ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา นักแสดงดัง โต้เกรียนอินสตาแกรม ยุให้ทำลายรถที่บ้าน หลังไม่เห็นด้วยนโยบาย รถคันแรก ซัดปีเดียวมีรถวิ่งในกรุงฯ 1 ล้านคัน ไร้การควบคุมทำรถติด ไม่เถียงใครๆ ก็อยากมีรถ แต่ทำไมไม่ทำให้รถเมล์-รถไฟน่านั่ง แถมไม่ตรวจสอบฐานะการเงินผู้ซื้อ ยกญี่ปุ่นเก็บภาษีที่จอด แนะเงินแสนล้านที่ทยอยคืนพัฒนาประเทศได้ตั้งเยอะ ทิ้งท้ายเชิญร่วมใจปฏิเสธสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
วันนี้ (20 ธ.ค.) มีรายงานว่า หลังจากที่ ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ดารานักแสดงชื่อดัง ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับ โครงการรถคันแรก ในอินสตาแกรม พบว่ามีผู้เข้ามากดถูกใจ และให้กำลังใจโดยการกดสัญลักษณ์รูปหัวใจประมาณ 1,100 ราย
ขณะเดียวกันยังพบว่า นอกจากมีผู้แสดงความชื่นชมเกี่ยวกับความคิดเห็นของนายณัฏฐ์แล้ว พบว่ามีผู้แสดงความไม่เห็นด้วย และโต้แย้งกับความคิดเห็นดังกล่าว โดยผู้ใช้นามแฝง conanwaw ระบุว่า ต้องการลดปริมาณรถยนต์ภายในประเทศ เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการทำลายรถคุณเอง. ไม่ใช่ไปบอกให้คนอื่นหยุดซื้อรถคันแรก -- ไม่ทราบที่บ้านมีรถกี่คันฮ่ะคุณณัฐ
มีผลการวิจัยนโยบายรถคันแรกมั้ยครับ ว่าส่วนต่างของปีนี้กับปีที่แล้ว ต่างกันขนาดไหน การลดภาษีให้ ทำให้ชนชั้นกลางได้อะไรบ้าง สำหรับชนชั้นที่มีเงินต่อให้ ระบบขนส่งมวลชนดีเลิศ คุณก็ไม่มีทางนั่งรถเมลล์หรอก ระบบขนส่งจะหรือไม่ พวกคุณก็ซื้อรถเหมือนเดิม คุณก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รถติดเช่นกัน
คุณ ผลเสียของนโยบายนี้ คือการผลประโยชน์ของชนชั้นกลางที่อยากจะตั้งตัวน่ะครับ. ถ้าเราจะเถียงกันด้วยข้อมูลต้องใช้ welfare theorem (ทฤษฎีบทสวัสดิการ) มาช่วยวิเคราะห์แล้วล่ะ. ว่าตลาดมีความสมบูรณ์ทางการแข่งขันหรือไม่. ซึ่งถ้าพูดกันตรงๆ พวกคุณไม่ได้ห่วงหรอกว่าเค้าจะผ่อนจะซื้อกันได้หรือเปล่า คุณแค่รู้สึกว่า รถมันจะติด น่าเบื่อ น่ารำคาญ แล้วคุณเห็นว่าผลเสียของนโยบายนี้คืออะไรครับ
ที่คุณณัฐโพสนี่บอกว่า รัฐมุ่งเน้นแต่นโยบายส่วนบุคคลและธุรกิจของตนเอง ประชาชนไร้การศึกษา มัวเมา หลอกลวงประชาชน เช่นเดียวกับนโยบายนี้. โอ่วว ประเทศนี้มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรอครับ
อย่างไรก็ตาม นายณัฏฐ์ได้ตอบกลับความคิดเห็นของผู้ใช้นามแฝงดังกล่าว ระบุว่า ผมถามคุณแค่นี้แล้วคุณไปคิดให้ดีแล้วกัน ตอบผมให้ได้ด้วย แต่ก่อนอื่นผมจะขอบอกเลยว่าผมก็คนชั้นกลาง ตั้งตัวด้วยตัวเอง ไม่เคยแบมือขอเงินพ่อแม่ตั้งแต่เรียนอยู่ปีสามแล้วด้วยซ้ำ 1. นโยบายนี้มุ่งเน้นให้โอกาสคนชั้นกลางตั้งตัวหรอครับ คุณเอาอะไรมาวัด? ผมถามหน่อยทำไมไม่มีการตรวจประวัติการเงินคนซื้อ รวมถึงฐานเงินเดือนให้ไปเลยล่ะ? ถ้าไม่งั้นใครที่ไม่เคยซื้อรถก็ซื้อได้สิครับ! แล้วมันจะแฟร์ตรงไหน?
2.ต่อเนื่องจากการที่ใครก็ได้สามารถซื้อรถได้ลดราคา ถ้าเป็นคันแรก ปี 2555 ปีนี้ปีเดียวมีรถออกมาวิ่งบนถนนกรุงเทพฯ มากขึ้นถึง 1 ล้านคันโดยประมาณ (จากสถิติยอดจอง) มากกว่าปีที่ไม่มีนโยบายนี้ถึง 4 เท่า (250,000 คัน) ผมไม่เถียงว่ามันเป็นกลไกตลาดให้อุสาหกรรมรถยนต์โตขึ้น แต่เม็ดเงินมันไปไหนละครับ มันก็ไหลออกอยู่ดี เพราะประเทศเราไม่มีแบรนด์รถยนต์ของเราเองอยู่ดี ส่วนเม็ดเงินที่เหลือก็เข้ากระเป๋าธุรกิจส่วนประกอบประเทศ..ซึ่งผมจะบอกอะไรให้นะ..มากกว่า 50% นำเข้าวัตถุดิบ เงินอีกส่วนก็สะพัดในตลาดแรงงาน
3. ในเมื่อไร้การควบคุมปริมาณรถที่ออกสู่ท้องถนนโดยไร้หลักการ...ผลคืออะไรครับ? รถติดไงครับ รถติดมหาศาลแบบทุกช่วงเวลาของวัน ผมไม่รู้คุณขับรถรึเปล่า แต่ถ้าคุณเป็นคนนึงที่นั่งรถเมล์ (ซึ่งตอนเรียนผมก็เคยนั่งมาแล้วทั้ง ครีมแดง ขาวน้ำเงิน รถร่วม รถเล็ก ปอ.) มันร้อนและทรมานขึ้นขนาดไหนครับ? ถนนในกรุงเทพมีพอให้รถวิ่งหรอครับ?? ถ้าคุณดูประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างญี่ปุ่น เค้ามีกฏหมายควบคุมปริมาณรถในเมืองชัดเจนนั่นคือ "ภาษี" ครับ ภาษีในที่นี้เลือกเก็บครับ เก็บจากเฉพาะคนรวย คนที่มีเงินพอจะซื้อรถแพงๆ หรือรถนำเข้าจ่ายหนักหน่อย ส่วนคนซื้อรถญี่ปุ่นรักชาติเสียน้อยหน่อย แต่ภาษีและข้อบังคับที่ไม่ว่าจะจนจะรวยต้องจ่ายเหมือนกัน คือภาษีที่จอดครับ และถ้าคุณอยากซื้อรถแต่ไม่มีที่จอดก็ซื้อรถไม่ได้ครับต่อให้มีเงิน
4.ผมไม่เถียงเลยครับว่าใครๆ ก็อยากมีรถ เพราะอะไรครับ? เพราะอากาศบ้านเรามันร้อน มลภาวะเยอะ และที่สำคัญระบบขนส่งมวลชนมันห่วยครับ!!! ไม่นับรถไฟฟ้าและเอ็มอาร์ทีนะครับ เพราะประเทศพัฒนาแล้วเค้ามีมาเป็นสิบๆ ปีแล้วครับ ผมกำลังพูดถึงรถเมล์และรถไฟครับ คงไม่ต้องพูดมาก ถ้าคุณนั่งรถเมล์และรถไฟคุณจะรู้ว่ามันไม่มีการลงทุนพัฒนาเลย รถเก่า ซอมซ่อ ก่อมลภาวะ ควันดำ วิ่งเร็ว มารยาทในการขับ จอด เทียบป้าย เป็นไงละครับ ถ้าคุณเคยไปต่างประเทศคุณจะรู้ว่ารถเมล์บ้านเราซกมกสุดแล้วครับ มันเป็นรุ่นเก่าดึกดำบรรพ์มาก ต่างจากต่างประเทศที่เป็นแอร์หมด น่านั่งกว่าล้านเท่า ผมถามหน่อยครับ ทำไมไม่มีการลงทุนทำให้รถเมล์รถไฟน่านั่งขึ้น คนจะได้ใช้มากขึ้น จะได้มีรายได้มากขึ้นและไม่ต้องมาอ้างว่า ขาดทุนทุกปีและต้องให้รัฐอุ้ม ผมเห็นใจคนตาดำที่ยังต้องนั่งรถเมล์อยู่ครับ
5. ทนกับผมหน่อยนะครับในเมื่อคุณถามผมก็จะตอบ ตอบแบบคนที่เข้าใจปัญหาจริงๆ วกกลับมาประเด็นภาษี ตัวต้นเหตุ จริงแล้วผมเห็นด้วยกับคนที่อยากจะซื้อรถคันแรกและจะได้ลดละภาษีเพื่อตั้งตัว แต่มันต้องมีการตรวจสอบประวัติการเงินและฐานเงินเดือนอย่างจริงจังครับ จะได้เป็นประโยชน์แก่ "ผู้ได้รับ" การเว้นภาษี รวมถึง "ผู้ให้" เว้นภาษี คนมีเงินแล้วจะได้มาชุบมือเปิบกับนโยบายนี้ครับ จะว่าเลือกปฏิบัติก็ได้ เพราะคุณอย่าลืมว่าชนชั้นกลางบ้านเราไม่ได้มีเยอะนะครับ ชนชั้นรากหญ้าต่างหาก ที่มีมากที่สุด ถามว่า เค้ามีส่วนได้ส่วนเสียกับนโยบายนี้มั้ย คุณอาจจะมองว่าไม่ แต่ผมตอบเลยว่ามีเต็มๆ คุณรู้มั้ยปีนีรัฐบาลละเว้นภาษีรถ 1 ล้านคันโดยประมาณ ยังไม่รวมปีหน้านะ เป็นเงินทั้งสิ้น 1 แสนล้านบาท ถามว่าทำไมไม่จ่ายคืนคนซื้อรถทันทีเลย คำตอบคือรัฐบาลไม่มีเงินครับ ต้องทยอยคืน ถามต่อ แล้วในเมื่อรัฐบาลไม่มีเงิน แถมยังเป็นหนี้อยู่ จะละเว้นภาษีสิ้นเปลืองนี้ทำไมละครับ??? เงินตั้งแสนล้านเอาไปพัฒนาอะไรได้ตั้งเยอะ ส่งเด็กเรียนฟรีให้จบมัธยม 6 ชมทุกคนสิครับ ประกันสุขภาพคนจนก็ทำให้ดีขึ้นสิครับ ไปอุ้มชูชาวนา และเกษตรกร กระดูกสันหลังของชาติสิครับ จะมาละเว้นภาษีให้คนชั้นกลางกับคนรวยทำไม ในเมื่อชนชั้นล่างยังต้องนั่งจ่ายภาษีแบบเ็ดเต็มหน่วย แถมราคาผลผลิตทางการเกษตรก็ยังถูกดต่ำจนไม่รู้จะต่ำยังไง!!! สรุปนโยบายนี้ไม่ได้ช่วยให้ประเทศเราเจริญขึ้นเลยครับ ถ้ามองจากข้อเสียซึ่งมีมากกว่าข้อดีแล้วหวังว่าคุณคงเข้าใจกระจ่างแจ้งมากขึ้นแล้วนะครับ ขอบคุณครับที่ถาม
สุดท้ายนี้บ้านผมจะมีรถกี่คันไม่ใช่ประเด็นครับ และก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของคุณด้วย เอาเป็นว่าผมเป็นประชาชนชั้นกลางคนนึง ชึ่งเสียภาษีแบบถูกต้องและผมก็ภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ประชาชนคนหนึ่ง แต่ผมจะภูมิใจกว่านี้ถ้าเงินภาษีที่ผมจ่ายไปจะถูกนำไปใช้ประโยชน์ให้มากกว่านี้ ผมว่าพวกเราเพิกเฉยกับปัญหาเล่านี้มานานแล้วครับ ตื่นเถิดชาวไทย มาร่วมใจกันปฏิเสธอะไรที่ไม่ถูต้องเถอะครับ เพราะเสียงของพวกเราทุกคนคืออธิปไตยของเรา ก่อนจะเลือกใครหรืออะไรซักอย่างเราต้องศึกษาข้อมูลให้ดีครับ คนดีดูแค่เปลือกไม่ได้หรอกครับ นายณัฏฐ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ที่เห็นด้วยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เช่น ผู้ใช้นามแฝง ladygracez ซึ่งมองว่า นโยบายนี้ทำให้คนซื้อรถมากขึ้น อีกปัญหาที่ตามมาคือ รถติดและด้านพลังงาน โดยนายณัฏฐ์ได้ตอบกลับว่า ถูกครับนี่ขนาดผมยังไม่ได้แต่เรื่องพลังงานเลยนะครับคุณ @conanwaw ถ้าจะให้ผมพูดต่อนี่อีกยาวครับ คิดว่าคุณน่าจะยังเรียนอยู่ ยังไงก็ก่อนจะพูดอะไรก็ศึกษาข้อมูลให้ดีนะครับ ขนาดผมจบแค่บริหารธุรกิจระหว่างประเทศจากมหาลัยไกลๆ แถวๆ ศาลายา ซึ่งไม่เกี่ยวกับการเมืองผมยังเข้าใจผมกระทบของนโยบายนี้เลยครับ คุณเป็นนักศึกษา ก็หมั่นหาความรู้มากๆนะครับ จะได้ไม่โดนคนหลอกง่ายๆ
ส่วนความคิดเห็นจากผู้ใช้นามแฝง thana2711 กล่าวว่า นโยบายก็มีผลดี แต่ควรจะใช้กับสังคมที่มีวินัยและมีสำนึก และมีการรองรับปัญหาที่จะมีตามมาได้ เช่น ถ้ามีความจำเป็นค่อยซื้อ ไม่ใช่บางคนยังขับไม่เป็น เงินเดือนชักหน้าไม่ถึงหลัง ก็อยากใช้สิทธิตัวนี้ ขณะที่ผู้ใช้นามแฝง winnie_nuch กล่าวว่า ชอบตรงที่เสียภาษีถูกต้องและทำหน้าที่ประชาชนคนไทย และอยากให้นำเงินภาษีมาใช้ประโยชน์ต่อประเทศชาติ ไม่ใช่เพื่อใคร ขอบคุณที่ทำให้ความคิดแง่ลบต่อคนรวยเปลี่ยนไป ส่วนผู้ใช้นามแฝง babydoll_palm กล่าวสนับสนุน และเห็นว่าเป็นนโยบายที่ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นอยู่ของประชาชน ประเทศไทยยังมีสภาวะคนที่ประสบปัญหาด้านการเงินมากอยู่แล้ว แต่นโยบายนี้เหมือนเพิ่มภาระหนี้สินความสิ้นเปลืองให้มากกว่า
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9550000155006
จากคุณ -New- ( Ticket ID : 386196)
ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ยัน รถคันแรก ไม่ช่วยประเทศเจริญ ชี้เงินแสนล้านทำอะไรได้อีกเยอะ
วันนี้ (20 ธ.ค.) มีรายงานว่า หลังจากที่ ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ดารานักแสดงชื่อดัง ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับ โครงการรถคันแรก ในอินสตาแกรม พบว่ามีผู้เข้ามากดถูกใจ และให้กำลังใจโดยการกดสัญลักษณ์รูปหัวใจประมาณ 1,100 ราย
ขณะเดียวกันยังพบว่า นอกจากมีผู้แสดงความชื่นชมเกี่ยวกับความคิดเห็นของนายณัฏฐ์แล้ว พบว่ามีผู้แสดงความไม่เห็นด้วย และโต้แย้งกับความคิดเห็นดังกล่าว โดยผู้ใช้นามแฝง conanwaw ระบุว่า ต้องการลดปริมาณรถยนต์ภายในประเทศ เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการทำลายรถคุณเอง. ไม่ใช่ไปบอกให้คนอื่นหยุดซื้อรถคันแรก -- ไม่ทราบที่บ้านมีรถกี่คันฮ่ะคุณณัฐ
มีผลการวิจัยนโยบายรถคันแรกมั้ยครับ ว่าส่วนต่างของปีนี้กับปีที่แล้ว ต่างกันขนาดไหน การลดภาษีให้ ทำให้ชนชั้นกลางได้อะไรบ้าง สำหรับชนชั้นที่มีเงินต่อให้ ระบบขนส่งมวลชนดีเลิศ คุณก็ไม่มีทางนั่งรถเมลล์หรอก ระบบขนส่งจะหรือไม่ พวกคุณก็ซื้อรถเหมือนเดิม คุณก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รถติดเช่นกัน
คุณ ผลเสียของนโยบายนี้ คือการผลประโยชน์ของชนชั้นกลางที่อยากจะตั้งตัวน่ะครับ. ถ้าเราจะเถียงกันด้วยข้อมูลต้องใช้ welfare theorem (ทฤษฎีบทสวัสดิการ) มาช่วยวิเคราะห์แล้วล่ะ. ว่าตลาดมีความสมบูรณ์ทางการแข่งขันหรือไม่. ซึ่งถ้าพูดกันตรงๆ พวกคุณไม่ได้ห่วงหรอกว่าเค้าจะผ่อนจะซื้อกันได้หรือเปล่า คุณแค่รู้สึกว่า รถมันจะติด น่าเบื่อ น่ารำคาญ แล้วคุณเห็นว่าผลเสียของนโยบายนี้คืออะไรครับ
ที่คุณณัฐโพสนี่บอกว่า รัฐมุ่งเน้นแต่นโยบายส่วนบุคคลและธุรกิจของตนเอง ประชาชนไร้การศึกษา มัวเมา หลอกลวงประชาชน เช่นเดียวกับนโยบายนี้. โอ่วว ประเทศนี้มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรอครับ
อย่างไรก็ตาม นายณัฏฐ์ได้ตอบกลับความคิดเห็นของผู้ใช้นามแฝงดังกล่าว ระบุว่า ผมถามคุณแค่นี้แล้วคุณไปคิดให้ดีแล้วกัน ตอบผมให้ได้ด้วย แต่ก่อนอื่นผมจะขอบอกเลยว่าผมก็คนชั้นกลาง ตั้งตัวด้วยตัวเอง ไม่เคยแบมือขอเงินพ่อแม่ตั้งแต่เรียนอยู่ปีสามแล้วด้วยซ้ำ 1. นโยบายนี้มุ่งเน้นให้โอกาสคนชั้นกลางตั้งตัวหรอครับ คุณเอาอะไรมาวัด? ผมถามหน่อยทำไมไม่มีการตรวจประวัติการเงินคนซื้อ รวมถึงฐานเงินเดือนให้ไปเลยล่ะ? ถ้าไม่งั้นใครที่ไม่เคยซื้อรถก็ซื้อได้สิครับ! แล้วมันจะแฟร์ตรงไหน?
2.ต่อเนื่องจากการที่ใครก็ได้สามารถซื้อรถได้ลดราคา ถ้าเป็นคันแรก ปี 2555 ปีนี้ปีเดียวมีรถออกมาวิ่งบนถนนกรุงเทพฯ มากขึ้นถึง 1 ล้านคันโดยประมาณ (จากสถิติยอดจอง) มากกว่าปีที่ไม่มีนโยบายนี้ถึง 4 เท่า (250,000 คัน) ผมไม่เถียงว่ามันเป็นกลไกตลาดให้อุสาหกรรมรถยนต์โตขึ้น แต่เม็ดเงินมันไปไหนละครับ มันก็ไหลออกอยู่ดี เพราะประเทศเราไม่มีแบรนด์รถยนต์ของเราเองอยู่ดี ส่วนเม็ดเงินที่เหลือก็เข้ากระเป๋าธุรกิจส่วนประกอบประเทศ..ซึ่งผมจะบอกอะไรให้นะ..มากกว่า 50% นำเข้าวัตถุดิบ เงินอีกส่วนก็สะพัดในตลาดแรงงาน
3. ในเมื่อไร้การควบคุมปริมาณรถที่ออกสู่ท้องถนนโดยไร้หลักการ...ผลคืออะไรครับ? รถติดไงครับ รถติดมหาศาลแบบทุกช่วงเวลาของวัน ผมไม่รู้คุณขับรถรึเปล่า แต่ถ้าคุณเป็นคนนึงที่นั่งรถเมล์ (ซึ่งตอนเรียนผมก็เคยนั่งมาแล้วทั้ง ครีมแดง ขาวน้ำเงิน รถร่วม รถเล็ก ปอ.) มันร้อนและทรมานขึ้นขนาดไหนครับ? ถนนในกรุงเทพมีพอให้รถวิ่งหรอครับ?? ถ้าคุณดูประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างญี่ปุ่น เค้ามีกฏหมายควบคุมปริมาณรถในเมืองชัดเจนนั่นคือ "ภาษี" ครับ ภาษีในที่นี้เลือกเก็บครับ เก็บจากเฉพาะคนรวย คนที่มีเงินพอจะซื้อรถแพงๆ หรือรถนำเข้าจ่ายหนักหน่อย ส่วนคนซื้อรถญี่ปุ่นรักชาติเสียน้อยหน่อย แต่ภาษีและข้อบังคับที่ไม่ว่าจะจนจะรวยต้องจ่ายเหมือนกัน คือภาษีที่จอดครับ และถ้าคุณอยากซื้อรถแต่ไม่มีที่จอดก็ซื้อรถไม่ได้ครับต่อให้มีเงิน
4.ผมไม่เถียงเลยครับว่าใครๆ ก็อยากมีรถ เพราะอะไรครับ? เพราะอากาศบ้านเรามันร้อน มลภาวะเยอะ และที่สำคัญระบบขนส่งมวลชนมันห่วยครับ!!! ไม่นับรถไฟฟ้าและเอ็มอาร์ทีนะครับ เพราะประเทศพัฒนาแล้วเค้ามีมาเป็นสิบๆ ปีแล้วครับ ผมกำลังพูดถึงรถเมล์และรถไฟครับ คงไม่ต้องพูดมาก ถ้าคุณนั่งรถเมล์และรถไฟคุณจะรู้ว่ามันไม่มีการลงทุนพัฒนาเลย รถเก่า ซอมซ่อ ก่อมลภาวะ ควันดำ วิ่งเร็ว มารยาทในการขับ จอด เทียบป้าย เป็นไงละครับ ถ้าคุณเคยไปต่างประเทศคุณจะรู้ว่ารถเมล์บ้านเราซกมกสุดแล้วครับ มันเป็นรุ่นเก่าดึกดำบรรพ์มาก ต่างจากต่างประเทศที่เป็นแอร์หมด น่านั่งกว่าล้านเท่า ผมถามหน่อยครับ ทำไมไม่มีการลงทุนทำให้รถเมล์รถไฟน่านั่งขึ้น คนจะได้ใช้มากขึ้น จะได้มีรายได้มากขึ้นและไม่ต้องมาอ้างว่า ขาดทุนทุกปีและต้องให้รัฐอุ้ม ผมเห็นใจคนตาดำที่ยังต้องนั่งรถเมล์อยู่ครับ
5. ทนกับผมหน่อยนะครับในเมื่อคุณถามผมก็จะตอบ ตอบแบบคนที่เข้าใจปัญหาจริงๆ วกกลับมาประเด็นภาษี ตัวต้นเหตุ จริงแล้วผมเห็นด้วยกับคนที่อยากจะซื้อรถคันแรกและจะได้ลดละภาษีเพื่อตั้งตัว แต่มันต้องมีการตรวจสอบประวัติการเงินและฐานเงินเดือนอย่างจริงจังครับ จะได้เป็นประโยชน์แก่ "ผู้ได้รับ" การเว้นภาษี รวมถึง "ผู้ให้" เว้นภาษี คนมีเงินแล้วจะได้มาชุบมือเปิบกับนโยบายนี้ครับ จะว่าเลือกปฏิบัติก็ได้ เพราะคุณอย่าลืมว่าชนชั้นกลางบ้านเราไม่ได้มีเยอะนะครับ ชนชั้นรากหญ้าต่างหาก ที่มีมากที่สุด ถามว่า เค้ามีส่วนได้ส่วนเสียกับนโยบายนี้มั้ย คุณอาจจะมองว่าไม่ แต่ผมตอบเลยว่ามีเต็มๆ คุณรู้มั้ยปีนีรัฐบาลละเว้นภาษีรถ 1 ล้านคันโดยประมาณ ยังไม่รวมปีหน้านะ เป็นเงินทั้งสิ้น 1 แสนล้านบาท ถามว่าทำไมไม่จ่ายคืนคนซื้อรถทันทีเลย คำตอบคือรัฐบาลไม่มีเงินครับ ต้องทยอยคืน ถามต่อ แล้วในเมื่อรัฐบาลไม่มีเงิน แถมยังเป็นหนี้อยู่ จะละเว้นภาษีสิ้นเปลืองนี้ทำไมละครับ??? เงินตั้งแสนล้านเอาไปพัฒนาอะไรได้ตั้งเยอะ ส่งเด็กเรียนฟรีให้จบมัธยม 6 ชมทุกคนสิครับ ประกันสุขภาพคนจนก็ทำให้ดีขึ้นสิครับ ไปอุ้มชูชาวนา และเกษตรกร กระดูกสันหลังของชาติสิครับ จะมาละเว้นภาษีให้คนชั้นกลางกับคนรวยทำไม ในเมื่อชนชั้นล่างยังต้องนั่งจ่ายภาษีแบบเ็ดเต็มหน่วย แถมราคาผลผลิตทางการเกษตรก็ยังถูกดต่ำจนไม่รู้จะต่ำยังไง!!! สรุปนโยบายนี้ไม่ได้ช่วยให้ประเทศเราเจริญขึ้นเลยครับ ถ้ามองจากข้อเสียซึ่งมีมากกว่าข้อดีแล้วหวังว่าคุณคงเข้าใจกระจ่างแจ้งมากขึ้นแล้วนะครับ ขอบคุณครับที่ถาม
สุดท้ายนี้บ้านผมจะมีรถกี่คันไม่ใช่ประเด็นครับ และก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของคุณด้วย เอาเป็นว่าผมเป็นประชาชนชั้นกลางคนนึง ชึ่งเสียภาษีแบบถูกต้องและผมก็ภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ประชาชนคนหนึ่ง แต่ผมจะภูมิใจกว่านี้ถ้าเงินภาษีที่ผมจ่ายไปจะถูกนำไปใช้ประโยชน์ให้มากกว่านี้ ผมว่าพวกเราเพิกเฉยกับปัญหาเล่านี้มานานแล้วครับ ตื่นเถิดชาวไทย มาร่วมใจกันปฏิเสธอะไรที่ไม่ถูต้องเถอะครับ เพราะเสียงของพวกเราทุกคนคืออธิปไตยของเรา ก่อนจะเลือกใครหรืออะไรซักอย่างเราต้องศึกษาข้อมูลให้ดีครับ คนดีดูแค่เปลือกไม่ได้หรอกครับ นายณัฏฐ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ที่เห็นด้วยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เช่น ผู้ใช้นามแฝง ladygracez ซึ่งมองว่า นโยบายนี้ทำให้คนซื้อรถมากขึ้น อีกปัญหาที่ตามมาคือ รถติดและด้านพลังงาน โดยนายณัฏฐ์ได้ตอบกลับว่า ถูกครับนี่ขนาดผมยังไม่ได้แต่เรื่องพลังงานเลยนะครับคุณ @conanwaw ถ้าจะให้ผมพูดต่อนี่อีกยาวครับ คิดว่าคุณน่าจะยังเรียนอยู่ ยังไงก็ก่อนจะพูดอะไรก็ศึกษาข้อมูลให้ดีนะครับ ขนาดผมจบแค่บริหารธุรกิจระหว่างประเทศจากมหาลัยไกลๆ แถวๆ ศาลายา ซึ่งไม่เกี่ยวกับการเมืองผมยังเข้าใจผมกระทบของนโยบายนี้เลยครับ คุณเป็นนักศึกษา ก็หมั่นหาความรู้มากๆนะครับ จะได้ไม่โดนคนหลอกง่ายๆ
ส่วนความคิดเห็นจากผู้ใช้นามแฝง thana2711 กล่าวว่า นโยบายก็มีผลดี แต่ควรจะใช้กับสังคมที่มีวินัยและมีสำนึก และมีการรองรับปัญหาที่จะมีตามมาได้ เช่น ถ้ามีความจำเป็นค่อยซื้อ ไม่ใช่บางคนยังขับไม่เป็น เงินเดือนชักหน้าไม่ถึงหลัง ก็อยากใช้สิทธิตัวนี้ ขณะที่ผู้ใช้นามแฝง winnie_nuch กล่าวว่า ชอบตรงที่เสียภาษีถูกต้องและทำหน้าที่ประชาชนคนไทย และอยากให้นำเงินภาษีมาใช้ประโยชน์ต่อประเทศชาติ ไม่ใช่เพื่อใคร ขอบคุณที่ทำให้ความคิดแง่ลบต่อคนรวยเปลี่ยนไป ส่วนผู้ใช้นามแฝง babydoll_palm กล่าวสนับสนุน และเห็นว่าเป็นนโยบายที่ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นอยู่ของประชาชน ประเทศไทยยังมีสภาวะคนที่ประสบปัญหาด้านการเงินมากอยู่แล้ว แต่นโยบายนี้เหมือนเพิ่มภาระหนี้สินความสิ้นเปลืองให้มากกว่า
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9550000155006
จากคุณ -New- ( Ticket ID : 386196)