สวัสดีครับทุกท่าน ห่างหายกันไปนานเลย นานแค่ไหน ก็ประมาณ 6 เดือนหรือครึ่งปีเท่านั้นเองครับ (นานจนลืม และผมมั่นใจว่าหลายๆท่านอาจจะคิดว่า เอ่อ ไอ้หมอนี่ยังอยู่เหรอ) ยังอยู่ครับ ^^”
เพียงแต่ติดภารกิจบางประการและหมดมุข เลยทำให้ขาดช่วงไปบ้าง ใครสนใจว่าผมเป็นใคร เคยเขียนอะไรไว้ ก็หาเอาตาม facebook ได้ครับ เพราะกระทู้เก่าๆ น่าจะระเหิดไปแล้วมั้ง ไม่แน่ใจ เพราะกระทู้ผมเองก็ไม่ได้เป็นขั้นกระทู้ทรงคุณค่าแพลตินั่มอะไร หรือหาจาก พี่ Google ก็ได้ครับ พี่เค้ารู้หมดเรื่องของผมนะ search “หมอใหม่หัวใจแนว” นะครับ (แหนะ แอบมีโฆษณาเล็กๆ)
งั้นมาเข้าเรื่องบทนี้กันดีกว่าครับ เมื่อจะเล่าเรื่องอะไรก็ต้องมีการปูเรื่องและเท้าความกันสักนิด เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นมาจากการที่ได้มีโอกาสไปพูดให้เด็กๆที่อยากเป็นหมอฟังนี่ละครับ แล้วมีคำถามหนึ่งที่ กระแทกใจจุงเบย
“เคยมีคนไข้ที่กวนๆไหมคะ” ประจวบเหมาะกับไปตรงกับคำถามคำถามหนึ่งที่เคยถามผมไว้ในเว็บบอร์ด (pantip) แห่งนี้ละครับ เมื่อประมาณ......ประมาณ........ประมาณ........................เอ่อ...........ช่างเถอะ ว่า
“คนไข้ประเภทไหนที่คนเป็นหมอคิดว่ารับมือยากที่สุดคะ”
จากคุณ นั่งตกปลาใต้ต้นตาลติดตลิ่ง
ซึ่งผมก็ได้ให้สิทธิ เป็นสิทธิในการขึ้นบันไดเลื่อนฟรีที่ ห้าง BIG D ทุกสาขา (ต้องขอบคุณห้าง BIG D มา ณ ที่นี้ด้วย)
จากทั้งหมดทั้งมวลนี้เองจึงได้เป็นข้อสรุปในการเกิดเรื่องนี้ขึ้น ตอนแรกว่าจะตั้งหัวข้อเรื่องว่า “คนไข้แบบนี้รับมือยาก....จุงเบย” แต่ก็นั่นละครับ คนไข้ก็คือคนไข้ จะไปใช้คำว่า “รับมือ” ก็อาจจะดู ใจร้างจุงเบยไปหน่อย งั้นเรื่องนี้ให้เติมกันเองแล้วกันตามความรู้สึกของทุกท่านเลยว่าหากท่านเป็นหมอท่านเจอคนไข้แบบนี้จะทำอย่างไร (และอีกอย่างรู้สึกแปลกๆและรำคาญเล็กๆกับไอ้จุงเบยเนี่ยแหละ)
เพื่อความสนุกและอารมณ์ร่วม เวลาดูละครก็ยังต้องมีอาการอินเลยเนาะ (ประหนึ่งว่าเป็นมุนินทร์) แต่ไม่ต้องถึงขั้นไปตบใครหน้ากระทรวงนะฮะ เอาแค่จินตนาการสนุกๆก็พอว่าถ้าท่านเป็นหมอ ท่านจะทำอย่างไร
โดยแน่นอนครับเมื่อท่านเป็นหมอก็ต้องมีข้อแม้ของการเป็นหมอกันสักหน่อย
1. ท่านเลือกคนไข้ไม่ได้ครับ คงต้องเจอบ้าง มาแบบไหนก็ต้องรักษากัน
เต็มที่เท่าที่จะทำได้
2. ท่านไม่สามารถบอกว่าไม่รักษาคนไข้คนนี้ ปล่อยไว้ตรงนี้ ช่างเค้าไม่
สนใจไม่ได้ครับ
3. การตอบโต้ใดของท่านจะส่งผลถึงการฟ้องร้อง ร้องเรียน ทั้งต่อหน่วย
งานที่สังกัด ออกสื่อ ปัญหามากมายที่จะตามมา
4. เอาละเอาข้อแม้แค่นี้ก่อนจริงๆยังมีข้อแม้อีกหลายๆอย่างนะครับแต่จะ
เครียดกันเกินไปละ เอาฮาหน่า......
คนไข้ที่มารักษาตามโรงพยาบาลเนี่ยมีหลายรูปแบบนะครับ แต่โดยส่วนใหญ่ก็เป็นคนไข้ที่อยากหาย มาตรวจตามปกติ รับยา ปรึกษาหมอ ซึ่งแน่นอนครับคนไข้นี้เป็นคนไข้ที่ควรจะเป็น หมอก็รักษาไปไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่นา แต่จริงๆแล้วคนไข้เองบางครั้งไม่ได้มาแบบนี้ครับ (เฮ้ย!!!) มาแบบไหน มาแบบที่หมอเห็นแล้วก็...........
เอ้า !!! แบบไหนจัดเลยแล้วกัน (การจัดลำดับไม่ได้อยู่กับผลการโหวตและคะแนนนะครับ บร๊ะ ยังกะนางงาม)
1. คนไข้เมา
มาแรงแซงทางโค้งกระจุยกระจาย กับคนไข้เมาครับ ในการเป็นหมอเนี่ย มีหลายๆครั้งครับที่ต้องตรวจคนเมา เมาทุกรูปแบบครับ เมาเหล้า เมายา เมารัก (อันนี้มีจริงนะเออ)
คนไข้เมามักจะมาที่ไหนแน่นอนครับ มาที่ห้องฉุกเฉิน สาเหตุที่มาก็อุบัติเหตุ กู้ภัยนำส่ง ญาติพามา เพื่อนพามา คนรู้จัก คนที่ชน ต่างๆนานา ซึ่งแน่นอนครับโอกาสที่คนไข้มาเองมีบ้างแต่ไม่ค่อยบ่อย
คนไข้เมามาที่โรงพยาบาลหมอหลายๆคนต้องคิดบ้างละว่า “งานเข้าอีกละ” ทำไมละ
ประเด็นแรก บางครั้ง คนเมาให้ประวัติมั่วซั่วครับ ถ้าคนไข้มาด้วยประวัติ
อุบัติเหตุ และดูเมาๆ ส่วนใหญ่ก็จะซักประวัติจากผู้ที่เห็นเหตุการณ์ เจ้า
หน้าที่นำส่ง แล้วตรวจร่างกายประกอบ
แต่ถ้าไม่ได้มาด้วยอุบัติเหตุอันนี้ลำบากกว่าครับ(จากที่ลำบากอยู่แล้ว)
แล้วยิ่งมาคนเดียวด้วยนะ ไม่มีญาติหรือคนรู้เรื่องมาด้วย อันนี้ไปกันใหญ่
ครับ และอย่างที่ผมเคยบอกว่า การที่แพทย์จะวินิจฉัยโรคอะไรนั้นก็เป็น
การซักประวัติ ตรวจร่างกาย เป็นข้อมูลหลักที่ใช้ในการตัดสินใจ จากนั้น
ค่อยไปเจาะเลือด และเอกซเรย์เพิ่มเติมตามโรคที่สงสัยว่าจะเป็น
เพราะฉะนั้น ถ้าประวัติมามั่ว การตรวจร่างกาย เจาะเลือด เอกซเรย์อะไรบาง
ครั้งก็ทำได้ลำบากครับ เพราะเริ่มต้นก็ยังไม่รู้เลยว่าน่าจะเป็นโรคอะไร
ตัวอย่างการสนทนาที่เคยประสบ
คนเมาสัก 55 ปีครับ ดวดยาดอง + 40 ดีกรีมา (ผู้ปกครองควรพิจารณา) แอ๋มาเลยครับ ตี 2 เดินเข้าห้องฉุกเฉินมา ประกาศลั่น
“หมอ !!!! พยาบาล !!!!! เฮ้ยยยยยยย !!!! อยู่ไหนวะ !!!!”
“มีไรครับลุง เป็นไรมา” บุรุษพยาบาลทัก
“ปวดหัววะ เป็นไข้ อยากเจอหมอ”
“ปวดแบบไหนละ”
“เอาน่าก็อยากเจอหมอนะ มีไข้สูงมาหลายวันแล้ว หนาวสั่นไปหมด”
พยาบาลก็วัดไข้ครับ วัดได้ ประมาณ 37.3 องศาเซลเซียส
“ไม่มีไข้นะ”
“ก็ที่บ้านมันมี หนาวสั่นไปหมด นี่กินยาลดไข้มา”
พยาบาลก็เลยตามผมไปดูครับ
“ลุงมีไข้มาเหรอครับ”
“เออ”
“มีมากี่วัน”
“จะ 2 อาทิตย์แล้ว”
“แล้วทำไมเพิ่งมาตอนนี้ละ ไปรักษาที่อื่นมารึเปล่า”
“จะไปที่อื่นมาได้ไง ไข้ขึ้นเมื่อวาน ถามไรไม่ได้เรื่อง”
“อ่าว สรุปไข้ขึ้นเมื่อไร”
“ก็เป็นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่เกิดแหละ เป็นๆหายๆ เป็นๆ หายๆ อยากมารักษาให้หายขาด”
“ที่เป็นไข้เป็นๆหายๆเนี่ย เคยไปหาหมอรึเปล่า”
“ไม่เคย กินยาเอา กินแล้วก็หาย”
“แล้วครั้งนี้เป็นมากี่วัน”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ ไม่ได้ไข้ขึ้นเว้ย เอ็งเอาอะไรมาพูดหมอ” แล้วก็โซเซๆ ครับ ฟุบหลับคาเตียง
“ลุง ลุง เป็นไง ตอบหน่อย”
“คนจะหลับจะนอนอย่ายุ่งดิ หมออะไรวะ กวนคนไข้อยู่ได้”
“แล้วสรุปเป็นไข้ป่ะ ลุงครับ ลุง...”
“ZZZZZZZZ แจ๊บๆ”
ตอนนั้นสิ่งที่คิด ก็คือ !@#$%^&*()_ Z ไม่รู้จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดยังไง ได้แต่มองหน้าคุณพยาบาล จากนั้นก็เลยให้นอนอยู่ตรงนั้นก่อนครับ ติดต่อญาติก็ไม่รู้จะติดต่อยังไง หมดทั้งตัวไม่มีอะไรเลย
ซึ่งตอนเช้าค่อยมาประเมินอีกที
“เหรอ ลุงไม่รู้ตัวเลย 555555 ลุงพูดยังงั้นเหรอ 55555555ไม่ร้อกก ลุงสบายดี เตะปี๊บดัง ไม่เคยป่วย ลุงกลับก่อนนะ 555555”
ถ้าท่านเป็นหมอ คนไข้แบบนี้............
ประเด็นถัดมาคนไข้เมา บางคนอาละวาดครับ นอกจากคุยกันไม่รู้เรื่อง
แล้ว ยังเหมือนจะมาอาละวาดที่โรงพยาบาลอีก มาทั้งรูปแบบคนไข้ หรือมา
อารมณ์เป็นญาติ คนไข้บางคนเคยตรวจตอนที่ไม่มีเหล้ามาร่วม ก็ดูดีนะ
ครับ แต่พอมาอีกครั้ง ในรูปแบบเมาเหมือนเป็นคนไข้คนละคนเลยทีเดียว
ตัวอย่างการสนทนาที่เคยประสบ (ขออนุญาตมีอึงกูในบางประโยคเพื่ออรรถรสนะครับ)
ชาย 52 ปีครับ มาด้วยเรื่องปวดหัว แต่แน่นอนครับเป็นหลังจากกินเหล้า
พุ่งเข้ามาใน ห้องฉุกเฉินเลยครับ ไม่สนใจคุณพยาบาลเจ้าหน้าที่คัดกรองใดๆทั้งสิ้น แล้วประกาศเสียงอย่างดัง
“เฮ้ย หมอ !! เอายาแก้ปวดมาหน่อย”
“ลุงเป็นไรมาครับ”
“ปวดหัว เอายามาก่อน”
“ปวดยังไง มีไข้รึเปล่า”
“ไอ้.......!@#$%^&*()_+_)(*&^%$#@! (มันส์กว่า แรงเงาแน่ๆ) ก็หลุดมาหมดละครับ สัตว์เล็ก สัตว์ใหญ่ ปล่อยสัตว์กันเพ่นพ่านโรงพยาบาลจับกันไม่ทันทีเดียว”
“ก็ ต้องซักประวัติก่อนนะครับ ถึงจะรู้ว่าเป็นโรคอะไรจะได้ให้ยาแก้ปวดถูกตัว ถูกโรค”
“เอ้านี่ อะไรวะ น้ำใจ น้ำใจ นะ เฮ้ย !@#$%^&*()__(&^%$# (จัดต่อ) ”
สักพัก ก็ต้องตาม รปภ. มาช่วยกันดูลุงละครับ ว่าจะอาละวาดมากน้อยแค่ไหน ตอนแรกแกก็จะไม่ยอมฟังอะไรละครับ ไม่ให้ตรวจไม่ให้อะไรทั้งสิ้น จะเอายาแก้ปวดเท่านั้น
สักพัก ผู้สงบทุกอย่าง ก็ปรากฏตัวอย่างอัศจรรย์ครับ
“ เมีย” สั้นๆง่ายๆได้ใจความ มาปุ๊บ
“อึงเอาเงินไปกินเหล้ามาใช่ไหม”
ลุงดูอาการดีขึ้นทันควันครับ
“เปล่าจ้ะ ก็ไม่ได้กินนี่ จะไปซื้อของ เจอเพื่อนนิดหน่อย แหม่ ก็เพื่อนร่วมรุ่นกัน”
“รุ่นไร อึงจบ ป. 4”
“ก็ เพื่อนสมัย ป. 4 ไงจ๊ะ มันนัดฉลองเลี้ยงรุ่นกันที พี่ไม่ได้อยากไป แต่ก็นะ มันก็คะยั้นคะยอ”
คำพูดดูดีขึ้นชัดเจนครับ แต่เหมือนจะสีหน้าไม่สู้ดี ปากสั่น มือสั่น หัวใจเต้นเร็ว ลักษณะเหมือนอาการหวาดกลัวอะไรมากๆ
“เนี่ยปวดหัวจังเลย เมียจ๋า”
“กลับบ้าน !!!”
“อ้าวแล้วเรื่องปวดหัว??”
“ไม่ปวดครับ ไม่ปวดแล้วจริงๆครับหมอ ให้ผมกลับเถอะครับ”
“เอ๋ ??????” ถ้าเป็นการ์ตูนตอนนี้ผมก็มีเครื่องหมายคำถามใหญ่ๆอยู่บนหัวละครับ
“ไม่ปวดแล้วครับ สบายดีครับ กลับละครับ”
งงครับ งงกันทั้งโรงพยาบาล
ก่อนกลับก็เลยแนะนำอาการเรื่องปวดหัว ให้หยุดเหล้า แล้วก็ให้ยาแก้ปวดไปเผื่อนะครับ ภรรยาลุงก็ขอโทษขอโพยยกใหญ่ และสันนิษฐานว่าเบื้องต้น ลุงน่าจะโดนจัดคืนนี้อย่างหนัก ได้แต่ภาวนาให้คุณป้ายั้งมือไว้บ้าง
ถ้าท่านเป็นหมอ คนไข้แบบนี้............
ประเด็นสุดท้าย คนไข้เมาบางครั้งเค้าไม่ได้อยากมาโรงพยาบาลและไม่ได้
อยากรักษานะครับ อ้าวแล้วมาได้ไง ประเด็นนี้โดยส่วนใหญ่ก็มักจะเป็น
อุบัติเหตนี่ละครับ จากนั้นก็เป็น เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำส่งบ้าง ญาติพามาบ้าง ผู้
หวังดีพามาบ้าง ซึ่งก็แน่ละครับ การนำส่งโรงพยาบาลเป็นสิ่งที่ดีที่ควรทำ แต่ในบางกรณี ปัญหามันตามมาหลังจากที่คนไข้มาถึงโรงพยาบาลนี่ละครับ บางครั้งด้วยความเมาละครับ เมาแล้วเก่ง เทพ บินได้ (อย่างกะพี่ตูน) แม้จะต้องรักษาขนาดไหนก็ปฏิเสธ ไม่ยอม อธิบายเท่าไรก็ไม่ฟัง (ก็แน่ละเมานี่หว่า) ด่าสวน อาละวาด ไม่ร่วมมือ ไม่ยอมให้เย็บ ไม่เข้าเฝือก บางกรณีมีเดินออกไปจากโรง
พยาบาลเลยก็มีครับ คนนำส่งก็งง หมอกับเจ้าหน้าที่ก็งง ญาติก็ต้องตามออก
ไปพูดก็ไม่สนใจ หมอกับเจ้าหน้าที่ก็ไม่รู้จะทำยังไงละครับ...
ตัวอย่างการสนทนาที่เคยประสบ
ชาย 20 ปีครับ ญาติผู้หญิงนำส่ง ด้วยเรื่อง มีแผลที่ศีรษะครับ สรุปคือไปกินเหล้ามาครับ แล้วไปมีเรื่องกับโต๊ะข้างๆ โดนเค้าตีหัวมา ไม่สลบ มีแผลที่หัวซึ่งต้องเย็บแน่ๆ คนไข้ไม่ได้จะมาโรงพยาบาลครับ หลังจากถูกตีหัวเสร็จบังเอิญว่าญาติผู้หญิง(พี่สาว)จะไปรับกลับบ้าน เห็นแผลครับ เลยพามาโรงพยาบาลก่อน สังเกตตั้งแต่จะเข้ามาแล้วครับ พี่สาวก็ทั้งดึงทั้งลาก (พี่สาวตัวใหญ่กว่า) เลือดก็หยดมาตามทางละครับ พอมาถึงก็คงจะต้องเย็บ พอบอกจะเย็บครับ คนไข้ไม่เอาเลยครับ ไม่เย็บ ไม่ได้กลัวเข็ม ไม่ได้กลัวเลือด แต่ไม่เย็บ
“แผลยาวเลือดออกมากขนาดนี้คงต้องเย็บนะครับ”
“ไม่เย็บ”
“เลือดออกมากจะเสียเลือดมาก อาจจะช็อคได้นะ”
“ช่าง ผมไม่เป็นไร ให้ผมกลับบ้าน”
พี่สาวคนไข้ “จะกลับได้ไง อยู่นี่แหละ กลับไปเดี๋ยวก็มีปัญหาอีก”
“นั่นสิ หมอว่าเย็บเลยจะปลอดภัยกว่า แป๊บเดียว ฉีดยาชา”
“ไม่เย็บไง !!! มันหายเอง ไม่เย็บก็ไม่เย็บ ไกลหัวใจ” จะลุกออกจากโรงพยาบาล
พี่สาวคนไข้ “แต่มันใกล้สมองโว้ย เย็บก็เชื่อหมอดิ” จับแขนไว้
“ไม่เย็บบบบบบบบ”
จากนั้นคนไข้ก็สลัดตัวดิ้นสุดชีวิตแล้ววิ่ง ออกจากห้องฉุกเฉินครับ !!!
เร็วขนาดที่คิดว่าถ้ามีสติดีจะแนะนำให้ไปคัดตัวทีมชาติ
ประเด็นถัดมาคือญาติก็ตามไปครับ แต่ตามกันไปจนออกไปนอกโรงพยาบาลแล้วก็เห็นพากันขึ้นรถขับออกไปเลย
10 นาทีกลับมาใหม่ครับ คนไข้หน้ามืด เลือดออกเยอะครับ ดิ้นไม่ไหว พี่สาวก็เลยพากลับมาโรงพยาบาลใหม่ เลยได้ทั้งเย็บ นอนโรงพยาบาลให้น้ำเกลือกันไปต่อ
ถ้าท่านเป็นหมอ คนไข้แบบนี้............
เห็นไหมครับ ว่าคนไข้เมานี่ ไม่ธรรมดาครับ นอกจากจะต้องดูเรื่องโรคที่เป็น อาการที่มาแล้ว ยังต้องคิดถึงความเมาที่จะทำให้การรักษายากขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นก็อย่ากินกันเลยครับ สุรา นะ ยิ่งใกล้ช่วงปีใหม่ด้วย ไม่กินเป็นการดี แต่ถ้าชีวิตนี้ถึงขั้นขาดเหล้าไม่ได้ ก็อย่าถึงขั้นขาดสติ เมาแล้วอย่าขับ อย่าไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น และ(สุขภาพ)ตัวเองเลยนะครับ
ยังมีประเด็นอื่นที่น่าสนใจ ไว้มาต่อคราวหน้าครับ
คนไข้แบบนี้...........
เพียงแต่ติดภารกิจบางประการและหมดมุข เลยทำให้ขาดช่วงไปบ้าง ใครสนใจว่าผมเป็นใคร เคยเขียนอะไรไว้ ก็หาเอาตาม facebook ได้ครับ เพราะกระทู้เก่าๆ น่าจะระเหิดไปแล้วมั้ง ไม่แน่ใจ เพราะกระทู้ผมเองก็ไม่ได้เป็นขั้นกระทู้ทรงคุณค่าแพลตินั่มอะไร หรือหาจาก พี่ Google ก็ได้ครับ พี่เค้ารู้หมดเรื่องของผมนะ search “หมอใหม่หัวใจแนว” นะครับ (แหนะ แอบมีโฆษณาเล็กๆ)
งั้นมาเข้าเรื่องบทนี้กันดีกว่าครับ เมื่อจะเล่าเรื่องอะไรก็ต้องมีการปูเรื่องและเท้าความกันสักนิด เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นมาจากการที่ได้มีโอกาสไปพูดให้เด็กๆที่อยากเป็นหมอฟังนี่ละครับ แล้วมีคำถามหนึ่งที่ กระแทกใจจุงเบย
“เคยมีคนไข้ที่กวนๆไหมคะ” ประจวบเหมาะกับไปตรงกับคำถามคำถามหนึ่งที่เคยถามผมไว้ในเว็บบอร์ด (pantip) แห่งนี้ละครับ เมื่อประมาณ......ประมาณ........ประมาณ........................เอ่อ...........ช่างเถอะ ว่า
“คนไข้ประเภทไหนที่คนเป็นหมอคิดว่ารับมือยากที่สุดคะ”
จากคุณ นั่งตกปลาใต้ต้นตาลติดตลิ่ง
ซึ่งผมก็ได้ให้สิทธิ เป็นสิทธิในการขึ้นบันไดเลื่อนฟรีที่ ห้าง BIG D ทุกสาขา (ต้องขอบคุณห้าง BIG D มา ณ ที่นี้ด้วย)
จากทั้งหมดทั้งมวลนี้เองจึงได้เป็นข้อสรุปในการเกิดเรื่องนี้ขึ้น ตอนแรกว่าจะตั้งหัวข้อเรื่องว่า “คนไข้แบบนี้รับมือยาก....จุงเบย” แต่ก็นั่นละครับ คนไข้ก็คือคนไข้ จะไปใช้คำว่า “รับมือ” ก็อาจจะดู ใจร้างจุงเบยไปหน่อย งั้นเรื่องนี้ให้เติมกันเองแล้วกันตามความรู้สึกของทุกท่านเลยว่าหากท่านเป็นหมอท่านเจอคนไข้แบบนี้จะทำอย่างไร (และอีกอย่างรู้สึกแปลกๆและรำคาญเล็กๆกับไอ้จุงเบยเนี่ยแหละ)
เพื่อความสนุกและอารมณ์ร่วม เวลาดูละครก็ยังต้องมีอาการอินเลยเนาะ (ประหนึ่งว่าเป็นมุนินทร์) แต่ไม่ต้องถึงขั้นไปตบใครหน้ากระทรวงนะฮะ เอาแค่จินตนาการสนุกๆก็พอว่าถ้าท่านเป็นหมอ ท่านจะทำอย่างไร
โดยแน่นอนครับเมื่อท่านเป็นหมอก็ต้องมีข้อแม้ของการเป็นหมอกันสักหน่อย
1. ท่านเลือกคนไข้ไม่ได้ครับ คงต้องเจอบ้าง มาแบบไหนก็ต้องรักษากัน
เต็มที่เท่าที่จะทำได้
2. ท่านไม่สามารถบอกว่าไม่รักษาคนไข้คนนี้ ปล่อยไว้ตรงนี้ ช่างเค้าไม่
สนใจไม่ได้ครับ
3. การตอบโต้ใดของท่านจะส่งผลถึงการฟ้องร้อง ร้องเรียน ทั้งต่อหน่วย
งานที่สังกัด ออกสื่อ ปัญหามากมายที่จะตามมา
4. เอาละเอาข้อแม้แค่นี้ก่อนจริงๆยังมีข้อแม้อีกหลายๆอย่างนะครับแต่จะ
เครียดกันเกินไปละ เอาฮาหน่า......
คนไข้ที่มารักษาตามโรงพยาบาลเนี่ยมีหลายรูปแบบนะครับ แต่โดยส่วนใหญ่ก็เป็นคนไข้ที่อยากหาย มาตรวจตามปกติ รับยา ปรึกษาหมอ ซึ่งแน่นอนครับคนไข้นี้เป็นคนไข้ที่ควรจะเป็น หมอก็รักษาไปไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่นา แต่จริงๆแล้วคนไข้เองบางครั้งไม่ได้มาแบบนี้ครับ (เฮ้ย!!!) มาแบบไหน มาแบบที่หมอเห็นแล้วก็...........
เอ้า !!! แบบไหนจัดเลยแล้วกัน (การจัดลำดับไม่ได้อยู่กับผลการโหวตและคะแนนนะครับ บร๊ะ ยังกะนางงาม)
1. คนไข้เมา
มาแรงแซงทางโค้งกระจุยกระจาย กับคนไข้เมาครับ ในการเป็นหมอเนี่ย มีหลายๆครั้งครับที่ต้องตรวจคนเมา เมาทุกรูปแบบครับ เมาเหล้า เมายา เมารัก (อันนี้มีจริงนะเออ)
คนไข้เมามักจะมาที่ไหนแน่นอนครับ มาที่ห้องฉุกเฉิน สาเหตุที่มาก็อุบัติเหตุ กู้ภัยนำส่ง ญาติพามา เพื่อนพามา คนรู้จัก คนที่ชน ต่างๆนานา ซึ่งแน่นอนครับโอกาสที่คนไข้มาเองมีบ้างแต่ไม่ค่อยบ่อย
คนไข้เมามาที่โรงพยาบาลหมอหลายๆคนต้องคิดบ้างละว่า “งานเข้าอีกละ” ทำไมละ
ประเด็นแรก บางครั้ง คนเมาให้ประวัติมั่วซั่วครับ ถ้าคนไข้มาด้วยประวัติ
อุบัติเหตุ และดูเมาๆ ส่วนใหญ่ก็จะซักประวัติจากผู้ที่เห็นเหตุการณ์ เจ้า
หน้าที่นำส่ง แล้วตรวจร่างกายประกอบ
แต่ถ้าไม่ได้มาด้วยอุบัติเหตุอันนี้ลำบากกว่าครับ(จากที่ลำบากอยู่แล้ว)
แล้วยิ่งมาคนเดียวด้วยนะ ไม่มีญาติหรือคนรู้เรื่องมาด้วย อันนี้ไปกันใหญ่
ครับ และอย่างที่ผมเคยบอกว่า การที่แพทย์จะวินิจฉัยโรคอะไรนั้นก็เป็น
การซักประวัติ ตรวจร่างกาย เป็นข้อมูลหลักที่ใช้ในการตัดสินใจ จากนั้น
ค่อยไปเจาะเลือด และเอกซเรย์เพิ่มเติมตามโรคที่สงสัยว่าจะเป็น
เพราะฉะนั้น ถ้าประวัติมามั่ว การตรวจร่างกาย เจาะเลือด เอกซเรย์อะไรบาง
ครั้งก็ทำได้ลำบากครับ เพราะเริ่มต้นก็ยังไม่รู้เลยว่าน่าจะเป็นโรคอะไร
ตัวอย่างการสนทนาที่เคยประสบ
คนเมาสัก 55 ปีครับ ดวดยาดอง + 40 ดีกรีมา (ผู้ปกครองควรพิจารณา) แอ๋มาเลยครับ ตี 2 เดินเข้าห้องฉุกเฉินมา ประกาศลั่น
“หมอ !!!! พยาบาล !!!!! เฮ้ยยยยยยย !!!! อยู่ไหนวะ !!!!”
“มีไรครับลุง เป็นไรมา” บุรุษพยาบาลทัก
“ปวดหัววะ เป็นไข้ อยากเจอหมอ”
“ปวดแบบไหนละ”
“เอาน่าก็อยากเจอหมอนะ มีไข้สูงมาหลายวันแล้ว หนาวสั่นไปหมด”
พยาบาลก็วัดไข้ครับ วัดได้ ประมาณ 37.3 องศาเซลเซียส
“ไม่มีไข้นะ”
“ก็ที่บ้านมันมี หนาวสั่นไปหมด นี่กินยาลดไข้มา”
พยาบาลก็เลยตามผมไปดูครับ
“ลุงมีไข้มาเหรอครับ”
“เออ”
“มีมากี่วัน”
“จะ 2 อาทิตย์แล้ว”
“แล้วทำไมเพิ่งมาตอนนี้ละ ไปรักษาที่อื่นมารึเปล่า”
“จะไปที่อื่นมาได้ไง ไข้ขึ้นเมื่อวาน ถามไรไม่ได้เรื่อง”
“อ่าว สรุปไข้ขึ้นเมื่อไร”
“ก็เป็นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่เกิดแหละ เป็นๆหายๆ เป็นๆ หายๆ อยากมารักษาให้หายขาด”
“ที่เป็นไข้เป็นๆหายๆเนี่ย เคยไปหาหมอรึเปล่า”
“ไม่เคย กินยาเอา กินแล้วก็หาย”
“แล้วครั้งนี้เป็นมากี่วัน”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ ไม่ได้ไข้ขึ้นเว้ย เอ็งเอาอะไรมาพูดหมอ” แล้วก็โซเซๆ ครับ ฟุบหลับคาเตียง
“ลุง ลุง เป็นไง ตอบหน่อย”
“คนจะหลับจะนอนอย่ายุ่งดิ หมออะไรวะ กวนคนไข้อยู่ได้”
“แล้วสรุปเป็นไข้ป่ะ ลุงครับ ลุง...”
“ZZZZZZZZ แจ๊บๆ”
ตอนนั้นสิ่งที่คิด ก็คือ !@#$%^&*()_ Z ไม่รู้จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดยังไง ได้แต่มองหน้าคุณพยาบาล จากนั้นก็เลยให้นอนอยู่ตรงนั้นก่อนครับ ติดต่อญาติก็ไม่รู้จะติดต่อยังไง หมดทั้งตัวไม่มีอะไรเลย
ซึ่งตอนเช้าค่อยมาประเมินอีกที
“เหรอ ลุงไม่รู้ตัวเลย 555555 ลุงพูดยังงั้นเหรอ 55555555ไม่ร้อกก ลุงสบายดี เตะปี๊บดัง ไม่เคยป่วย ลุงกลับก่อนนะ 555555”
ถ้าท่านเป็นหมอ คนไข้แบบนี้............
ประเด็นถัดมาคนไข้เมา บางคนอาละวาดครับ นอกจากคุยกันไม่รู้เรื่อง
แล้ว ยังเหมือนจะมาอาละวาดที่โรงพยาบาลอีก มาทั้งรูปแบบคนไข้ หรือมา
อารมณ์เป็นญาติ คนไข้บางคนเคยตรวจตอนที่ไม่มีเหล้ามาร่วม ก็ดูดีนะ
ครับ แต่พอมาอีกครั้ง ในรูปแบบเมาเหมือนเป็นคนไข้คนละคนเลยทีเดียว
ตัวอย่างการสนทนาที่เคยประสบ (ขออนุญาตมีอึงกูในบางประโยคเพื่ออรรถรสนะครับ)
ชาย 52 ปีครับ มาด้วยเรื่องปวดหัว แต่แน่นอนครับเป็นหลังจากกินเหล้า
พุ่งเข้ามาใน ห้องฉุกเฉินเลยครับ ไม่สนใจคุณพยาบาลเจ้าหน้าที่คัดกรองใดๆทั้งสิ้น แล้วประกาศเสียงอย่างดัง
“เฮ้ย หมอ !! เอายาแก้ปวดมาหน่อย”
“ลุงเป็นไรมาครับ”
“ปวดหัว เอายามาก่อน”
“ปวดยังไง มีไข้รึเปล่า”
“ไอ้.......!@#$%^&*()_+_)(*&^%$#@! (มันส์กว่า แรงเงาแน่ๆ) ก็หลุดมาหมดละครับ สัตว์เล็ก สัตว์ใหญ่ ปล่อยสัตว์กันเพ่นพ่านโรงพยาบาลจับกันไม่ทันทีเดียว”
“ก็ ต้องซักประวัติก่อนนะครับ ถึงจะรู้ว่าเป็นโรคอะไรจะได้ให้ยาแก้ปวดถูกตัว ถูกโรค”
“เอ้านี่ อะไรวะ น้ำใจ น้ำใจ นะ เฮ้ย !@#$%^&*()__(&^%$# (จัดต่อ) ”
สักพัก ก็ต้องตาม รปภ. มาช่วยกันดูลุงละครับ ว่าจะอาละวาดมากน้อยแค่ไหน ตอนแรกแกก็จะไม่ยอมฟังอะไรละครับ ไม่ให้ตรวจไม่ให้อะไรทั้งสิ้น จะเอายาแก้ปวดเท่านั้น
สักพัก ผู้สงบทุกอย่าง ก็ปรากฏตัวอย่างอัศจรรย์ครับ
“ เมีย” สั้นๆง่ายๆได้ใจความ มาปุ๊บ
“อึงเอาเงินไปกินเหล้ามาใช่ไหม”
ลุงดูอาการดีขึ้นทันควันครับ
“เปล่าจ้ะ ก็ไม่ได้กินนี่ จะไปซื้อของ เจอเพื่อนนิดหน่อย แหม่ ก็เพื่อนร่วมรุ่นกัน”
“รุ่นไร อึงจบ ป. 4”
“ก็ เพื่อนสมัย ป. 4 ไงจ๊ะ มันนัดฉลองเลี้ยงรุ่นกันที พี่ไม่ได้อยากไป แต่ก็นะ มันก็คะยั้นคะยอ”
คำพูดดูดีขึ้นชัดเจนครับ แต่เหมือนจะสีหน้าไม่สู้ดี ปากสั่น มือสั่น หัวใจเต้นเร็ว ลักษณะเหมือนอาการหวาดกลัวอะไรมากๆ
“เนี่ยปวดหัวจังเลย เมียจ๋า”
“กลับบ้าน !!!”
“อ้าวแล้วเรื่องปวดหัว??”
“ไม่ปวดครับ ไม่ปวดแล้วจริงๆครับหมอ ให้ผมกลับเถอะครับ”
“เอ๋ ??????” ถ้าเป็นการ์ตูนตอนนี้ผมก็มีเครื่องหมายคำถามใหญ่ๆอยู่บนหัวละครับ
“ไม่ปวดแล้วครับ สบายดีครับ กลับละครับ”
งงครับ งงกันทั้งโรงพยาบาล
ก่อนกลับก็เลยแนะนำอาการเรื่องปวดหัว ให้หยุดเหล้า แล้วก็ให้ยาแก้ปวดไปเผื่อนะครับ ภรรยาลุงก็ขอโทษขอโพยยกใหญ่ และสันนิษฐานว่าเบื้องต้น ลุงน่าจะโดนจัดคืนนี้อย่างหนัก ได้แต่ภาวนาให้คุณป้ายั้งมือไว้บ้าง
ถ้าท่านเป็นหมอ คนไข้แบบนี้............
ประเด็นสุดท้าย คนไข้เมาบางครั้งเค้าไม่ได้อยากมาโรงพยาบาลและไม่ได้
อยากรักษานะครับ อ้าวแล้วมาได้ไง ประเด็นนี้โดยส่วนใหญ่ก็มักจะเป็น
อุบัติเหตนี่ละครับ จากนั้นก็เป็น เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำส่งบ้าง ญาติพามาบ้าง ผู้
หวังดีพามาบ้าง ซึ่งก็แน่ละครับ การนำส่งโรงพยาบาลเป็นสิ่งที่ดีที่ควรทำ แต่ในบางกรณี ปัญหามันตามมาหลังจากที่คนไข้มาถึงโรงพยาบาลนี่ละครับ บางครั้งด้วยความเมาละครับ เมาแล้วเก่ง เทพ บินได้ (อย่างกะพี่ตูน) แม้จะต้องรักษาขนาดไหนก็ปฏิเสธ ไม่ยอม อธิบายเท่าไรก็ไม่ฟัง (ก็แน่ละเมานี่หว่า) ด่าสวน อาละวาด ไม่ร่วมมือ ไม่ยอมให้เย็บ ไม่เข้าเฝือก บางกรณีมีเดินออกไปจากโรง
พยาบาลเลยก็มีครับ คนนำส่งก็งง หมอกับเจ้าหน้าที่ก็งง ญาติก็ต้องตามออก
ไปพูดก็ไม่สนใจ หมอกับเจ้าหน้าที่ก็ไม่รู้จะทำยังไงละครับ...
ตัวอย่างการสนทนาที่เคยประสบ
ชาย 20 ปีครับ ญาติผู้หญิงนำส่ง ด้วยเรื่อง มีแผลที่ศีรษะครับ สรุปคือไปกินเหล้ามาครับ แล้วไปมีเรื่องกับโต๊ะข้างๆ โดนเค้าตีหัวมา ไม่สลบ มีแผลที่หัวซึ่งต้องเย็บแน่ๆ คนไข้ไม่ได้จะมาโรงพยาบาลครับ หลังจากถูกตีหัวเสร็จบังเอิญว่าญาติผู้หญิง(พี่สาว)จะไปรับกลับบ้าน เห็นแผลครับ เลยพามาโรงพยาบาลก่อน สังเกตตั้งแต่จะเข้ามาแล้วครับ พี่สาวก็ทั้งดึงทั้งลาก (พี่สาวตัวใหญ่กว่า) เลือดก็หยดมาตามทางละครับ พอมาถึงก็คงจะต้องเย็บ พอบอกจะเย็บครับ คนไข้ไม่เอาเลยครับ ไม่เย็บ ไม่ได้กลัวเข็ม ไม่ได้กลัวเลือด แต่ไม่เย็บ
“แผลยาวเลือดออกมากขนาดนี้คงต้องเย็บนะครับ”
“ไม่เย็บ”
“เลือดออกมากจะเสียเลือดมาก อาจจะช็อคได้นะ”
“ช่าง ผมไม่เป็นไร ให้ผมกลับบ้าน”
พี่สาวคนไข้ “จะกลับได้ไง อยู่นี่แหละ กลับไปเดี๋ยวก็มีปัญหาอีก”
“นั่นสิ หมอว่าเย็บเลยจะปลอดภัยกว่า แป๊บเดียว ฉีดยาชา”
“ไม่เย็บไง !!! มันหายเอง ไม่เย็บก็ไม่เย็บ ไกลหัวใจ” จะลุกออกจากโรงพยาบาล
พี่สาวคนไข้ “แต่มันใกล้สมองโว้ย เย็บก็เชื่อหมอดิ” จับแขนไว้
“ไม่เย็บบบบบบบบ”
จากนั้นคนไข้ก็สลัดตัวดิ้นสุดชีวิตแล้ววิ่ง ออกจากห้องฉุกเฉินครับ !!!
เร็วขนาดที่คิดว่าถ้ามีสติดีจะแนะนำให้ไปคัดตัวทีมชาติ
ประเด็นถัดมาคือญาติก็ตามไปครับ แต่ตามกันไปจนออกไปนอกโรงพยาบาลแล้วก็เห็นพากันขึ้นรถขับออกไปเลย
10 นาทีกลับมาใหม่ครับ คนไข้หน้ามืด เลือดออกเยอะครับ ดิ้นไม่ไหว พี่สาวก็เลยพากลับมาโรงพยาบาลใหม่ เลยได้ทั้งเย็บ นอนโรงพยาบาลให้น้ำเกลือกันไปต่อ
ถ้าท่านเป็นหมอ คนไข้แบบนี้............
เห็นไหมครับ ว่าคนไข้เมานี่ ไม่ธรรมดาครับ นอกจากจะต้องดูเรื่องโรคที่เป็น อาการที่มาแล้ว ยังต้องคิดถึงความเมาที่จะทำให้การรักษายากขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นก็อย่ากินกันเลยครับ สุรา นะ ยิ่งใกล้ช่วงปีใหม่ด้วย ไม่กินเป็นการดี แต่ถ้าชีวิตนี้ถึงขั้นขาดเหล้าไม่ได้ ก็อย่าถึงขั้นขาดสติ เมาแล้วอย่าขับ อย่าไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น และ(สุขภาพ)ตัวเองเลยนะครับ
ยังมีประเด็นอื่นที่น่าสนใจ ไว้มาต่อคราวหน้าครับ