ใครเคยใช้บริหารห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลแถวอนุเสาวรีย์บ้างค่ะ

กระทู้คำถาม
จากประสบการณ์โดยตรง อยากแชร์ค่ะ
คือคุณพ่อดิฉันป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายที่ปอด และลามไปที่สมอง คุณหมอเจ้าของไข้แจ้งว่าต้องรักษาตามอาการ ขั้นตอนแรกต้องฉายแสง จำนวน 10 วัน โดยจะมีผลข้างเคียง คือ เบื่ออาหาร อาเจียน ผมร่วง แต่จะไม่เป็นกับทุกคน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล น้อยมาก อะไรประมาณนั้น อันนี้ดิฉันก็พอจะเข้าใจ หลังจากฉายแสงครบ 10 วัน ช่วงที่อยู่ รพ. ไม่มีอาการดังกล่าว แต่พอคุณหมอให้กลับบ้าน ได้ประมาณ 3 วัน อาการเริ่มปรากฎ และมากขึ้นตามลำดับ ดิฉันจำได้ว่า คุณพยาบาลที่อายุรกรรมได้แจ้งว่า ถ้าคุณพ่อ มีน้ำตาลในเลือดต่ำมาก หรือมีอาการที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยดี ให้พามาหาหมอ คุณพ่อดิฉันมีอาการ แขนขาอ่อนแรง คลื่นไส้ อาเจียน รวมทั้งน้ำตาลในเลือด ต่ำ 87,73 ตามลำดับ เดินไม่ได้ ต้องพยุงกึ่งอุ้ม ดิฉันเลยตัดสินใจพาไปหาหมอที่ห้องฉุกเฉิน รพ.ดังกล่าว
ในตอนเช้าประมาณ 8.30 น. คุณหมอในห้องฉุกเฉินถามอาการว่าเป็นอะไรมา ดิฉันก็เล่าให้ฟัง คุณหมอในขณะนั้น แจ้งว่าเดี่ยวจะเอ๊กเรย์ และให้น้ำเกลือ รวมทั้งเจาะเลือดตรวจ ให้ญาตินั่งรอด้านนอก  ในขณะที่รอหน้าห้องฉุกเฉิน ก็มีการเรียกญาติเป็นระยะๆ เพื่อซื้อยานุ้นนี่นั่น  จนกระทั่ง เกือบหกโมงเย็น พยาบาลได้เรียกญาติเข้าไป แจ้งว่าให้นำคุณพ่อกลับบ้านได้ เดี่ยวจะมียาแก้เวียนหัวให้ ดิฉันเกิดคำถามในขณะนั้น ว่า คุณพ่อดิฉันในตอนนี้ดูแย่กว่าตอนที่นำมาเมื่อตอนเช้า ตาปรือ ไม่มีแรง ลุกนั่งไม่ได้ (ตอนเช้ายังลุกนั่งได้) ทำไมให้กลับบ้านในตอนนี้ และคนที่แจ้งให้กลับ คือ พยาบาลค่ะ ไม่ใช่หมอ เจ้าหน้าที่เข็นรถคุณพ่อออกมาด้านนอกห้องฉุกเฉิน แต่ดิฉันยังไม่สามารถนำคุณพ่อกลับบ้านได้ในขณะนั้น เพราะยังคลางแคลงใจกับอาการของคุณพ่อดิฉันอยู่ จึงตัดสินใจเดินกลับเข้าไปใหม่ในห้องฉุกเฉินดังกล่าว และถามพยาบาลคนที่แจ้งให้กลับว่า คุณพ่อยังดูไม่ค่อยดีเลย ดูอาการหนักกว่าตอนพามาตอนเช้าเสียอีก และยาที่ให้ไป ดิฉันซื้อให้ทานแล้ว เป็นยาชนิดเดียวกัน แต่มันไม่ช่วยอะไรเลย ขอพบหมอหน่อยได้ไหมค่ะ คุณพยาบาลแจ้งว่า หมอเช้ากลับไปแล้ว ถ้าคุณว่าไม่ดี ก็add เข้ามาใหม่ ดิฉันเลยตอบไปว่า ได้ค่ะ เดี่ยวจะadd เข้ามาใหม่  แจ้งอาการจุดคัดกรองผู้ป่วย ว่าอาการไม่ดีขึ้น  จุดคัดกรองก็ส่งเข้าห้องฉุกเฉินอีกครั้งหนึ่ง นั่งรอสักพักประมาณ 30 นาที ก็เรียกชื่อญาติเข้าไปพบหมอในห้อง ดิฉันเดินเข้าไป ได้พบหมอท่านหนึ่ง เข้าใจว่าไม่ใช่นิสิตแพทย์ หรือแพทย์ฝึกหัด ดูจากลักษณะน่าจะเป็นหมอโดยตรง ยืนที่เคาวเตอร์พยาบาล และถามว่า ใครเป็นญาติ เกี่ยวข้องอะไร ดิฉันก็แจ้งว่า เป็นลูกค่ะ คุณหมอดังกล่าวก็บอกว่า รู้ไหม ว่า เป็นโรคนี้ จะมีอาการอย่างไร ดิฉันก็ตอบว่ารู้ค่ะ แต่คุณพ่อ แพ้มาก อาจจะเนื่องมาจากการฉายแสง พูดไม่ทันขาดคำ คุณหมอก็สวนมาทันควัน ว่า ถ้างั้นคุณต้องไปหาหมอฉายแสง ไปถามเค้านุ้น ว่าทำไม? ดิฉันก็แจ้งว่า แค่อยากให้คุณพ่อดีขึ้น ไม่ใช่ตอนกลับแย่กว่าตอนมา เพราะตอนนี้ท่านนั่งไม่ได้เลย ตาปรือหนักว่าตอนเช้า  น้ำตาลก็ต่ำมากถ้าดิฉันเอากลับไปตอนนี้ และเกิดช๊อคขึ้นมา จะทำไง ดิฉันทำอะไรไม่ถูก คุณหมอดังกล่าวตอบว่าอะไรรู้ไหมค่ะ? เขาตอบว่า ไม่ยาก ก็โทร 1699  ช่วงนี้เป็นช่วงที่คุณต้องกตัญญู (มันเกี่ยวกันไหมนี่) ดิฉันไม่เข้าใจคำตอบของคนที่ขึ้นชื่อว่าหมอคนดังกล่าว ไม่ทราบว่าในสาขาวิชาชีพที่เขาเรียนมา หรือ จริยธรรมของหมอ มันสอนให้คุณหมอดังกล่าวเป็นแบบนั้น หรือในตำราเขาสอนมาดี แต่มันขึ้นอยู่กับสันดานของแต่ละบุคคล  ความจริงดิฉันไม่ได้ต้องการให้คุณพ่อนอนที่ รพ.ในห้องฉุกเฉินนั้นหรอกน่ะค่ะ เข้าใจอยู่ว่าเชื้อโรคเยอะ แต่ประเด็นคือ คุณพ่ออาการไม่ดีขึ้นเลย ดูหนักกว่าตอนพามาเสียอีก จะมีวิธีไหนที่จะช่วยให้ดีขึ้น เช่น ยา หรือฉีดยา หรืออะไรก็แล้วแต่ ดิฉันไม่ใช่หมอ ไม่ใช่แพทย์ไม่ทราบหรอกค่ะว่าต้องรักษาอย่างไร  ถึงได้ต้องพามาพึ่งพิงคุณหมอ ผู้มีจิตเมตตา เสียสละ และช่วยเหลือคนไข้ แต่นี่อะไร ดิฉันไม่เคยเจอประสบการณ์แย่ๆ แบบนี้มาก่อนในชีวิต เคยแต่ได้ยินบ้างบางครั้ง จากสื่อออนไลน์ อินเตอร์เน็ต แต่ก็ยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ บางทีสื่อก็เชื่อถือไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่นี่เจอกับตัวเอง ตกใจเหมือนกัน ว่าบุคคลากรที่มีเกียรติ อย่างหมอ จะเป็นอย่างนี้ เสียใจค่ะ เสียใจจริงๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่