---
## กระทู้นี้จะบอกว่าเราโชว์โง่ก็ได้ >< แต่อีกใจก็แอบดีใจที่คิดออก ##
ก่อนอื่น ขอให้คำจำกัดความก่อนว่า
คำว่า Gravity ในที่นี้ ที่ว่าไม่มีอยู่จริงนั้น เราหมายถึง Gravity ในความเข้าใจ(ที่ผิดๆ)ของเรา
เรื่องของเรื่องคือ
ที่ผ่านมา เราเกิดความสับสน
เราไปเอาทฤษฎีของนิวตั้นกับไอน์สไตน์มารวมกัน
ฝั่งนิวตั้น เขาบอกว่า Gravity คือแรงดึงดูดระหว่างมวล
แต่ฝั่งไอน์สไตน์บอกว่า Gravity มิใช่แรง แต่เป็นสิ่งที่ทำให้ Space-Time มันโค้งงอ
---
และด้วยความที่ เราไม่ยอมศึกษาให้ดีๆเสียก่อน
เราก็จับ 2 ทฤษฎีนี้ มารวมกัน (ของนิวตั้นผิดนะ แต่สูตรการคำนวณยังใช้ได้ผลดีและแม่นยำในระดับ 99.99%)
ผลรวมของการเอาทฤษฎีที่ผิดและถูกมารวมกัน เลยกลายเป็นว่า
"คำว่า Gravity ของเรา คือแรงโน้มถ่วง ที่ส่งผลระหว่างมวล และยังมีผลต่อ Space-Time อีกด้วย" (ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด)
และถ้าใครได้อ่านกระทู้ก่อนหน้านี้ของเรา มันจะมีอยู่บรรทัดหนึ่ง ที่เราพิมพ์ๆไปแล้วก็เกิดงงขึ้นมาว่า "แล้ว photon มันไม่มีมวล แล้ว Gravity ไปส่งผลกับมันได้อย่างไร ???"
บวกกับ กระทู้ต่อมา(กระทู้ที่ 2) ที่เราเริ่มสงสัยเรื่อง "มวลที่จุดศูนย์กลางของโลก" ว่ามันไปคงสถานะอยู่ตรงนั้นได้อย่างไรทั้งๆที่ผลรวมของแรงโน้มถ่วงตรงจุดนั้นน่าจะเท่ากับศูนย์
หลายๆอย่าง ทำให้เราสับสน จนคิดว่า Gravity คือแรงล่องหน มันเป็นแรงที่แปลก เพราะเกิดขึ้นทันทีระหว่างมวลสองมวล
---
และเมื่อสักครู่ เราก็นอนคิดเรื่องนี้ตลอด
จนเรามาสังเกตว่า..
ที่แสงมันเบนเข้าใกล้วัตถุที่มีมวลมาก และที่โลกกำลังโคจรไปรอบๆดวงอาทิตย์ จริงๆแล้วมันไม่ใช่เพราะแรงดึงดูดนี่นา o.O แต่มันเป็นเพราะ Gravity ไปบิดงอ Space-Time รอบๆดวงดาว ทำให้อะไรก็ตามที่มีมวลหรือไม่มีมวลก็จะดำเนินเส้นทางไปตามความโค้งงอของ Space-Time ตำแหน่งนั้นๆ
แล้วเราก็ฉุกคิดได้ว่า..
อ้าว O.O ถ้างั้น.. Gravity ก็ไม่ถือเป็น Force สิ่ O.O
เพราะมันไม่ได้ดูดมวล แต่มันไปบิดงอ Space-Time ให้โค้งๆแล้วพอพวกมวลหรืออนุภาคอะไรก็ตามที่มันผ่านมาทางนี้ มันก็เลยเคลื่อนไหวไปตามความโค้งของ Space-Time ณ ตำแหน่งนั้นๆที่มันเคลื่อนผ่าน
จากนั้น เราก็เลยลองค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้
ปรากฏว่า เป็นเรื่องจริง จริงๆด้วย ^0^
Gravity ไม่ใช่ Force
Gravity มันเป็นบางสิ่งบางอย่าง ที่มันมีอยู่กับมวลนั่นแหละ และมันเป็นตัวที่ทำให้ Space-Time โค้งงอ
---
ปกติแล้ว คำว่า "แรง" ก็คือ มันจะมีแรงดูด แรงผลัก แรงยก (หมายความว่า แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์ มันจะมีทิศทางของมันด้วย)
ถ้าเราจะมองว่า การที่ลูกแอ้ปเปิ้ลตกลงมาจากต้นไม้ ในรูปแบบของแรง เราจะมองแบบนั้นก็ได้ และถ้าเรามองแบบนั้นพร้อมกับใช้สูตรการคำนวณแรงของ Newton ในการหาแรงดึงดูดระหว่างโลกกับลูกแอ้ปเปิ้ล เราก็ยังคำนวณค่าแรงได้ถูกต้องอีกด้วย
------
ทั้งหมดนี้ มันหมายความว่า..
1. Gravity ไม่ใช่ Force แต่เป็นสิ่งที่ มีผลต่อการโค้งงอของ Space-Time
2. หากเราจะมอง Gravity ในรูปแบบของแรงดึงดูดระหว่างมวลก็ได้ แต่มันจะผิดกฎของฟิสิกส์ (มองได้ คำนวณแรงได้ นำไปใช้งานได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า มันเป็น Force)
ที่ว่ามันจะผิดกฎของฟิสิกส์ หมายความว่า
จักรวาลของเรา.. "แสง เป็นสิ่งที่เคลื่อนที่ได้เร็วที่สุดในจักรวาล"
หากเรามองว่า Gravity เป็นแรงดึงดูดระหว่างมวล นั่นก็เท่ากับว่า ทันทีที่มีวัตถุที่มีมวล 2 ก้อนถือกำเนิดขึ้นมา มันก็จะมีแรงดึงดูดระหว่างกันในทันที(หมายความว่า มันจะมีความเร็วของแรงที่เกิดขึ้นระหว่างมวล เป็นอนันต์ ซึ่ง เร็วกว่าความเร็วแสง และมันผิดกฎทางฟิสิกส์ที่ไอน์สไตน์บอกไว้ว่า แสงเป็นสิ่งเดียวในจักรวาลที่มีความเร็วคงที่เสมอ และเร็วที่สุดในจักรวาลด้วย ไม่ว่าจะสัมพัทธกับอะไรก็ตาม)
ดังนั้น..
เราลองสมมติเหตุการณ์ว่า หากจู่ๆเกิด ดวงอาทิตย์หายไปกระทันหัน.. ถ้าคิดในแบบของนิวตั้น โลกของเราจะต้องหลุดจากวงโคจรของดวงอาทิตย์ในทันที(เพราะแรงดึงดูดระหว่างมวลจะหายไปในทันที)
แต่หากเราคิดในแบบของไอน์สไตน์ จะพบว่า ถึงแม้ดวงอาทิตย์จะหายไปทันที แต่ Space-Time บริเวณนั้นจะไม่ได้เรียบทันที แต่มันจะค่อยๆเรียบโดยใช้เวลาประมาณ 8 นาทีถึงจะเรียบมาถึงโลกเรา แล้วตอนนั้นโลกถึงจะหลุดจากวงโคจรของดวงอาทิตย์ไป
ทฤษฎีของไอน์สไตน์ ทำนายการทำงานของ Gravity ได้ถูกต้องและแม่นยำกว่า และยังมีการใช้ในการคำนวณเรื่องการเบี่ยงของดาวพุทธด้วย(แต่เรื่องนี้ เราไม่ได้อ่านะ >< รู้แต่ว่า ทฤษฎีของไอน์สไตน์ใช้ทำนายได้แม่นยำ 100% ในขณะที่ของนิวตั้น ถูกต้องเพียงแค่ 90%)
แล้วก็มีเรื่องการใช้งาน GPS และอีกหลายๆอย่าง ที่ใช้ทฤษฎีของไอน์สไตน์และสามารถคำนวณได้ถูกต้องแม่นยำ 100% อีกด้วย
---
สรุป:
แล้วสิ่งที่เราสงสัย ในกระทู้ก่อนหน้านี้(กระทู้ที่ 2)
ที่สงสัยว่า.. "หรือว่า.. Gravity มันจะไม่มีอยู่จริง???"
ตอนนี้ เราคิดว่า เราเข้าใจอะไรๆเพิ่มมากขึ้นแล้ว
Gravity ในรูปแบบของ Force ไม่มีอยู่จริง
แต่ Gravity ที่มีอยู่กับมวลนั้น มีอยู่จริง แต่ไม่ใช่ Force แต่เป็นสิ่งที่ทำให้ Space-Time มันโค้งงอ
---
แล้วที่พวกเรา เป็นมนุษย์ ที่เรายังอยู่บนผิวโลก มันไม่ใช่เพราะเรามีมวลเลยโดนโลกดูดเอาไว้ แต่มันเป็นเพราะเราตกอยู่ในการโค้งงอของ Space-Time รอบๆโลกต่างหากล่ะ
แล้วที่ photon ซึ่งเป็นอนุภาคแสงที่ไม่มีมวล แต่มันก็ยังมีการเคลื่อนที่แบบโค้งๆไปตามการโค้งงอของ Space-Time ก็เพราะว่า มันไม่ได้ถูกดึงดูดโดยมวล(เพราะตัวมันเองก็ไม่มีมวล) แต่ที่ Gravity ส่งผลกับมัน ก็เพราะมันเคลื่อนที่ไปตามการโค้งงอของ Space-Time ที่มันกำลังเคลื่อนที่ผ่านไปต่างหากล่ะ
แล้วที่เราเคยสงสัยเรื่อง มวลที่จุดศูนย์กลางของโลก ตอนนี้เราก็คิดว่า เราได้คำตอบแล้ว ><
มันไม่ได้มีแรงดึงดูดอะไรอยู่ที่จุดศูนย์กลางของโลกเลย แต่มันเป็นพวกแรงนิวเคลียร์ที่มันดูดให้อนุภาคและโมเลกุลต่างๆมันมาอยู่รวมกันนี่แหละ เมื่อมันมาอยู่รวมกันจำนวนมากๆมันก็จะเริ่มทำให้ Space-Time บริเวณนั้นๆมีการโค้งงอมาก แล้วพอมีอะไรมาใกล้ๆมัน มันก็ไหลไปอยู่รวมกัน และมีแรงระหว่างอนุภาคดูดกันไว้อีกทีหนึ่ง จนกลายเป็นโลกก้อนใหญ่ๆมวลๆเยอะๆใบนี้แหละ
ถ้าใครได้เข้าไปอ่าน 2 กระทู้ก่อนหน้านี้ ก็ขออภัยด้วย แต่คงไม่ลบกระทู้นั้นทิ้ง(ถึงแม้เนื้อหาในกระทู้จะมีการเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Gravity ก็ตาม) เพราะถึงอย่างไร กระทู้นี้ ก็มีการอ้างอิงไปถึงกระทู้นั้นหลายครั้ง เลยคิดว่าจะไม่ลบ 2 กระทู้แรกทิ้งหรอก
Links:
2. กระทู้สอง [ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Gravity]
### แล้วในที่สุด Gravity ก็ไม่มีอยู่จริง ### จริงๆด้วย ^0^