+++ คลอดแล้ว!! ผลการศึกษาและแนวเวนคืน "รถไฟความเร็วสูง" โมเดลจีน +++

กระทู้สนทนา
.
         เปิดผลศึกษารถไฟความเร็วสูงโมเดลจีน 2 สายทาง   "กรุงเทพฯ-เชียงใหม่" เจาะภูเขาช่วงอุตรดิตถ์ทะลุถึงเชียงใหม่ เวนคืนเขตทาง 20 เมตร ร่นระยะทางเหลือ 685 กม. ส่วน "กรุงเทพฯ-หนองคาย" เกาะ รางรถไฟ 615 กม. "4 ยักษ์ปูนซีเมนต์" โดนเวนคืนที่ดินสร้างอุโมงค์โซนมาบกะเบา เผยค่าโดยสารถูกกว่านั่งเครื่องบินโลว์คอสต์  เตรียมประมูลกลางปี'56

         แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ตามที่รัฐบาลจีนได้ศึกษาความเหมาะสมโครงการรถไฟความเร็วสูง หรือไฮสปีดเทรนให้รัฐบาลไทย 2 เส้นทาง คือ สายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ และสายกรุงเทพฯ-หนองคาย ล่าสุด หลังจากจีนได้สำรวจพื้นที่แนวเส้นทางพบว่า แนวเส้นทางทั้ง 2 สายมีการปรับเปลี่ยนจากเดิมเล็กน้อย ทั้งระยะทางและวงเงินค่าก่อสร้าง

         โดยรายละเอียด คือ เส้นทางกรุงเทพฯเชียงใหม่ ระยะทางสั้นลงจากเดิม 745 กิโลเมตร เหลือ 685 กิโลเมตร เนื่องจากได้ปรับเส้นทางให้ตัดตรง พร้อมเจาะอุโมงค์ทะลุภูเขาเพื่อเปิดพื้นที่ก่อสร้างใหม่ ตั้งแต่ช่วงจังหวัดอุตรดิตถ์ถึงเชียงใหม่ จากเดิมจะสร้างคู่ขนานไปกับแนวเส้นทางรถไฟเดิมที่เป็นเส้นทางคดเคี้ยวเพราะต้องลัดเลาะไปตามภูเขา ขณะที่รถไฟความเร็วสูงจะมีความเร็วเฉลี่ย 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง จำเป็นจะต้องสร้างบนเส้นทางตรงเพื่อความปลอดภัย

         ส่วนรูปแบบก่อสร้างจะมีทั้งโครงสร้าง ยกระดับและสร้างบนระดับพื้นดิน เพราะ บางช่วงเป็นพื้นที่ชุมชนและอยู่ในพื้นที่เขตเมือง โดยช่วงจากกรุงเทพฯถึงพระนครศรีอยุธยาจะเป็นโครงสร้าง ยกระดับ จากนั้นจะลดระดับสร้างบนระดับพื้นดินไปถึงลพบุรี จากนั้นจะเป็นโครงสร้างยกระดับจังหวัดนครสวรรค์พาดยาวมาถึงพิษณุโลก อุตรดิตถ์ สิ้นสุดที่เชียงใหม่

         "ตลอดเส้นทางจะมีการเวนคืนประมาณ 20% ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่นอกเขตทางรถไฟ ตั้งแต่ช่วงอุตรดิตถ์ขึ้นไปถึงเชียงใหม่ ไม่ได้ก่อสร้างบนเขตทางรถไฟเดิม แต่จะเปิดพื้นที่ใหม่ผ่านป่าและภูเขา"

         แหล่งข่าวกล่าวว่า ด้านวงเงินค่าก่อสร้างตามผลการศึกษาอยู่ที่ 442 ล้านบาท/กิโลเมตร รวมระยะทางใหม่ที่ปรับลดเหลือ 685 กิโลเมตร คาดว่าจะใช้เงินลงทุนก่อสร้างประมาณ 302,770 ล้านบาท จากเดิมที่เคยศึกษาวงเงินลงทุนไว้ที่ 229,809 ล้านบาท เนื่องจากจะต้องเจาะภูเขาเพื่อสร้างอุโมงค์ 2 แห่งในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ถึงเชียงใหม่

         สำหรับสายกรุงเทพฯ-หนองคาย จะยังคงแนวเส้นทางเดิม รวมระยะทาง 615 กิโลเมตร ก่อสร้างเป็นโครงสร้างระดับพื้นตลอดเส้นทาง ค่าก่อสร้างอยู่ที่ 198,000 ล้านบาท วงเงินลงทุนจะต่ำกว่าสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เนื่องจากเป็นพื้นที่ราบไม่มีภูเขาเหมือนภาคเหนือ ค่าก่อสร้างเฉลี่ยอยู่ที่ 330 ล้านบาท/กิโลเมตร

         "สายกรุงเทพฯ-หนองคายจะมีเส้นทางผ่านภูเขาอยู่ช่วงเดียวที่จะต้องเวนคืนพื้นที่ คือบริเวณช่วงมาบกะเบา ปัจจุบันเป็นพื้นที่ประทานบัตรทำเหมืองของผู้ประกอบการผลิตปูนซีเมนต์ 4 บริษัทที่ยังไม่ได้ใช้พื้นที่มาดำเนินการ เช่น ปูนซิเมนต์ไทย เป็นต้น และกำลังอยู่ระหว่างพิจารณา เนื่องจากเอกชนไม่อยากให้เวนคืนที่ดิน เพราะต้องถูกเวนคืนกว้าง 20 เมตรของแนวเส้นทาง"

         แหล่งข่าวกล่าวว่า สำหรับค่าโดยสาร ผลการศึกษาระบุราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 2.50 บาท/กิโลเมตร ดังนั้น สายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ จะตกประมาณ 1,712.5 บาท/เที่ยว หากนั่งไปถึงพิษณุโลก ระยะทาง 328 กิโลเมตร ค่าโดยสารอยู่ที่ 820 บาท/เที่ยว ขณะที่สายกรุงเทพฯ-หนองคาย ค่าโดยสารเฉลี่ย 2.50 บาท/กิโลเมตร จะตกประมาณ 1,537.5 บาท/เที่ยว นั่งไปถึงโคราชระยะทาง 256 กิโลเมตร ค่าโดยสารตก 640 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับค่าโดยสารสายการบินต้นทุนต่ำ หรือโลว์คอสต์แอร์ไลน์ จะเห็นได้ว่ามีราคาถูกกว่าเล็กน้อย

         ทั้งนี้ ตัวแทนรัฐบาลจีนแนะนำด้วยว่า รัฐบาลไทยควรจะเร่งก่อสร้างโครงการในช่วงกรุงเทพฯ-บ้านภาชี ระยะทางประมาณ 81.8 กิโลเมตร ค่าก่อสร้างประมาณ 35,000 ล้านบาท เพื่อเป็นเส้นทางทดสอบก่อนในระยะแรก เนื่องจากเป็นเส้นทางร่วมของทั้งแนวเส้นทางสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ และสายกรุงเทพฯ-หนองคาย จากนั้น ถึงจะทยอยสร้างเฟสแรกให้จบคือ เส้นทางเฟสแรกของสายเหนือ คือกรุงเทพฯพิษณุโลก และเฟสแรกของสายอีสานคือกรุงเทพฯ-โคราช

         ขณะที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวในเรื่องนี้ว่า ตามแผนจะเปิดประมูลก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงได้ประมาณไตรมาส 3/2556 และอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะประมูลเฟสแรกทั้ง 4 สายทาง คือ กรุงเทพฯ-พิษณุโลก กรุงเทพฯ-โคราช กรุงเทพฯ-หัวหิน และกรุงเทพฯ-ระยอง วงเงินลงทุนกว่า 3 แสนล้านบาท หรือจะแยกประมูลทีละสายทาง หากจะประมูลทีละสายทางคาดว่าจะนำร่องสายกรุงเทพฯ-พิษณุโลกก่อนเป็นอันดับแรก

ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 20 - 23 ธ.ค. 2555
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่