CR:
https://www.thansettakij.com/economy/629016
สบน. เปิดแผนบริหารหนี้สาธารณะปี 2568 รัฐบาลกู้เงินใหม่ 1.22 ล้านล้านบาท เน้นพันธบัตรออมทรัพย์เป็นเครื่องมือหลัก พร้อมโรลโอเวอร์หนี้เดิมกว่า 1.74 ล้านล้าน เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการคลังในยุคเศรษฐกิจผันผวน
แผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2568 ที่ได้รับการปรับปรุงครั้งที่ 1 แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของรัฐบาลและสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ในการบริหารจัดการหนี้สาธารณะอย่างรอบคอบ มีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
โดยครอบคลุมทั้งแผนการก่อหนี้ใหม่และแผนการบริหารหนี้เดิม ซึ่งพันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรออมทรัพย์ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการระดมทุนและปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาล
แผนการก่อหนี้ใหม่ของรัฐบาลในปีงบประมาณนี้อยู่ที่ประมาณ 1.22 ล้านล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการกู้เงินในประเทศจำนวนกว่า 1 ล้านล้านบาท เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปี 2567 ที่มีการขยายเวลาการกู้เงิน
รวมทั้งการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณปี 2568 ที่คาดการณ์ไว้ประมาณ 865,700 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีกู้เงินต่างประเทศอีกประมาณ 40,000 ล้านบาท แต่ยังอยู่ในกรอบวงเงินตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะอย่างเคร่งครัด
สิ่งที่น่าสนใจคือ การกู้เงินเพื่อบริหารสภาพคล่องทางการเงินของรัฐบาล แม้ว่าจะมีกรอบวงเงินไว้ที่ 112,581 ล้านบาท แต่ในแผนปรับปรุงครั้งที่ 1 ปีนี้ไม่ได้มีการใช้วงเงินดังกล่าว ซึ่งสะท้อนถึงความระมัดระวังในการบริหารเงินสดและความมั่นคงทางการเงินของรัฐบาลอย่างรัดกุม
เปิดแผนบริหารหนี้ปี 68 รัฐกู้ 1.22 ล้านล้าน ลุยปรับโครงสร้างการคลัง
ในส่วนของแผนการบริหารหนี้เดิม หรือที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า Roll-over หรือ Refinance นั้น รัฐบาลได้วางแผนไว้ที่ประมาณ 1.74 ล้านล้านบาท โดยเป็นการบริหารจัดการหนี้ในประเทศ รวมถึงการปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนดชำระในปีงบประมาณ 2568 และช่วงปีต่อ ๆ ไปจนถึงปี 2572 แผนนี้รวมถึงการออกตราสารหนี้ใหม่ เช่น พันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรออมทรัพย์ เพื่อทดแทนพันธบัตรและตราสารหนี้เก่าที่ครบกำหนดชำระ
ทำไม รบ.Thailand 4.0 จึงไม่นำระบบงบประมาณฐาน 0 มาใช้ในการควบคุมหนี้สาธารณะให้มีประสิทธิภาพและป้องกันทุจริตซะทีล่ะ
สบน. เปิดแผนบริหารหนี้สาธารณะปี 2568 รัฐบาลกู้เงินใหม่ 1.22 ล้านล้านบาท เน้นพันธบัตรออมทรัพย์เป็นเครื่องมือหลัก พร้อมโรลโอเวอร์หนี้เดิมกว่า 1.74 ล้านล้าน เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการคลังในยุคเศรษฐกิจผันผวน
แผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2568 ที่ได้รับการปรับปรุงครั้งที่ 1 แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของรัฐบาลและสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ในการบริหารจัดการหนี้สาธารณะอย่างรอบคอบ มีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
โดยครอบคลุมทั้งแผนการก่อหนี้ใหม่และแผนการบริหารหนี้เดิม ซึ่งพันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรออมทรัพย์ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการระดมทุนและปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาล
แผนการก่อหนี้ใหม่ของรัฐบาลในปีงบประมาณนี้อยู่ที่ประมาณ 1.22 ล้านล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการกู้เงินในประเทศจำนวนกว่า 1 ล้านล้านบาท เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปี 2567 ที่มีการขยายเวลาการกู้เงิน
รวมทั้งการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณปี 2568 ที่คาดการณ์ไว้ประมาณ 865,700 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีกู้เงินต่างประเทศอีกประมาณ 40,000 ล้านบาท แต่ยังอยู่ในกรอบวงเงินตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะอย่างเคร่งครัด
สิ่งที่น่าสนใจคือ การกู้เงินเพื่อบริหารสภาพคล่องทางการเงินของรัฐบาล แม้ว่าจะมีกรอบวงเงินไว้ที่ 112,581 ล้านบาท แต่ในแผนปรับปรุงครั้งที่ 1 ปีนี้ไม่ได้มีการใช้วงเงินดังกล่าว ซึ่งสะท้อนถึงความระมัดระวังในการบริหารเงินสดและความมั่นคงทางการเงินของรัฐบาลอย่างรัดกุม
เปิดแผนบริหารหนี้ปี 68 รัฐกู้ 1.22 ล้านล้าน ลุยปรับโครงสร้างการคลัง
ในส่วนของแผนการบริหารหนี้เดิม หรือที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า Roll-over หรือ Refinance นั้น รัฐบาลได้วางแผนไว้ที่ประมาณ 1.74 ล้านล้านบาท โดยเป็นการบริหารจัดการหนี้ในประเทศ รวมถึงการปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนดชำระในปีงบประมาณ 2568 และช่วงปีต่อ ๆ ไปจนถึงปี 2572 แผนนี้รวมถึงการออกตราสารหนี้ใหม่ เช่น พันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรออมทรัพย์ เพื่อทดแทนพันธบัตรและตราสารหนี้เก่าที่ครบกำหนดชำระ