วันนั้นมันผ่านมาแล้ว กว่าสองปี เป็นวันที่ฉันฉลองวันเกิดในโรงพยาบาลครั้งแรกในชีวิต
ไม่อยากใช้คำว่าฉลองหรอกค่ะ แค่เอาเค้กมา ให้ในโรงพยาบาลได้เปลี่ยนบรรยากาศ
จากเคร่งเครียด อึมครึม ซึม กลับกลายมามีรอยยิ้มได้บ้าง เนื่องในโอกาสวันเกิดฉันเอง
เมื่อตอนฉันอายุ 27 กว่า คุณตาฉัน อายุ 72 มันทำให้ฉันคิดถึงหนังเรื่อง สิบแปด แปดสิบ ฯ
ก็ตัวเลขมันกลับหน้าหลัง เหมือนซื้อหวยเลย มันก็ตลกดีสำหรับเรื่องตัวเลขเท่านั้นนะ ซื้อหวยอย่าลืม
ซื้อกลับด้วย เดี๋ยวจะเสียดายทีหลัง ( อ้าวนอกเรื่อง )
ฉันไปนอนเฝ้าคุณตาอยู่โรงพยาบาลอ กินนอนในโรงพยาบาลอยู่ร่วมเดือน และนอนใต้เตียงคนไข้
นี่แหละประเทศไทย มัน อะเมทซิ่ง ไทยแลนด์ แดนสยามจริงๆ แต่ขอบคุณโรงพยาบาลนะคะ
ที่อนุญาต ให้อยู่เฝ้าคุณตาแบบใกล้ชิด อยากทราบว่ามีโรงพยาบาลไหนอนุญาตให้ ญาติผู้ป่าย
สามารถนอนเฝ้าไข้ที่ใต้เตียงคนไข้ เหมือนที่ฉันเคยทำหรือเปล่า ( แต่อาจไม่สะดวกต่อการทำงาน
ของคุณพี่พยาบาล ที่พยาบาลทุกท่านใจดีจริงๆค่ะ ในโรงพยาบาลที่ฉันก็เกิดอยู่ที่นั้นแหละ )
เรื่องมันยืดยาด ยุ่ง ยาวดีค่ะ แต่เอาสั้นๆ ว่า ฝากบอกคุณหมอท่านนั้นหน่อยว่า ดิฉันยังไม่ลืม
และจะไม่มีวันลืมเลย กับพฤติกรรมที่ดิฉันอยากบอกว่า ทำแบบนั้นไม่ดีเลย ที่อยู่ๆ มาปลุกคุณตา
ที่นอนหลับไหลอยู่ แล้วมาบอกตาฉันว่า
" ตา ตา สงสัยตาจะเป็นมะเร็ง " มันมีวิธีที่จะบอกอีกตั้งหลายอย่าง จะเกริ่นๆ อะไรยังไง ค่อยเข้าสู่
หมวดซีเรียสยังไงก็ได้ แต่ทำแบบนั้นไม่เลิศอ่ะ ถ้าไปเห็นหมอคนนี้ขับรถไปจอดไว้ที่ไหน จะเอาฝาโค้ก
ไปขูดรถ และเอาตะปู ไปตอกใส่ล้อรถ ( คงไม่มีโอกาสหรอก แค่คิดเล่นๆ แบบแค้นๆ รู้ว่ามันไม่ดี แต่ก็
มันอดคิดไม่ได้ )
ขอระบายแค่นี้ก่อนนะคะ ก่อนที่ พรุ่งนี้ วันที่ 21/12/12 เดี๋ยวโลกจะแตกก่อน เดีี๋ยวไม่ได้ กู่ก้อง ป่าว
ประกาศให้โลกรู้ ( โดนส่วนตัวไม่เชื่อหรอกค่ะ 12/12/12 ก็ผ่านมาแล้ว ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย )
สุดท้าย อย่าให้เจอนะ ได้คุณหมอหัวแดง อยากจะเข้าไปถามสักหน่อยว่า ทำไมถึงพูดกับดิฉันแบบนั้น
ขี้เกียจอธิบายมากหรือไง
ฉัน " คุณหมอคะ คุณตาดิฉันป่วยเป็นอะไรคะ "
คุณหมอได้ยินคำถาม พูดด้วยอาการไม่พอใจ รับรู้ได้เลย
หมอ " ไปถามญาติเอาเอง คุณได้คุยกับญาติหรือยัง ถึงมาถามหมอเนี้ย "
เนื่องจากดิฉันพึ่งกลับจากต่างประเทศ เมื่อได้รับโทรศัพท์จากทางบ้านว่าตาไม่ไหวแล้ว ให้รีบมาดูใจ
แต่ตากลับดีขึ้น แล้ว อยู่ๆหลานชายก็เสียชีวิต ด้วยวันเพียง 24 ปี กับอีกหกเดือน ก็เลยอยาก
ทราบจากปากหมอ โดยลืมไปว่า คุณตาอาจทรุดลงเมื่อตาจะได้ยินว่าตัวเองป่วยเป็นมะเร็ง
พอแม่อธิบายให้ฟัง กล่าวคล้ายตำหนิเรา ว่าทำไมไปตามหมอต่อหน้าคุณตาแบบนั้น เราก็เข้าใจ
แอบชื่นชมคุณหมอว่า โอ้โห คิดการณ์ไกล เห็นใจคุณตา ไม่อยากกล่าวต่อหน้าตาว่าเป็นมะเร็ง
( แต่ยังไม่ได้ตรวจละเอียด แค่การสันนิษฐานเท่านั้น )
แต่ผ่านมาอีกไม่นาน ไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง อ้ายคุณหมอหัวแดงคนเดิม ( ท่าทางเหมือน นศ แพทย์ฝึกงาน )
มาปลุกคุณตา แล้วบอกตา แบบไม่มีเกริ่น ไม่มีปี่ มีขลุ่ย พูดไปแค่ว่า
" ตา ตา สงสัยตาจะเป็นมะเร็ง "
ฉัน เบื่อ และ ฉันเซ็ง หมอแบบนี้มากๆ ชาตินี้ เปอร์เซ็นต์ที่เราจะเจอะเจอกัน คงเป็นเกือบศูนย์ ซึ่งเป็นบุญของฉันจริงๆ ฉันอยู่ต่างประเทศ คงไม่ได้วนเวียนไปเจอะ คุณหมอ
ท่าทางเหมือนกระเทย และหัวแดงท่านนั้น เป็นบุญกับชีวิตฉันจริงๆ
แอบเสียดายที่ไปคิดชื่นชมจริงๆ โถ่เอ้ย
ถึงคุณหมอหัวแดง ที่กล่าววาจาให้ดิฉันใจสลายวันนั้น
ไม่อยากใช้คำว่าฉลองหรอกค่ะ แค่เอาเค้กมา ให้ในโรงพยาบาลได้เปลี่ยนบรรยากาศ
จากเคร่งเครียด อึมครึม ซึม กลับกลายมามีรอยยิ้มได้บ้าง เนื่องในโอกาสวันเกิดฉันเอง
เมื่อตอนฉันอายุ 27 กว่า คุณตาฉัน อายุ 72 มันทำให้ฉันคิดถึงหนังเรื่อง สิบแปด แปดสิบ ฯ
ก็ตัวเลขมันกลับหน้าหลัง เหมือนซื้อหวยเลย มันก็ตลกดีสำหรับเรื่องตัวเลขเท่านั้นนะ ซื้อหวยอย่าลืม
ซื้อกลับด้วย เดี๋ยวจะเสียดายทีหลัง ( อ้าวนอกเรื่อง )
ฉันไปนอนเฝ้าคุณตาอยู่โรงพยาบาลอ กินนอนในโรงพยาบาลอยู่ร่วมเดือน และนอนใต้เตียงคนไข้
นี่แหละประเทศไทย มัน อะเมทซิ่ง ไทยแลนด์ แดนสยามจริงๆ แต่ขอบคุณโรงพยาบาลนะคะ
ที่อนุญาต ให้อยู่เฝ้าคุณตาแบบใกล้ชิด อยากทราบว่ามีโรงพยาบาลไหนอนุญาตให้ ญาติผู้ป่าย
สามารถนอนเฝ้าไข้ที่ใต้เตียงคนไข้ เหมือนที่ฉันเคยทำหรือเปล่า ( แต่อาจไม่สะดวกต่อการทำงาน
ของคุณพี่พยาบาล ที่พยาบาลทุกท่านใจดีจริงๆค่ะ ในโรงพยาบาลที่ฉันก็เกิดอยู่ที่นั้นแหละ )
เรื่องมันยืดยาด ยุ่ง ยาวดีค่ะ แต่เอาสั้นๆ ว่า ฝากบอกคุณหมอท่านนั้นหน่อยว่า ดิฉันยังไม่ลืม
และจะไม่มีวันลืมเลย กับพฤติกรรมที่ดิฉันอยากบอกว่า ทำแบบนั้นไม่ดีเลย ที่อยู่ๆ มาปลุกคุณตา
ที่นอนหลับไหลอยู่ แล้วมาบอกตาฉันว่า
" ตา ตา สงสัยตาจะเป็นมะเร็ง " มันมีวิธีที่จะบอกอีกตั้งหลายอย่าง จะเกริ่นๆ อะไรยังไง ค่อยเข้าสู่
หมวดซีเรียสยังไงก็ได้ แต่ทำแบบนั้นไม่เลิศอ่ะ ถ้าไปเห็นหมอคนนี้ขับรถไปจอดไว้ที่ไหน จะเอาฝาโค้ก
ไปขูดรถ และเอาตะปู ไปตอกใส่ล้อรถ ( คงไม่มีโอกาสหรอก แค่คิดเล่นๆ แบบแค้นๆ รู้ว่ามันไม่ดี แต่ก็
มันอดคิดไม่ได้ )
ขอระบายแค่นี้ก่อนนะคะ ก่อนที่ พรุ่งนี้ วันที่ 21/12/12 เดี๋ยวโลกจะแตกก่อน เดีี๋ยวไม่ได้ กู่ก้อง ป่าว
ประกาศให้โลกรู้ ( โดนส่วนตัวไม่เชื่อหรอกค่ะ 12/12/12 ก็ผ่านมาแล้ว ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย )
สุดท้าย อย่าให้เจอนะ ได้คุณหมอหัวแดง อยากจะเข้าไปถามสักหน่อยว่า ทำไมถึงพูดกับดิฉันแบบนั้น
ขี้เกียจอธิบายมากหรือไง
ฉัน " คุณหมอคะ คุณตาดิฉันป่วยเป็นอะไรคะ "
คุณหมอได้ยินคำถาม พูดด้วยอาการไม่พอใจ รับรู้ได้เลย
หมอ " ไปถามญาติเอาเอง คุณได้คุยกับญาติหรือยัง ถึงมาถามหมอเนี้ย "
เนื่องจากดิฉันพึ่งกลับจากต่างประเทศ เมื่อได้รับโทรศัพท์จากทางบ้านว่าตาไม่ไหวแล้ว ให้รีบมาดูใจ
แต่ตากลับดีขึ้น แล้ว อยู่ๆหลานชายก็เสียชีวิต ด้วยวันเพียง 24 ปี กับอีกหกเดือน ก็เลยอยาก
ทราบจากปากหมอ โดยลืมไปว่า คุณตาอาจทรุดลงเมื่อตาจะได้ยินว่าตัวเองป่วยเป็นมะเร็ง
พอแม่อธิบายให้ฟัง กล่าวคล้ายตำหนิเรา ว่าทำไมไปตามหมอต่อหน้าคุณตาแบบนั้น เราก็เข้าใจ
แอบชื่นชมคุณหมอว่า โอ้โห คิดการณ์ไกล เห็นใจคุณตา ไม่อยากกล่าวต่อหน้าตาว่าเป็นมะเร็ง
( แต่ยังไม่ได้ตรวจละเอียด แค่การสันนิษฐานเท่านั้น )
แต่ผ่านมาอีกไม่นาน ไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง อ้ายคุณหมอหัวแดงคนเดิม ( ท่าทางเหมือน นศ แพทย์ฝึกงาน )
มาปลุกคุณตา แล้วบอกตา แบบไม่มีเกริ่น ไม่มีปี่ มีขลุ่ย พูดไปแค่ว่า
" ตา ตา สงสัยตาจะเป็นมะเร็ง "
ฉัน เบื่อ และ ฉันเซ็ง หมอแบบนี้มากๆ ชาตินี้ เปอร์เซ็นต์ที่เราจะเจอะเจอกัน คงเป็นเกือบศูนย์ ซึ่งเป็นบุญของฉันจริงๆ ฉันอยู่ต่างประเทศ คงไม่ได้วนเวียนไปเจอะ คุณหมอ
ท่าทางเหมือนกระเทย และหัวแดงท่านนั้น เป็นบุญกับชีวิตฉันจริงๆ
แอบเสียดายที่ไปคิดชื่นชมจริงๆ โถ่เอ้ย