั่วไปต้องจ่ายให้แก่ทนายกี่เปอร์เซนต์