ร.ต.ต. เกียงไกร กิ่งสามี สักดัดสน.เตาปุน นำลูกน้องมาสกัดฝูงชนผู้ชุมนุมพธม. โดนอันธพาลขับรถพุ่งชนและถอยหลังทับซ้ำ จนบาดเจ็บสาหัส ต้องพักรักษาตัวอยู่ที่รพ.ถึง45วัน
หายเจ็บแทนที่ผบ.ตร.จะปูนบำเหน็จรางวัลให้ กับมีคำสั่งย้ายไปอยู่ ภูธรไปเป็นรองสวป.ชะอำ ซะงั้น ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ใครๆก้รู้ว่าผบ.ตร.ยุคนั้น สาวกพธม. ทิ้งลูกน้องที่ทำงานเสี่ยงตาย(แต่ไม่ถูกใจนาย) แบบนี้ได้ลงคอ เวรกรรม
ร.ต.ท.เกรียงไกร กิ่งสามี รอง สวป.สภ. ชะอำ ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส จากผู้ชุมนุมม็อบพันธมิตรฯ ขับรถไล่ทับ ซึ่งล่าสุดศาลตัดสินจำคุกจำเลย 3 ปี แต่ให้รอลงอาญาไว้ก่อน เปิดเผยว่า ยอมรับคำตัดสินของศาล คงจะกลั่นกรองมาดีแล้ว ส่วนจะมีการยื่นอุทธรณ์อีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับอัยการ เนื่องจากตนและเพื่อนตำรวจที่โดนกระทำอีกหลายนาย ไม่ได้เป็นโจทก์ร่วมกับอัยการ เป็นเพียงผู้เสียหายเท่านั้น ดังนั้น การตัดสินจึงต้องขึ้นอยู่กับอัยการ ช่วงที่ทำหน้าที่เข้าระงับเหตุ ในขณะนั้นดำรงตำแหน่งผบ.หมู่ควบคุมฝูงชน สังกัดสน.เตาปูน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลตั้งแต่ศีรษะ ปลายคาง บริเวณขาและเท้า หลังประสบเหตุรักษาตัวอยู่ 45 วัน ที่โรงพยาบาลตำรวจ ปัจจุบันหายเป็นปกติแล้ว มีเพียงรอยแผลเป็นเท่านั้น หลังเกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น ได้ย้ายมาอยู่ที่ สภ.ชะอำ ได้ 1 ปีเศษ ดำรงตำแหน่งรองสวป.สภ.ชะอำ
ร.ต.ท.เกรียงไกร กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิด ขึ้นไม่ได้รู้สึกโกรธผู้กระทำ เพราะถือว่าเราไปปฏิบัติหน้าที่เพื่อส่วนรวม ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว คู่กรณีที่ขับรถชนก็เคยเจอกันที่ศาล ไม่ได้มีการพูดคุยกันแต่อย่างใด ที่สำคัญเขาน่าจะเป็นฝ่ายมาพูดคุยกับเรามากกว่า ไม่ใช่ว่าเราจะไปพูดกับเขาก่อน เขาไม่เคยมาขอโทษเลย แม้กระทั่งโทรศัพท์ก็ไม่เคยโทร.มาพูดคุยถามไถ่หรือขอโทษ เพราะถ้าไม่อยากจะเจอหน้า โทรศัพท์มาพูดคุยขอโทษก็ได้ อย่างไรก็ตาม ถ้ามีเหตุการณ์ทางการเมืองที่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นอีก ก็พร้อมทำหน้าที่รักษาความสงบเหมือนเดิม เพราะเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องเข้าไประงับเหตุ ไม่ว่าจะเกิดที่ไหนเวลาใดก็ต้องไปตามคำสั่งที่ชอบโดยกฎหมาย
ร.ต.ท.เกรียงไกร กิ่งสามี รอง สวป.สภ. ชะอำ ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส จากผู้ชุมนุมม็อบพันธมิตรฯ ขับรถไล่ทับ ซึ่งล่าสุดศาลตัดสินจำคุกจำเลย 3 ปี แต่ให้รอลงอาญาไว้ก่อน เปิดเผยว่า ยอมรับคำตัดสินของศาล คงจะกลั่นกรองมาดีแล้ว ส่วนจะมีการยื่นอุทธรณ์อีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับอัยการ เนื่องจากตนและเพื่อนตำรวจที่โดนกระทำอีกหลายนาย ไม่ได้เป็นโจทก์ร่วมกับอัยการ เป็นเพียงผู้เสียหายเท่านั้น ดังนั้น การตัดสินจึงต้องขึ้นอยู่กับอัยการ ช่วงที่ทำหน้าที่เข้าระงับเหตุ ในขณะนั้นดำรงตำแหน่งผบ.หมู่ควบคุมฝูงชน สังกัดสน.เตาปูน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลตั้งแต่ศีรษะ ปลายคาง บริเวณขาและเท้า หลังประสบเหตุรักษาตัวอยู่ 45 วัน ที่โรงพยาบาลตำรวจ ปัจจุบันหายเป็นปกติแล้ว มีเพียงรอยแผลเป็นเท่านั้น หลังเกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น ได้ย้ายมาอยู่ที่ สภ.ชะอำ ได้ 1 ปีเศษ ดำรงตำแหน่งรองสวป.สภ.ชะอำ
ร.ต.ท.เกรียงไกร กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิด ขึ้นไม่ได้รู้สึกโกรธผู้กระทำ เพราะถือว่าเราไปปฏิบัติหน้าที่เพื่อส่วนรวม ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว คู่กรณีที่ขับรถชนก็เคยเจอกันที่ศาล ไม่ได้มีการพูดคุยกันแต่อย่างใด ที่สำคัญเขาน่าจะเป็นฝ่ายมาพูดคุยกับเรามากกว่า ไม่ใช่ว่าเราจะไปพูดกับเขาก่อน เขาไม่เคยมาขอโทษเลย แม้กระทั่งโทรศัพท์ก็ไม่เคยโทร.มาพูดคุยถามไถ่หรือขอโทษ เพราะถ้าไม่อยากจะเจอหน้า โทรศัพท์มาพูดคุยขอโทษก็ได้ อย่างไรก็ตาม ถ้ามีเหตุการณ์ทางการเมืองที่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นอีก ก็พร้อมทำหน้าที่รักษาความสงบเหมือนเดิม เพราะเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องเข้าไประงับเหตุ ไม่ว่าจะเกิดที่ไหนเวลาใดก็ต้องไปตามคำสั่งที่ชอบโดยกฎหมาย
ร.ต.ท.เกรียงไกร กิ่งสามี รอง สวป.สภ. ชะอำ ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส จากผู้ชุมนุมม็อบพันธมิตรฯ ขับรถไล่ทับ ซึ่งล่าสุดศาลตัดสินจำคุกจำเลย 3 ปี แต่ให้รอลงอาญาไว้ก่อน เปิดเผยว่า ยอมรับคำตัดสินของศาล คงจะกลั่นกรองมาดีแล้ว ส่วนจะมีการยื่นอุทธรณ์อีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับอัยการ เนื่องจากตนและเพื่อนตำรวจที่โดนกระทำอีกหลายนาย ไม่ได้เป็นโจทก์ร่วมกับอัยการ เป็นเพียงผู้เสียหายเท่านั้น ดังนั้น การตัดสินจึงต้องขึ้นอยู่กับอัยการ ช่วงที่ทำหน้าที่เข้าระงับเหตุ ในขณะนั้นดำรงตำแหน่งผบ.หมู่ควบคุมฝูงชน สังกัดสน.เตาปูน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลตั้งแต่ศีรษะ ปลายคาง บริเวณขาและเท้า หลังประสบเหตุรักษาตัวอยู่ 45 วัน ที่โรงพยาบาลตำรวจ ปัจจุบันหายเป็นปกติแล้ว มีเพียงรอยแผลเป็นเท่านั้น หลังเกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น ได้ย้ายมาอยู่ที่ สภ.ชะอำ ได้ 1 ปีเศษ ดำรงตำแหน่งรองสวป.สภ.ชะอำ
ร.ต.ท.เกรียงไกร กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิด ขึ้นไม่ได้รู้สึกโกรธผู้กระทำ เพราะถือว่าเราไปปฏิบัติหน้าที่เพื่อส่วนรวม ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว คู่กรณีที่ขับรถชนก็เคยเจอกันที่ศาล ไม่ได้มีการพูดคุยกันแต่อย่างใด ที่สำคัญเขาน่าจะเป็นฝ่ายมาพูดคุยกับเรามากกว่า ไม่ใช่ว่าเราจะไปพูดกับเขาก่อน เขาไม่เคยมาขอโทษเลย แม้กระทั่งโทรศัพท์ก็ไม่เคยโทร.มาพูดคุยถามไถ่หรือขอโทษ เพราะถ้าไม่อยากจะเจอหน้า โทรศัพท์มาพูดคุยขอโทษก็ได้ อย่างไรก็ตาม ถ้ามีเหตุการณ์ทางการเมืองที่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นอีก ก็พร้อมทำหน้าที่รักษาความสงบเหมือนเดิม เพราะเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องเข้าไประงับเหตุ ไม่ว่าจะเกิดที่ไหนเวลาใดก็ต้องไปตามคำสั่งที่ชอบโดยกฎหมาย
โอ๊ยจะบ้าตาย ผบ.ตร.อวยพธม.ยุคอำมาตย์.ครองเมือง/ร.ต.ต.โดนชนถอบทับ แทนที่จะปุบำเหน้จกับสั่งย้ายไปภูธร
หายเจ็บแทนที่ผบ.ตร.จะปูนบำเหน็จรางวัลให้ กับมีคำสั่งย้ายไปอยู่ ภูธรไปเป็นรองสวป.ชะอำ ซะงั้น ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ใครๆก้รู้ว่าผบ.ตร.ยุคนั้น สาวกพธม. ทิ้งลูกน้องที่ทำงานเสี่ยงตาย(แต่ไม่ถูกใจนาย) แบบนี้ได้ลงคอ เวรกรรม
ร.ต.ท.เกรียงไกร กิ่งสามี รอง สวป.สภ. ชะอำ ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส จากผู้ชุมนุมม็อบพันธมิตรฯ ขับรถไล่ทับ ซึ่งล่าสุดศาลตัดสินจำคุกจำเลย 3 ปี แต่ให้รอลงอาญาไว้ก่อน เปิดเผยว่า ยอมรับคำตัดสินของศาล คงจะกลั่นกรองมาดีแล้ว ส่วนจะมีการยื่นอุทธรณ์อีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับอัยการ เนื่องจากตนและเพื่อนตำรวจที่โดนกระทำอีกหลายนาย ไม่ได้เป็นโจทก์ร่วมกับอัยการ เป็นเพียงผู้เสียหายเท่านั้น ดังนั้น การตัดสินจึงต้องขึ้นอยู่กับอัยการ ช่วงที่ทำหน้าที่เข้าระงับเหตุ ในขณะนั้นดำรงตำแหน่งผบ.หมู่ควบคุมฝูงชน สังกัดสน.เตาปูน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลตั้งแต่ศีรษะ ปลายคาง บริเวณขาและเท้า หลังประสบเหตุรักษาตัวอยู่ 45 วัน ที่โรงพยาบาลตำรวจ ปัจจุบันหายเป็นปกติแล้ว มีเพียงรอยแผลเป็นเท่านั้น หลังเกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น ได้ย้ายมาอยู่ที่ สภ.ชะอำ ได้ 1 ปีเศษ ดำรงตำแหน่งรองสวป.สภ.ชะอำ
ร.ต.ท.เกรียงไกร กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิด ขึ้นไม่ได้รู้สึกโกรธผู้กระทำ เพราะถือว่าเราไปปฏิบัติหน้าที่เพื่อส่วนรวม ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว คู่กรณีที่ขับรถชนก็เคยเจอกันที่ศาล ไม่ได้มีการพูดคุยกันแต่อย่างใด ที่สำคัญเขาน่าจะเป็นฝ่ายมาพูดคุยกับเรามากกว่า ไม่ใช่ว่าเราจะไปพูดกับเขาก่อน เขาไม่เคยมาขอโทษเลย แม้กระทั่งโทรศัพท์ก็ไม่เคยโทร.มาพูดคุยถามไถ่หรือขอโทษ เพราะถ้าไม่อยากจะเจอหน้า โทรศัพท์มาพูดคุยขอโทษก็ได้ อย่างไรก็ตาม ถ้ามีเหตุการณ์ทางการเมืองที่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นอีก ก็พร้อมทำหน้าที่รักษาความสงบเหมือนเดิม เพราะเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องเข้าไประงับเหตุ ไม่ว่าจะเกิดที่ไหนเวลาใดก็ต้องไปตามคำสั่งที่ชอบโดยกฎหมาย
ร.ต.ท.เกรียงไกร กิ่งสามี รอง สวป.สภ. ชะอำ ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส จากผู้ชุมนุมม็อบพันธมิตรฯ ขับรถไล่ทับ ซึ่งล่าสุดศาลตัดสินจำคุกจำเลย 3 ปี แต่ให้รอลงอาญาไว้ก่อน เปิดเผยว่า ยอมรับคำตัดสินของศาล คงจะกลั่นกรองมาดีแล้ว ส่วนจะมีการยื่นอุทธรณ์อีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับอัยการ เนื่องจากตนและเพื่อนตำรวจที่โดนกระทำอีกหลายนาย ไม่ได้เป็นโจทก์ร่วมกับอัยการ เป็นเพียงผู้เสียหายเท่านั้น ดังนั้น การตัดสินจึงต้องขึ้นอยู่กับอัยการ ช่วงที่ทำหน้าที่เข้าระงับเหตุ ในขณะนั้นดำรงตำแหน่งผบ.หมู่ควบคุมฝูงชน สังกัดสน.เตาปูน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลตั้งแต่ศีรษะ ปลายคาง บริเวณขาและเท้า หลังประสบเหตุรักษาตัวอยู่ 45 วัน ที่โรงพยาบาลตำรวจ ปัจจุบันหายเป็นปกติแล้ว มีเพียงรอยแผลเป็นเท่านั้น หลังเกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น ได้ย้ายมาอยู่ที่ สภ.ชะอำ ได้ 1 ปีเศษ ดำรงตำแหน่งรองสวป.สภ.ชะอำ
ร.ต.ท.เกรียงไกร กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิด ขึ้นไม่ได้รู้สึกโกรธผู้กระทำ เพราะถือว่าเราไปปฏิบัติหน้าที่เพื่อส่วนรวม ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว คู่กรณีที่ขับรถชนก็เคยเจอกันที่ศาล ไม่ได้มีการพูดคุยกันแต่อย่างใด ที่สำคัญเขาน่าจะเป็นฝ่ายมาพูดคุยกับเรามากกว่า ไม่ใช่ว่าเราจะไปพูดกับเขาก่อน เขาไม่เคยมาขอโทษเลย แม้กระทั่งโทรศัพท์ก็ไม่เคยโทร.มาพูดคุยถามไถ่หรือขอโทษ เพราะถ้าไม่อยากจะเจอหน้า โทรศัพท์มาพูดคุยขอโทษก็ได้ อย่างไรก็ตาม ถ้ามีเหตุการณ์ทางการเมืองที่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นอีก ก็พร้อมทำหน้าที่รักษาความสงบเหมือนเดิม เพราะเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องเข้าไประงับเหตุ ไม่ว่าจะเกิดที่ไหนเวลาใดก็ต้องไปตามคำสั่งที่ชอบโดยกฎหมาย
ร.ต.ท.เกรียงไกร กิ่งสามี รอง สวป.สภ. ชะอำ ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส จากผู้ชุมนุมม็อบพันธมิตรฯ ขับรถไล่ทับ ซึ่งล่าสุดศาลตัดสินจำคุกจำเลย 3 ปี แต่ให้รอลงอาญาไว้ก่อน เปิดเผยว่า ยอมรับคำตัดสินของศาล คงจะกลั่นกรองมาดีแล้ว ส่วนจะมีการยื่นอุทธรณ์อีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับอัยการ เนื่องจากตนและเพื่อนตำรวจที่โดนกระทำอีกหลายนาย ไม่ได้เป็นโจทก์ร่วมกับอัยการ เป็นเพียงผู้เสียหายเท่านั้น ดังนั้น การตัดสินจึงต้องขึ้นอยู่กับอัยการ ช่วงที่ทำหน้าที่เข้าระงับเหตุ ในขณะนั้นดำรงตำแหน่งผบ.หมู่ควบคุมฝูงชน สังกัดสน.เตาปูน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลตั้งแต่ศีรษะ ปลายคาง บริเวณขาและเท้า หลังประสบเหตุรักษาตัวอยู่ 45 วัน ที่โรงพยาบาลตำรวจ ปัจจุบันหายเป็นปกติแล้ว มีเพียงรอยแผลเป็นเท่านั้น หลังเกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น ได้ย้ายมาอยู่ที่ สภ.ชะอำ ได้ 1 ปีเศษ ดำรงตำแหน่งรองสวป.สภ.ชะอำ
ร.ต.ท.เกรียงไกร กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิด ขึ้นไม่ได้รู้สึกโกรธผู้กระทำ เพราะถือว่าเราไปปฏิบัติหน้าที่เพื่อส่วนรวม ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว คู่กรณีที่ขับรถชนก็เคยเจอกันที่ศาล ไม่ได้มีการพูดคุยกันแต่อย่างใด ที่สำคัญเขาน่าจะเป็นฝ่ายมาพูดคุยกับเรามากกว่า ไม่ใช่ว่าเราจะไปพูดกับเขาก่อน เขาไม่เคยมาขอโทษเลย แม้กระทั่งโทรศัพท์ก็ไม่เคยโทร.มาพูดคุยถามไถ่หรือขอโทษ เพราะถ้าไม่อยากจะเจอหน้า โทรศัพท์มาพูดคุยขอโทษก็ได้ อย่างไรก็ตาม ถ้ามีเหตุการณ์ทางการเมืองที่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นอีก ก็พร้อมทำหน้าที่รักษาความสงบเหมือนเดิม เพราะเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องเข้าไประงับเหตุ ไม่ว่าจะเกิดที่ไหนเวลาใดก็ต้องไปตามคำสั่งที่ชอบโดยกฎหมาย