สวัสดีครับ ทุกท่าน มีความสุขกับเช้าสดใสวันเสาร์นะครับ หลังฝนตกบรรยากาศสดชื่นจริงๆ
ลิงก์บทที่ผ่านมาครับ
http://ppantip.com/topic/35266836 บทที่ ๔ และ ๕
http://ppantip.com/topic/35232481 บทที่ ๒ และ ๓
http://ppantip.com/topic/35201173 บทนำ และ บทที่ ๑
พลังเร้นลับที่ติดตัว ฝันรัก เจ้าของฉายามนุษย์ป้า คือ ‘ฌาน’ ซึ่งทำให้สามารถมองเห็นบางสิ่ง… บางสิ่งที่วับหวานรัญจวนใจ แต่หลายครั้งมันนำทางหญิงสาวไปสู่ภาพความตายพิลึกพิลั่น!
พลังเดียวกันนี้ทำให้ฝันรักเข้าไปพัวพันคดีเด็กหลอดแก้วและแม่อุ้มบุญในฐานะสายลับ เพื่อช่วยบิดาพ้นโทษก่อนสิ้นใจ
ในย่างก้าวที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย หญิงสาวหารู้ไม่ว่ากำลังตกอยู่ในเงื้อมือ ‘อาชญากรซิกซ์แพ็ก’
ผู้ซึ่งปรารถนาทั้งลมหายใจ และ ‘ฌานสิเน่หา’ ของฝันรัก!!
บทที่๖ ผู้มาเยือน
เวลา ๐๗.๓๐ น.
รถเก็บขยะสีเหลืองคันใหญ่ขับผ่านด้านหน้าอาคารพาณิชย์ขนาดสามชั้นครึ่งไปเล็กน้อย คนขับรถค่อยๆ จอดรถเทียบฟุตบาท เสียงเพลงลูกทุ่งมีเนื้อหาแนวตัดพ้อคนรักดังก้องห้องโดยสาร ดวงตาคมใต้กรอบแว่นสีดำหนาเทอะทะไร้เลนส์แวบมองร่างที่นั่งข้างกัน ก่อนเอ่ยเสียงแหบต่ำ
“ตื่นเมื่อไหร่ ค่อยหาข้อแก้ตัวดีๆ กับหัวหน้านะลุง อย่างมากคงถูกพักงาน คงไม่โดนไล่ออกหรอก”
เหล้าขาวที่บรรจุในขวดเครื่องดื่มชูกำลังถูกเปิดฝา กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนจมูกโชยออกมา เขาใช้บางส่วนพรมลงบนเสื้อชายชราวัยใกล้หกสิบ ก่อนนำขวดดังกล่าวใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อพร้อมธนบัตรสีเทาหลายใบ
คนขับรถมองดูผลงานประเดี๋ยว ต่อจากนั้นจึงเปิดประตูและก้าวลงไป จุดหมายคือช่องทิ้งขณะที่อยู่ตรงรั้วสีเปลือกไข่ ชายหนุ่มเดินเข้าไปทำทีเปิดช่องทิ้งขยะ ขณะเดียวกันก็กวาดสายตารอบตัว เมื่อไม่เห็นใครแถวนั้นก็สืบเท้าไปอีกฝั่ง มุ่งสู่ประตูบานเล็กด้านข้างอาคาร
รอยยิ้มผุดบนดวงหน้าสีน้ำตาลเนียน ทุกอย่างง่ายดายตามแผน แม่บ้านสำนักงานมักเผอเรอไม่ล็อกประตู และออกไปซื้อของกินยามเช้าสำหรับเจ้าหน้าที่ด้านใน กว่าจะกลับก็เลยเวลาเกือบแปดโมงครึ่ง หลังจากซุ่มดูหลายวัน เขามั่นใจว่าการเข้าไปด้านในพื้นที่แห่งนี้ไม่มีสิ่งใดน่ากังวล
ชายในชุดช่างสีเขียวเข้มสืบเท้าเข้าไปอย่างย่ามใจ เมื่อเดินมาถึงที่ลับตาก็ลอกคราบชุดดังกล่าวแล้วโยนทิ้งไว้ข้างพุ่มดอกเข็ม ข้างในเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาว มีเน็คไทสีน้ำน้ำตาลเข้ม กางเกงสแล็คทรงสุภาพ มองเผินๆ คล้ายคนทำงานออฟฟิศ
เขาก้าวสู่ทางเชื่อมต่อไปยังคลินิกที่เปิดตลอด ๒๔ ชั่วโมง ซึ่งซ่อนตัวอยู่ด้านหลังอาคารขนาดสามชั้นครึ่ง เป็นบริษัทรับออกแบบตกแต่งภายใน ใช้เป็นฉากบังหน้าคลินิกลับในเครือบริษัทเทพพนมอินเตอร์
คลินิกดังกล่าวเป็นที่รู้กันเฉพาะกลุ่ม ผู้ใช้บริการล้วนเป็นลูกค้าเงินหนา เกือบเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นชาวต่างชาติ
ยามรักษาการณ์สองคนเดินตรวจความเรียบร้อยตามหน้าที่ นานๆ ถึงได้ยินเสียงพูดคุยผ่านวิทยุสื่อสาร ด้วยมัวแต่สนใจข่าวยามเช้า ไม่ก็คุยเรื่องหวยไปจนถึงหัวข้อทางการเมืองอย่างออกรส เลยไม่ทันสังเกตว่ามีบุรุษลึกลับแฝงตัวเข้ามาจนถึงด้านในอาคาร
ประตูห้องพักแพทย์ถูกผลักเข้าไป ชายผู้มาเยือนคลินิกสวมเสื้อกาวน์ และหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า ดวงตาคมจ้องเขม็งไปยังเหยื่อที่มีชีวิตด้วยความขึงโกรธ เป้าหมายแรกกำลังจะถูกส่งตัวไปชดเชยความผิด โดยมีเขาเป็นผู้พิพากษา!
โรเจอร์นายแพทย์ชาวต่างชาติร่างผอม ศีรษะโล้นล้าน ง่วนกับเอกสารในมือ พลางสบถถ้อยคำหยาบคายยาวเหยียด เขาไม่พอใจผลตอบรับจากการทำงานซึ่งน้อยกว่าที่ตกลงไว้ สาเหตุจากความผิดพลาดของเคสพิเศษก่อนหน้า
เมื่อเขาเอื้อมมือหมายหยิบโทรศัพท์เพื่อตกลงกับเทพชนะ แต่จังหวะนั้นเขารู้สึกเจ็บแปลบบริเวณลำคอขึ้นมาเสียก่อน
เชือกเส้นเล็กแบบพิเศษรัดรอบคอนายแพทย์ มือใหญ่กระตุกแรงๆ เพื่อให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงพลังและยอมอ่อนข้อให้แต่โดยดี
“ชู่วว์…” เสียงนั้นดังข้างหู ฟังแล้วเยียบเย็นจับใจ
“ปละ ปล่อย คุณยังไม่รู้ว่ากำลังทำผิด ยะ…อย่าทำร้ายหมอ” โรเจอร์พยายามสื่อสารด้วยภาษาไทยกระท่อนกระแท่น หากเสียงที่ได้ยินผ่านหน้ากากอนามัยทำให้เขาอึ้ง อีกฝ่ายเอ่ยภาษาอังกฤษสำเนียงดีเยี่ยม
“ฮ่าๆ ยังกล้าเรียกตัวเองว่าหมออีกเหรอ”
“มะ หมายความว่าไง?” นายแพทย์ถามเสียงประหลาดใจ เจือความหวาดหวั่น
“กูคือคนที่จะลากไปลงนรกยังไงล่ะ ไอ้หมอหน้าเลือดเห็นแก่เงิน ทำให้คนตายกี่คนแล้ว สำนึกบ้างไหม!”
“คุณพูดบ้าอะไร ผะ ผมไม่ได้ทำ…” เสียงเขาขาดเป็นห้วง ขณะเดียวกันมือใหญ่ก็ออกแรงดึงเชือกรัดคอเขาแน่นกว่าเดิม “หึๆ ใช่ สิ่งที่ไม่เคยทำก็คือความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ยังไงละ”
โรเจอร์ดิ้นขลุกขลัก พยายามเอาตัวรอด หากพละกำลังจากชายผู้มาเยือนมีมากกว่า การยื้อยุดจึงเหมือนเด็กตัวจ้อยกับผู้ใหญ่โมโหร้าย
ใบหน้าโรเจอร์เปลี่ยนจากแดงจัด เป็นสีคล้ำ ดวงตาเบิกกว้างปานจะถลนออกมา สองมือไขว่คว้าไปเบื้องหน้าได้ประเดี๋ยวเดียวก็อ่อนแรงลง
“เฮ้อ…อ่อนจริงๆ ไอ้หมอ เอาไว้เจอของจริงก่อน เดี๋ยวจะรู้ว่านรกมันน่ากลัวแค่ไหน” เอ่ยจบก็ล้วงเข้าไปในเสื้อซึ่งมีเข็มฉีดยา เขาจัดการฉีดเข้าบริเวณต้นคออีกฝ่าย ก่อนลากร่างนั้นไปกองไว้ข้างโซฟา ครั้นเอี้ยวตัวกลับ เขาพบว่านางพยาบาลคนหนึ่งยืนตัวสั่นข้างตู้เอกสารเหล็ก
“มะ ไม่ ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น สะ สา บานได้” พยาบาลหลับตาปี๋ สองขาสั่นพั่บๆ โกรธตัวเองที่ไร้เรี่ยวแรงเอาตัวรอดจากสถานการณ์ชวนสยองใจ และถึงจะมีเรี่ยวแรงก้าวออกจากห้องนี้ แต่ก็ต้องใช้กำลังกายอีกมากโข ห้องทำงานโรเจอร์ห่างจากตึกกลางพอสมควร
แพทย์ชาวต่างชาติผู้นี้ต้องการความสงบ และเธอก็ชื่นชอบความเงียบและเป็นส่วนตัวของที่นี่ มันอยู่ในจุดที่ไม่มีใครเดินป้วนเปี้ยนมากวนใจ ทั้งสองคนมักนัดกันมาเสพสุขยามที่ไม่มีคนไข้
“ปล่อยฉันไปเถอะนะ ขอร้องละ” พยาบาลยกมือไหว้ น้ำตาเจ้ากรรมไหลอาบแพขนตาที่ปิดสนิท สิ่งใดหนอทำให้มาพบสถานการณ์เลวร้าย อาจเพราะการล่วงละเมิดศีลธรรม เห็นผิดเป็นชอบกรรมถึงตามสนองอย่างรวดเร็ว
เขาก้าวอาดๆ ตรงมายังร่างสั่นเทา มือหนาบีบปลายคางแหลมเล็ก จดจ้องอีกฝ่ายด้วยดวงตาเปี่ยมโทสะ “คนตายเท่านั้นที่

ไม่ได้!”
นางพยาบาลใจล่วงหล่น ขาที่สั่นพั่บๆ พยุ่งร่างตัวเองแทบไม่ไหว
“อยากตายทั้งที่ตาบอดหรือไง ลืมตาเดี๋ยวนี้!” เสียงตวาดใส่ส่งผลให้พยาบาลหวีดเสียงหลง
“ฉันบอกแล้ว ไม่รู้ ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น จะฆ่าแกงใครก็ตามใจคุณ ฉะ ฉันไม่เกี่ยว”
“เห็นชีวิตคนเป็นผักปลาสินะ ถึงไม่สนว่าใครจะเป็นจะตายยังไง” เขาเอ่ยอย่างล่วงรู้ความลับดำมืดของเธอ
“พูดแปลกๆ ฉันเคยทำอย่างนั้นเสียเมื่อไหร่ หา” ความขยาดกลัวเมื่อครู่ แปรเปลี่ยน เพราะถูกตอกย้ำถึงความผิดของตน
“คิดว่าสวมชุดขาวแล้ว จะเป็นคนดีอย่างนั้นสิ เธอก็แค่นางบำเรอไอ้หมอ เป็นมือเป็นตีนคอยทำงานชั่วๆ ให้มัน อยู่ไปก็รกโลก! ”
นางพยาบาลได้ยินเช่นนั้น พลันลืมตาโดยอัตโนมัติ หากเขารู้เรื่องลับขนาดนี้ คงไม่ต้องเสียเวลาหลบหน้าหลบตา
“คะ คุณ ตะ ต้องการอะไร กันแน่ !” เธอถามเสียงกร้าว กลัวอยู่มาก แต่ความอยากรู้ท่วมใจ
เขาไม่ตอบ หากหัวเราะเสียงเหี้ยมในลำคอ สร้างความเขย่าขวัญให้บรรยากาศในห้องมากโข แต่พยาบาลสาวตั้งสติได้แล้ว เธออยู่กับความเป็นความตายมานาน เหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเกิดขึ้นเสมอ
นางพยาบาลมองแจกันบนโต๊ะ ปากแสร้งขอความเมตตาจากเขา หวังถ่วงเวลา
“ปล่อยฉันเถอะ ฉันถูกบังคับให้ทำจริงๆ …ไม่รู้อะไรเลย” เอ่ยจบเธอก็ฮึดสู้สุดใจ วิ่งไปคว้าแจกันดอกไม้ฟาดใส่เขา ทว่ามันเฉียดศีรษะได้รูปไปเพียงนิด เมื่อเห็นว่าทำอันตรายให้เขาไม่ได้ เธอก็เคลื่อนชั้นวางนิตยสารขวางทางเขา ก่อนวิ่งวนไปอีกฝากของห้อง
การหนีเอาตัวรอดของเธอ กระพือความกราดเกรี้ยวให้เขา เสียงคำรามดังรอดหน้ากากอนามัย ฟังแล้วราวกับสัตว์ดุร้ายที่พร้อมฉีกร่างเธอและกัดกินเป็นอาหารแสนโอชะ
ในที่สุดพยาบาลก็พุ่งตัวออกไปยังประตูบานเลื่อนสำเร็จ สองมือคว้าที่จับบานประตูได้ ในสมองคิดว่าเพียงแค่หลุดพ้นจากห้องนี้ โอกาสรอดจากฆาตกรใจโฉดคงพอมี เธอหวังใจพบยามรักษาการณ์ หรือใครสักคนโผล่มาให้ความช่วยเหลือ
“ชะ ช่วยด้วย” มือเล็กเลื่อนเปิดประตูสุดแรง พาร่างเล็กกะทัดรัดโผล่ออกไปได้เพียงครึ่งตัว ทว่าขาข้างหนึ่งถูกกระชากกลับในเสี้ยววินาทีต่อมา แรงนั้นมากพอจะทำให้ดวงหน้าเล็กเรียวฟาดบานประตูโครมใหญ่
กรี๊ด! เสียงร้องเสียขวัญดังหวีดก้อง น้ำตาไหลเอ่อ เจ็บจุกเหลือประมาณ
เขาลากร่างเธออย่างไม่ปราณีจนชนกับเฟอร์นิเจอร์ในห้องนับครั้งไม่ถ้วน วินาทีนั้นความรักตัวกลัวตายสั่งให้ดิ้นขัดขืนสุดพลังกาย ทั้งเตะ ทั้งถีบ สองมือตบลงบนเนื้อตัวเขาเป็นพัลวัน
“มะ ไม่…อย่าทำฉันเลย” สิ้นเสียงร้องขอ ปลายเหล็กแหลมก็ปักลงที่หน้าอกพยาบาล
ดวงตากลมโตเบิกค้าง ริมฝีปากเคลือบสีสวยอ้ากว้าง หลุดเสียงไอแค่กๆ ออกมาสองสามครั้ง ก่อนจะกรีดเสียงร้องซ้ำ เมื่อเข็มฉีดยากดลงลึกลงกว่าเดิม
อึดใจต่อมาเธอถูกลากไปกองรวมนายแพทย์ชาวต่างชาติ ผู้สลบเหมือดไปก่อนหน้า…
ฌานสิเน่หา บทที่ ๖ ผู้มาเยือน (รีไรท์)
ลิงก์บทที่ผ่านมาครับ
http://ppantip.com/topic/35266836 บทที่ ๔ และ ๕
http://ppantip.com/topic/35232481 บทที่ ๒ และ ๓
http://ppantip.com/topic/35201173 บทนำ และ บทที่ ๑
พลังเดียวกันนี้ทำให้ฝันรักเข้าไปพัวพันคดีเด็กหลอดแก้วและแม่อุ้มบุญในฐานะสายลับ เพื่อช่วยบิดาพ้นโทษก่อนสิ้นใจ
ในย่างก้าวที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย หญิงสาวหารู้ไม่ว่ากำลังตกอยู่ในเงื้อมือ ‘อาชญากรซิกซ์แพ็ก’
ผู้ซึ่งปรารถนาทั้งลมหายใจ และ ‘ฌานสิเน่หา’ ของฝันรัก!!
บทที่๖ ผู้มาเยือน
เวลา ๐๗.๓๐ น.
รถเก็บขยะสีเหลืองคันใหญ่ขับผ่านด้านหน้าอาคารพาณิชย์ขนาดสามชั้นครึ่งไปเล็กน้อย คนขับรถค่อยๆ จอดรถเทียบฟุตบาท เสียงเพลงลูกทุ่งมีเนื้อหาแนวตัดพ้อคนรักดังก้องห้องโดยสาร ดวงตาคมใต้กรอบแว่นสีดำหนาเทอะทะไร้เลนส์แวบมองร่างที่นั่งข้างกัน ก่อนเอ่ยเสียงแหบต่ำ
“ตื่นเมื่อไหร่ ค่อยหาข้อแก้ตัวดีๆ กับหัวหน้านะลุง อย่างมากคงถูกพักงาน คงไม่โดนไล่ออกหรอก”
เหล้าขาวที่บรรจุในขวดเครื่องดื่มชูกำลังถูกเปิดฝา กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนจมูกโชยออกมา เขาใช้บางส่วนพรมลงบนเสื้อชายชราวัยใกล้หกสิบ ก่อนนำขวดดังกล่าวใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อพร้อมธนบัตรสีเทาหลายใบ
คนขับรถมองดูผลงานประเดี๋ยว ต่อจากนั้นจึงเปิดประตูและก้าวลงไป จุดหมายคือช่องทิ้งขณะที่อยู่ตรงรั้วสีเปลือกไข่ ชายหนุ่มเดินเข้าไปทำทีเปิดช่องทิ้งขยะ ขณะเดียวกันก็กวาดสายตารอบตัว เมื่อไม่เห็นใครแถวนั้นก็สืบเท้าไปอีกฝั่ง มุ่งสู่ประตูบานเล็กด้านข้างอาคาร
รอยยิ้มผุดบนดวงหน้าสีน้ำตาลเนียน ทุกอย่างง่ายดายตามแผน แม่บ้านสำนักงานมักเผอเรอไม่ล็อกประตู และออกไปซื้อของกินยามเช้าสำหรับเจ้าหน้าที่ด้านใน กว่าจะกลับก็เลยเวลาเกือบแปดโมงครึ่ง หลังจากซุ่มดูหลายวัน เขามั่นใจว่าการเข้าไปด้านในพื้นที่แห่งนี้ไม่มีสิ่งใดน่ากังวล
ชายในชุดช่างสีเขียวเข้มสืบเท้าเข้าไปอย่างย่ามใจ เมื่อเดินมาถึงที่ลับตาก็ลอกคราบชุดดังกล่าวแล้วโยนทิ้งไว้ข้างพุ่มดอกเข็ม ข้างในเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาว มีเน็คไทสีน้ำน้ำตาลเข้ม กางเกงสแล็คทรงสุภาพ มองเผินๆ คล้ายคนทำงานออฟฟิศ
เขาก้าวสู่ทางเชื่อมต่อไปยังคลินิกที่เปิดตลอด ๒๔ ชั่วโมง ซึ่งซ่อนตัวอยู่ด้านหลังอาคารขนาดสามชั้นครึ่ง เป็นบริษัทรับออกแบบตกแต่งภายใน ใช้เป็นฉากบังหน้าคลินิกลับในเครือบริษัทเทพพนมอินเตอร์
คลินิกดังกล่าวเป็นที่รู้กันเฉพาะกลุ่ม ผู้ใช้บริการล้วนเป็นลูกค้าเงินหนา เกือบเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นชาวต่างชาติ
ยามรักษาการณ์สองคนเดินตรวจความเรียบร้อยตามหน้าที่ นานๆ ถึงได้ยินเสียงพูดคุยผ่านวิทยุสื่อสาร ด้วยมัวแต่สนใจข่าวยามเช้า ไม่ก็คุยเรื่องหวยไปจนถึงหัวข้อทางการเมืองอย่างออกรส เลยไม่ทันสังเกตว่ามีบุรุษลึกลับแฝงตัวเข้ามาจนถึงด้านในอาคาร
ประตูห้องพักแพทย์ถูกผลักเข้าไป ชายผู้มาเยือนคลินิกสวมเสื้อกาวน์ และหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า ดวงตาคมจ้องเขม็งไปยังเหยื่อที่มีชีวิตด้วยความขึงโกรธ เป้าหมายแรกกำลังจะถูกส่งตัวไปชดเชยความผิด โดยมีเขาเป็นผู้พิพากษา!
โรเจอร์นายแพทย์ชาวต่างชาติร่างผอม ศีรษะโล้นล้าน ง่วนกับเอกสารในมือ พลางสบถถ้อยคำหยาบคายยาวเหยียด เขาไม่พอใจผลตอบรับจากการทำงานซึ่งน้อยกว่าที่ตกลงไว้ สาเหตุจากความผิดพลาดของเคสพิเศษก่อนหน้า
เมื่อเขาเอื้อมมือหมายหยิบโทรศัพท์เพื่อตกลงกับเทพชนะ แต่จังหวะนั้นเขารู้สึกเจ็บแปลบบริเวณลำคอขึ้นมาเสียก่อน
เชือกเส้นเล็กแบบพิเศษรัดรอบคอนายแพทย์ มือใหญ่กระตุกแรงๆ เพื่อให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงพลังและยอมอ่อนข้อให้แต่โดยดี
“ชู่วว์…” เสียงนั้นดังข้างหู ฟังแล้วเยียบเย็นจับใจ
“ปละ ปล่อย คุณยังไม่รู้ว่ากำลังทำผิด ยะ…อย่าทำร้ายหมอ” โรเจอร์พยายามสื่อสารด้วยภาษาไทยกระท่อนกระแท่น หากเสียงที่ได้ยินผ่านหน้ากากอนามัยทำให้เขาอึ้ง อีกฝ่ายเอ่ยภาษาอังกฤษสำเนียงดีเยี่ยม
“ฮ่าๆ ยังกล้าเรียกตัวเองว่าหมออีกเหรอ”
“มะ หมายความว่าไง?” นายแพทย์ถามเสียงประหลาดใจ เจือความหวาดหวั่น
“กูคือคนที่จะลากไปลงนรกยังไงล่ะ ไอ้หมอหน้าเลือดเห็นแก่เงิน ทำให้คนตายกี่คนแล้ว สำนึกบ้างไหม!”
“คุณพูดบ้าอะไร ผะ ผมไม่ได้ทำ…” เสียงเขาขาดเป็นห้วง ขณะเดียวกันมือใหญ่ก็ออกแรงดึงเชือกรัดคอเขาแน่นกว่าเดิม “หึๆ ใช่ สิ่งที่ไม่เคยทำก็คือความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ยังไงละ”
โรเจอร์ดิ้นขลุกขลัก พยายามเอาตัวรอด หากพละกำลังจากชายผู้มาเยือนมีมากกว่า การยื้อยุดจึงเหมือนเด็กตัวจ้อยกับผู้ใหญ่โมโหร้าย
ใบหน้าโรเจอร์เปลี่ยนจากแดงจัด เป็นสีคล้ำ ดวงตาเบิกกว้างปานจะถลนออกมา สองมือไขว่คว้าไปเบื้องหน้าได้ประเดี๋ยวเดียวก็อ่อนแรงลง
“เฮ้อ…อ่อนจริงๆ ไอ้หมอ เอาไว้เจอของจริงก่อน เดี๋ยวจะรู้ว่านรกมันน่ากลัวแค่ไหน” เอ่ยจบก็ล้วงเข้าไปในเสื้อซึ่งมีเข็มฉีดยา เขาจัดการฉีดเข้าบริเวณต้นคออีกฝ่าย ก่อนลากร่างนั้นไปกองไว้ข้างโซฟา ครั้นเอี้ยวตัวกลับ เขาพบว่านางพยาบาลคนหนึ่งยืนตัวสั่นข้างตู้เอกสารเหล็ก
“มะ ไม่ ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น สะ สา บานได้” พยาบาลหลับตาปี๋ สองขาสั่นพั่บๆ โกรธตัวเองที่ไร้เรี่ยวแรงเอาตัวรอดจากสถานการณ์ชวนสยองใจ และถึงจะมีเรี่ยวแรงก้าวออกจากห้องนี้ แต่ก็ต้องใช้กำลังกายอีกมากโข ห้องทำงานโรเจอร์ห่างจากตึกกลางพอสมควร
แพทย์ชาวต่างชาติผู้นี้ต้องการความสงบ และเธอก็ชื่นชอบความเงียบและเป็นส่วนตัวของที่นี่ มันอยู่ในจุดที่ไม่มีใครเดินป้วนเปี้ยนมากวนใจ ทั้งสองคนมักนัดกันมาเสพสุขยามที่ไม่มีคนไข้
“ปล่อยฉันไปเถอะนะ ขอร้องละ” พยาบาลยกมือไหว้ น้ำตาเจ้ากรรมไหลอาบแพขนตาที่ปิดสนิท สิ่งใดหนอทำให้มาพบสถานการณ์เลวร้าย อาจเพราะการล่วงละเมิดศีลธรรม เห็นผิดเป็นชอบกรรมถึงตามสนองอย่างรวดเร็ว
เขาก้าวอาดๆ ตรงมายังร่างสั่นเทา มือหนาบีบปลายคางแหลมเล็ก จดจ้องอีกฝ่ายด้วยดวงตาเปี่ยมโทสะ “คนตายเท่านั้นที่
นางพยาบาลใจล่วงหล่น ขาที่สั่นพั่บๆ พยุ่งร่างตัวเองแทบไม่ไหว
“อยากตายทั้งที่ตาบอดหรือไง ลืมตาเดี๋ยวนี้!” เสียงตวาดใส่ส่งผลให้พยาบาลหวีดเสียงหลง
“ฉันบอกแล้ว ไม่รู้ ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น จะฆ่าแกงใครก็ตามใจคุณ ฉะ ฉันไม่เกี่ยว”
“เห็นชีวิตคนเป็นผักปลาสินะ ถึงไม่สนว่าใครจะเป็นจะตายยังไง” เขาเอ่ยอย่างล่วงรู้ความลับดำมืดของเธอ
“พูดแปลกๆ ฉันเคยทำอย่างนั้นเสียเมื่อไหร่ หา” ความขยาดกลัวเมื่อครู่ แปรเปลี่ยน เพราะถูกตอกย้ำถึงความผิดของตน
“คิดว่าสวมชุดขาวแล้ว จะเป็นคนดีอย่างนั้นสิ เธอก็แค่นางบำเรอไอ้หมอ เป็นมือเป็นตีนคอยทำงานชั่วๆ ให้มัน อยู่ไปก็รกโลก! ”
นางพยาบาลได้ยินเช่นนั้น พลันลืมตาโดยอัตโนมัติ หากเขารู้เรื่องลับขนาดนี้ คงไม่ต้องเสียเวลาหลบหน้าหลบตา
“คะ คุณ ตะ ต้องการอะไร กันแน่ !” เธอถามเสียงกร้าว กลัวอยู่มาก แต่ความอยากรู้ท่วมใจ
เขาไม่ตอบ หากหัวเราะเสียงเหี้ยมในลำคอ สร้างความเขย่าขวัญให้บรรยากาศในห้องมากโข แต่พยาบาลสาวตั้งสติได้แล้ว เธออยู่กับความเป็นความตายมานาน เหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเกิดขึ้นเสมอ
นางพยาบาลมองแจกันบนโต๊ะ ปากแสร้งขอความเมตตาจากเขา หวังถ่วงเวลา
“ปล่อยฉันเถอะ ฉันถูกบังคับให้ทำจริงๆ …ไม่รู้อะไรเลย” เอ่ยจบเธอก็ฮึดสู้สุดใจ วิ่งไปคว้าแจกันดอกไม้ฟาดใส่เขา ทว่ามันเฉียดศีรษะได้รูปไปเพียงนิด เมื่อเห็นว่าทำอันตรายให้เขาไม่ได้ เธอก็เคลื่อนชั้นวางนิตยสารขวางทางเขา ก่อนวิ่งวนไปอีกฝากของห้อง
การหนีเอาตัวรอดของเธอ กระพือความกราดเกรี้ยวให้เขา เสียงคำรามดังรอดหน้ากากอนามัย ฟังแล้วราวกับสัตว์ดุร้ายที่พร้อมฉีกร่างเธอและกัดกินเป็นอาหารแสนโอชะ
ในที่สุดพยาบาลก็พุ่งตัวออกไปยังประตูบานเลื่อนสำเร็จ สองมือคว้าที่จับบานประตูได้ ในสมองคิดว่าเพียงแค่หลุดพ้นจากห้องนี้ โอกาสรอดจากฆาตกรใจโฉดคงพอมี เธอหวังใจพบยามรักษาการณ์ หรือใครสักคนโผล่มาให้ความช่วยเหลือ
“ชะ ช่วยด้วย” มือเล็กเลื่อนเปิดประตูสุดแรง พาร่างเล็กกะทัดรัดโผล่ออกไปได้เพียงครึ่งตัว ทว่าขาข้างหนึ่งถูกกระชากกลับในเสี้ยววินาทีต่อมา แรงนั้นมากพอจะทำให้ดวงหน้าเล็กเรียวฟาดบานประตูโครมใหญ่
กรี๊ด! เสียงร้องเสียขวัญดังหวีดก้อง น้ำตาไหลเอ่อ เจ็บจุกเหลือประมาณ
เขาลากร่างเธออย่างไม่ปราณีจนชนกับเฟอร์นิเจอร์ในห้องนับครั้งไม่ถ้วน วินาทีนั้นความรักตัวกลัวตายสั่งให้ดิ้นขัดขืนสุดพลังกาย ทั้งเตะ ทั้งถีบ สองมือตบลงบนเนื้อตัวเขาเป็นพัลวัน
“มะ ไม่…อย่าทำฉันเลย” สิ้นเสียงร้องขอ ปลายเหล็กแหลมก็ปักลงที่หน้าอกพยาบาล
ดวงตากลมโตเบิกค้าง ริมฝีปากเคลือบสีสวยอ้ากว้าง หลุดเสียงไอแค่กๆ ออกมาสองสามครั้ง ก่อนจะกรีดเสียงร้องซ้ำ เมื่อเข็มฉีดยากดลงลึกลงกว่าเดิม
อึดใจต่อมาเธอถูกลากไปกองรวมนายแพทย์ชาวต่างชาติ ผู้สลบเหมือดไปก่อนหน้า…