สวัสดีค่ะ เรามีความเดือนเนื้อร้อนใจ อยากจะขอคำแนะนำจากผู้รู้หน่อยค่ะ
ขอเริ่มเรื่องเลยแล้วกันนะคะ
เมื่อประมาณปลายเดือนสิงหา ทางหจก.ของเราได้นำเข้าพรมปูพื้นมา (จริง ๆ สินค้าเป็นของบริษัททางต่างประเทศ เค้าให้ลองมาขายดู ทางเราไม่ได้สั่ง) มีทั้งหมด 3 ตู้คอนเทนเนอร์ใหญ่ ด้วยความที่เราไม่มีความรู้ด้านชิปปิ้งทางเรือ (รู้บ้างทางแอร์) จึงให้ชิปปิ้งคนหนึ่งทำงานนี้ให้
เรารู้จักกับชิปปิ้งคนนี้ เพราะตอนนั้นคิดว่าจะเดินงานเอง ก็อาศัยถามๆ คนอื่นไป ทีนี้ก็ไปเจอคนนึง เราถามเกี่ยวกับว่า พรมเนี่ยต้องจ่ายภาษีสรรพสามิตมั้ย เค้าก็เลยแนะนำชิปปิ้งคนนี้ให้เรา
ตอนแรกว่าจะไม่ให้งานเค้า แค่อยากถามเรื่องภาษีและยิงฟอร์มใบขนเท่านั้น วันที่เจอเค้าเราให้เค้าช่วยทำใบขนให้ เค้าก็เลยบอกว่าเค้่ารู้จักคนทีี่ท่าเรือที่ของเราขึ้น คุยไปคุยมาเราเองก็โง่ ก็เลยให้เค้าทำงาน
วันรุ่งขึ้นคือวัีนที่จะไปออกของ เราถามเค้าตลอดว่า"เช็คให้ดีัึนะว่าต้องเสียสรรพสามิตหรือเปล่า" เขาบอกว่า "ผมเช็คมาดีแล้ว ไม่ีต้องเสีย" แต่พอออกของเสร็จมีเจ้าหน้าที่มาล็อคสินค้า(ตอนนั้นเจ้าหน้าที่กรมศุลฯ ตรวจปล่อยไปแล้ว) แล้วบอกว่าเราทำผิด เพราะไม่จ่ายภาษีสรรพสามิต
เรื่องก็เลยเป็นคดีึความ เราต้องจ่ายภาษีเพิ่ม แต่ที่กลัวก็คือค่าปรับ ตลอดการเดินเอกสารทั้งหลาย ชิปปิ้งคนนี้เป็นคนทั้งหมด ใช้เวลาเดินเป็นอาทิตย์ เพราะเค้าอ้างตลอดว่า คนนั้นไม่มา คนนี้เข้าสาย คนนั้นไม่อยู่ เรื่องก็เลยมาเป็นอาทิตย์ ค่าใช้จ่าย ค่าโกดัง ค่าเด็ม เพิ่มขึ้นเป็นหมื่นๆ
ทีนี้วันสุดท้ายที่เอกสารใกล้เสร็จที่กรมศุลฯ คลองเตย เค้าบอกว่าคดีนี้ผิดมาตรา 99 กับ 27 ต้องเสียค่าปรับสองเท่าของภาษี เราจ่ายภา่ษี 100,000 บาท ดังนั้นค่าปรับคือ200,000 บาท แต่ชิปิ้งคนนี้บอกว่า เดี๋ยวเค้าให้นายใหญ่คนหนึ่งคุยให้ จ่ายแค่(ใต้โต๊ะ) 10% ของค่าปรับและอีก 10,000 ของนิติกรคนทำคดี ทั้งหมดรวม30,000 บาท เราก็บอกว่าถ้าต่อได้ให้ต่อ เ้ค้าบอกต่อเหลือ 25,000 บาท
เราเองด้วยความกลัว ความเครียด อะไรหลายๆ อย่าง ไม่มีประสบการณ์ เรียนจบก็มาทำงานตรงนี้ แถมยังไม่ใช่เรื่องที่เรียนมา มันเลยเครียดไปหมด
วันที่ต้องจ่ายเงิน 25,000 เราเองก็อยู่ที่กรมศุลฯ คลองเตย ชิปปิ้งคนนี้บอกว่าให้รอก่อนเดี๋ยวเอกสารเสร็จแล้วจะโทรบอก เพราะเราบอกเค้าไปก่อนหน้านี้ว่า ถึงเวลาจ่ายเงินเมื่อไหร่ เราจะเป็นคนไปจ่ายเอง 3-4 ชั่วโมงผ่านไป เค้าเอาเอกสารใบหนึ่งมาให้เป็นเอกสารเหมือนบันทึกที่นิติกรเขียนเพื่อให้เราทราบข้อหาและจำนวนภาษี ที่สำคัญ เค้าบอกว่า"เค้า่เอาเงินตัวเองจ่าย 25,000 จไปให้ก่อนแล้วนะพราะกลัวช้า"
ในใจเราคิดแล้วว่าเค้าโกงเราแน่ๆ (จริงๆ คิดมาตั้งแต่วันโดนอายัดสินค้าแล้ว แต่ตอนนั้นต้องทำดีเพราะเอกสารยังไม่ได้ดำเนินการ) เค้่าบอกว่างั้นเอาเงินจ่ายที่เค้า เราก็เลยจ่ายไปแค่ 15,000 บอกว่าเดี๋ยวงานเสร็จจะเคลียให้ เพราะตอนนี้ต้องใช้เงิน
พอวันออกของเรียบร้อย เค้ารีบทวงเงินที่เหลือ เราบอกว่าเดี๋ยวลงของเสร็จจะโอนให้ เราใช้เวลาลงของตั้งแต่เช้ายันเกือบสองทุ่ม เพราะคนงานน้อยแต่สินค้าเยอะ ชิปปิ้งคนนี้ก็โทร ๆ ๆๆ มา เราไม่ได้รับ เพราะมัวแต่ดูงานอยู่ ชิปปิ้งมันส่งข้อความมาว่า "ถ้าไม่จ่ายจะเอาคนไปที่บ้าน" ส่งมาแบบนี้ 2 ครั้ง พอเรารับโทรศัพท์ก็พูดจากับเราแย่มาก เราก็เลยยังไม่ให้เิงิน เค้าโทรมาเราก็ไม่รับ
ประมาณเดือนตุลา มีเจ้าหน้าที่จากทางท่าเรือที่เราเอาของออก โทรมาแจ้งว่าต้องจ่ายเงินบางอย่างเพิ่ม ประมาณ 2,000 บาท แต่เราก็กลัวว่าจะเป็นแผนของชิปปิ้ง เราก็เลยให้เค้า่แฟกซ์เอกสารมา หลังจากได้รับเอกสาร เจ้าหน้าที่เค้าบอกว่าให้เค้่าเช็คอีกทีัว่าฝ่ายกฏหมายจะปรับมั้ยหรืออะไรสักอย่าง
ตั้งแต่เดือนตุลา เราไม่ได้รับแจ้งอะไรจากทางเจ้าหน้าที่อีกเลย แล้วเราเองก็มัวแต่ทำงานเลยลืมเรื่องนี้ไป จนมาวันที่ 18 ธันวา ที่ผ่านมานี้ มีเจ้าหน้าที่คนเดิมโทรมา แล้วบอกว่าให้มาจ่ายที่แจ้งไป แต่ต้องคูณ 3 เดือน เพราะเราไม่ได้ไปจ่ายตอนนั้น เราเลยติงกลับไปว่า จริง ๆ มันไม่ใช่ความผิดของเรา เพราะทางเราไม่ได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่คนนั้นเลยบอกว่าให้เราลองเข้าไปคุยกับหัวหน้าเึ้ค้าเอง
พอวันรุ่งขึ้น(19 ธันวา) เราก็ไป พอไปถึงฝ่ายบัญชีเองก็งงว่าใครส่งเอกสารนี้มาให้ หัวหน้าเึ้้ค้าเองยังงงเลย เค้าเลยบอกว่าให้เรานั่งรอ เราก็รอสัก 10 นาที หัวหน้่าเค้าก็พาเราเข้าไปในห้องแล้วเราก็เจอเจ้าหน้าที่ที่โทรหาเรา แล้วเค้าก็แจ้งว่า เราต้องจ่ายค่าปรับให้กรมสรรพสามิตที่ฝากเก็บมาทางกรมศุลน 100,000 กว่าบาท และต้องจ่ายภายในเดือนนี้ ถ้าไม่งั้นเค้าจะส่งคดีขึ้นศาล
จากที่ต้องจ่าย 5,000 กลายเป็น 100,000 บาท เรางงมาก พอเรารับเอกสารมา กลับมาถึงบ้าน ชิปปิ้งคนนั้นมันโทรหาเราแล้วบอกว่า "มันเป็นคนแจ้งให้เค้ามาเรียกเก็บ" เำพราะเราไม่จ่ายเงินที่เหลือให้มัน
เรื่องราวทั้งหมดอาจดูยาวมาก แต่ตอนนี้เราเดือดร้อนมาก เพราะสินค้าที่เอามายังไม่ได้ขาย เงินก็ไม่มี ไม่รู้จะทำไง หลักฐานเอา่ผิดชปปิ้งคนนี้ก็ไม่มี ใครที่เชี่ยวชาญหรือเมตตากรุณาช่วยหน่อยนะึคะ จะเป็นพระคุณอย่างสูงจริง ๆ ค่ะ
ปล.ที่เอกสารเรียกเก็บเงิน ไม่มีตราคุรฑของทางราชการ คือเค้าเจ้าหน้าทีั่พิมพ์แล้วก็ปริ้นมาให้เรา
โดนสรรพสามิตปรับย้อนหลังเพราะชิปปิ้งแกล้ง
ขอเริ่มเรื่องเลยแล้วกันนะคะ
เมื่อประมาณปลายเดือนสิงหา ทางหจก.ของเราได้นำเข้าพรมปูพื้นมา (จริง ๆ สินค้าเป็นของบริษัททางต่างประเทศ เค้าให้ลองมาขายดู ทางเราไม่ได้สั่ง) มีทั้งหมด 3 ตู้คอนเทนเนอร์ใหญ่ ด้วยความที่เราไม่มีความรู้ด้านชิปปิ้งทางเรือ (รู้บ้างทางแอร์) จึงให้ชิปปิ้งคนหนึ่งทำงานนี้ให้
เรารู้จักกับชิปปิ้งคนนี้ เพราะตอนนั้นคิดว่าจะเดินงานเอง ก็อาศัยถามๆ คนอื่นไป ทีนี้ก็ไปเจอคนนึง เราถามเกี่ยวกับว่า พรมเนี่ยต้องจ่ายภาษีสรรพสามิตมั้ย เค้าก็เลยแนะนำชิปปิ้งคนนี้ให้เรา
ตอนแรกว่าจะไม่ให้งานเค้า แค่อยากถามเรื่องภาษีและยิงฟอร์มใบขนเท่านั้น วันที่เจอเค้าเราให้เค้าช่วยทำใบขนให้ เค้าก็เลยบอกว่าเค้่ารู้จักคนทีี่ท่าเรือที่ของเราขึ้น คุยไปคุยมาเราเองก็โง่ ก็เลยให้เค้าทำงาน
วันรุ่งขึ้นคือวัีนที่จะไปออกของ เราถามเค้าตลอดว่า"เช็คให้ดีัึนะว่าต้องเสียสรรพสามิตหรือเปล่า" เขาบอกว่า "ผมเช็คมาดีแล้ว ไม่ีต้องเสีย" แต่พอออกของเสร็จมีเจ้าหน้าที่มาล็อคสินค้า(ตอนนั้นเจ้าหน้าที่กรมศุลฯ ตรวจปล่อยไปแล้ว) แล้วบอกว่าเราทำผิด เพราะไม่จ่ายภาษีสรรพสามิต
เรื่องก็เลยเป็นคดีึความ เราต้องจ่ายภาษีเพิ่ม แต่ที่กลัวก็คือค่าปรับ ตลอดการเดินเอกสารทั้งหลาย ชิปปิ้งคนนี้เป็นคนทั้งหมด ใช้เวลาเดินเป็นอาทิตย์ เพราะเค้าอ้างตลอดว่า คนนั้นไม่มา คนนี้เข้าสาย คนนั้นไม่อยู่ เรื่องก็เลยมาเป็นอาทิตย์ ค่าใช้จ่าย ค่าโกดัง ค่าเด็ม เพิ่มขึ้นเป็นหมื่นๆ
ทีนี้วันสุดท้ายที่เอกสารใกล้เสร็จที่กรมศุลฯ คลองเตย เค้าบอกว่าคดีนี้ผิดมาตรา 99 กับ 27 ต้องเสียค่าปรับสองเท่าของภาษี เราจ่ายภา่ษี 100,000 บาท ดังนั้นค่าปรับคือ200,000 บาท แต่ชิปิ้งคนนี้บอกว่า เดี๋ยวเค้าให้นายใหญ่คนหนึ่งคุยให้ จ่ายแค่(ใต้โต๊ะ) 10% ของค่าปรับและอีก 10,000 ของนิติกรคนทำคดี ทั้งหมดรวม30,000 บาท เราก็บอกว่าถ้าต่อได้ให้ต่อ เ้ค้าบอกต่อเหลือ 25,000 บาท
เราเองด้วยความกลัว ความเครียด อะไรหลายๆ อย่าง ไม่มีประสบการณ์ เรียนจบก็มาทำงานตรงนี้ แถมยังไม่ใช่เรื่องที่เรียนมา มันเลยเครียดไปหมด
วันที่ต้องจ่ายเงิน 25,000 เราเองก็อยู่ที่กรมศุลฯ คลองเตย ชิปปิ้งคนนี้บอกว่าให้รอก่อนเดี๋ยวเอกสารเสร็จแล้วจะโทรบอก เพราะเราบอกเค้าไปก่อนหน้านี้ว่า ถึงเวลาจ่ายเงินเมื่อไหร่ เราจะเป็นคนไปจ่ายเอง 3-4 ชั่วโมงผ่านไป เค้าเอาเอกสารใบหนึ่งมาให้เป็นเอกสารเหมือนบันทึกที่นิติกรเขียนเพื่อให้เราทราบข้อหาและจำนวนภาษี ที่สำคัญ เค้าบอกว่า"เค้า่เอาเงินตัวเองจ่าย 25,000 จไปให้ก่อนแล้วนะพราะกลัวช้า"
ในใจเราคิดแล้วว่าเค้าโกงเราแน่ๆ (จริงๆ คิดมาตั้งแต่วันโดนอายัดสินค้าแล้ว แต่ตอนนั้นต้องทำดีเพราะเอกสารยังไม่ได้ดำเนินการ) เค้่าบอกว่างั้นเอาเงินจ่ายที่เค้า เราก็เลยจ่ายไปแค่ 15,000 บอกว่าเดี๋ยวงานเสร็จจะเคลียให้ เพราะตอนนี้ต้องใช้เงิน
พอวันออกของเรียบร้อย เค้ารีบทวงเงินที่เหลือ เราบอกว่าเดี๋ยวลงของเสร็จจะโอนให้ เราใช้เวลาลงของตั้งแต่เช้ายันเกือบสองทุ่ม เพราะคนงานน้อยแต่สินค้าเยอะ ชิปปิ้งคนนี้ก็โทร ๆ ๆๆ มา เราไม่ได้รับ เพราะมัวแต่ดูงานอยู่ ชิปปิ้งมันส่งข้อความมาว่า "ถ้าไม่จ่ายจะเอาคนไปที่บ้าน" ส่งมาแบบนี้ 2 ครั้ง พอเรารับโทรศัพท์ก็พูดจากับเราแย่มาก เราก็เลยยังไม่ให้เิงิน เค้าโทรมาเราก็ไม่รับ
ประมาณเดือนตุลา มีเจ้าหน้าที่จากทางท่าเรือที่เราเอาของออก โทรมาแจ้งว่าต้องจ่ายเงินบางอย่างเพิ่ม ประมาณ 2,000 บาท แต่เราก็กลัวว่าจะเป็นแผนของชิปปิ้ง เราก็เลยให้เค้า่แฟกซ์เอกสารมา หลังจากได้รับเอกสาร เจ้าหน้าที่เค้าบอกว่าให้เค้่าเช็คอีกทีัว่าฝ่ายกฏหมายจะปรับมั้ยหรืออะไรสักอย่าง
ตั้งแต่เดือนตุลา เราไม่ได้รับแจ้งอะไรจากทางเจ้าหน้าที่อีกเลย แล้วเราเองก็มัวแต่ทำงานเลยลืมเรื่องนี้ไป จนมาวันที่ 18 ธันวา ที่ผ่านมานี้ มีเจ้าหน้าที่คนเดิมโทรมา แล้วบอกว่าให้มาจ่ายที่แจ้งไป แต่ต้องคูณ 3 เดือน เพราะเราไม่ได้ไปจ่ายตอนนั้น เราเลยติงกลับไปว่า จริง ๆ มันไม่ใช่ความผิดของเรา เพราะทางเราไม่ได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่คนนั้นเลยบอกว่าให้เราลองเข้าไปคุยกับหัวหน้าเึ้ค้าเอง
พอวันรุ่งขึ้น(19 ธันวา) เราก็ไป พอไปถึงฝ่ายบัญชีเองก็งงว่าใครส่งเอกสารนี้มาให้ หัวหน้าเึ้้ค้าเองยังงงเลย เค้าเลยบอกว่าให้เรานั่งรอ เราก็รอสัก 10 นาที หัวหน้่าเค้าก็พาเราเข้าไปในห้องแล้วเราก็เจอเจ้าหน้าที่ที่โทรหาเรา แล้วเค้าก็แจ้งว่า เราต้องจ่ายค่าปรับให้กรมสรรพสามิตที่ฝากเก็บมาทางกรมศุลน 100,000 กว่าบาท และต้องจ่ายภายในเดือนนี้ ถ้าไม่งั้นเค้าจะส่งคดีขึ้นศาล
จากที่ต้องจ่าย 5,000 กลายเป็น 100,000 บาท เรางงมาก พอเรารับเอกสารมา กลับมาถึงบ้าน ชิปปิ้งคนนั้นมันโทรหาเราแล้วบอกว่า "มันเป็นคนแจ้งให้เค้ามาเรียกเก็บ" เำพราะเราไม่จ่ายเงินที่เหลือให้มัน
เรื่องราวทั้งหมดอาจดูยาวมาก แต่ตอนนี้เราเดือดร้อนมาก เพราะสินค้าที่เอามายังไม่ได้ขาย เงินก็ไม่มี ไม่รู้จะทำไง หลักฐานเอา่ผิดชปปิ้งคนนี้ก็ไม่มี ใครที่เชี่ยวชาญหรือเมตตากรุณาช่วยหน่อยนะึคะ จะเป็นพระคุณอย่างสูงจริง ๆ ค่ะ
ปล.ที่เอกสารเรียกเก็บเงิน ไม่มีตราคุรฑของทางราชการ คือเค้าเจ้าหน้าทีั่พิมพ์แล้วก็ปริ้นมาให้เรา