JJNY : เชตวันแนะรีดไขมันกองทัพ│ส.ส.ปชน.แฉงบทหารผ่านศึกโยกเปิดธุรกิจอื่น│ชยพลอัดงบกลาโหม 69│เหนือ อีสาน ยังมีฝนตกหนัก

เชตวัน แนะบันได 3 ขั้น-2 โมเดล รีดไขมันกองทัพ ใช้งบน้อยกว่าเกณฑ์ทหาร แถมเริ่มได้ทันที
https://www.matichon.co.th/politics/news_5206613

.
.
‘เชตวัน’ แนะใช้บันได 3 ขั้น-2 โมเดล ลดกำลังพล เพิ่มสวัสดิการ ลดงบประมาณ รีดไขมันกองทัพ โวทำได้ทันที
.
เมื่อเวลา 19.50 น. วันที่ 29 พฤษภาคม ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ต่อเป็นวันที่ 2
.
นายเชตวัน เตือประโคน ส.ส.ปทุมธานี พรรคประชาชน อภิปรายถึงการจัดงบประมาณของกระทรวงกลาโหมแบบใหม่ เปลี่ยนผ่านทหารสมัครใจ 100% ว่ากระทรวงกลาโหมของบประมาณปี 2569 ไว้ 204,434 ล้านบาท เพิ่มมา 4,713 ล้านบาท แต่เหมือนทุกปีคือไม่มีรายละเอียด เราต้องแยกประเภทเองว่ามีอะไรบ้างที่น่าจะเกี่ยวกับการเกณฑ์ทหารบ้าง จากที่คำนวณแล้วทั้งเงินเดือน เงินเพิ่มการครองชีพ เบี้ยเลี้ยง ค่าอาภรณ์ภัณฑ์ต่างๆ ตกอยู่ที่ราว 14,000 ล้านบาท เป็นเรื่องดีที่กองทัพมีโครงการพลทหารออนไลน์ แต่หากมีผู้สมัครใจเพิ่มด้วยอัตราเร่งแบบปัจจุบันนี้ก็มองไม่เห็นอนาคตเลยว่าจะเปลี่ยนผ่านได้เมื่อไหร่ รัฐบาลต้องแสดงความจริงใจเรื่องนี้ผ่านการจัดงบประมาณด้วย ทำอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเข้ามา ไม่ใช่ให้แต่ละหน่วย แต่ละค่าย ไปคิดทำกันเองตามมีตามเกิด ตามยถากรรม
.
นายเชตวันกล่าวต่อว่า ประเทศไทยยังใช้ระบบเกณฑ์ทหารแบบเมื่อ 135 ปีที่แล้ว ข่าวเสียหายที่เกี่ยวกับการทำร้ายทหารเกณฑ์ส่งผลให้เกิดกระแสเรียกร้องให้ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร และ “3 เสีย” ที่เกิดขึ้นอยู่ในกองทัพที่เราต้องเลิกให้ได้คือ 1.เสียมูลค่าทางเศรษฐกิจ เหตุจากการที่ดึงประชาชนในวัยทำงานออกจากระบอบการผลิตทางเศรษฐกิจไป
.
นายเชตวันกล่าวว่า 2.เสียเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนที่ควรต้องเคารพ แค่การบังคับคนไปเป็นทหารโดยที่ไม่สมัครใจก็เป็นการละเมิดเกินกว่าที่เราต้องยอมรับแล้ว เพราะประเทศไทยเป็นภาคีตราสารระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน ภายใต้สหประชาชาติหลายฉบับ รวมทั้งพันธกรณีที่รัฐภาคีต้องทำคือให้สิทธิมนุษยชนเกิดขึ้นจริงผ่านการเคารพ ปกป้องคุ้มครอง และส่งเสริมเติมเต็ม นี่คือเหตุผลที่ต้องแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) รับราชการทหาร พ.ศ.2497 เพราะหลักการและผลการดำเนินการเกี่ยวกับเกณฑ์ทหารที่ผ่านมาส่งผลทางละเมิดสิทธิมนุษยชน ทั้งตามกรอบกฎหมายภายในประเทศและกติการะหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง
.
นายเชตวันกล่าวอีกว่า 3.เสียชีวิตในค่าย ไม่ใช่สนามรบ ในฐานะคนที่ผ่านการเกณฑ์ทหารมาหากไม่กลัวว่าจะต้องเสียชีวิตในค่ายใครๆ ก็พร้อมที่จะสมัครเป็นทหาร แต่ถ้าต้องตายในค่ายมากกว่าไปตายในสนามรบ รวมถึงไปรับใช้นาย แต่ไม่ได้รับใช้ชาติ ใครอยากไปจะสมัคร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเคยให้สัมภาษณ์ว่าจริงๆ มีเคสไม่มาก แต่ว่าเป็นข่าวเยอะ พูดออกมาได้ทั้งที่ไม่ควรจะมีใครที่เสียชีวิตในค่ายทหาร
.
นายเชตวันกล่าวว่า ดังนั้น เสนอ บันได 3 ขั้น เปลี่ยนผ่านการเกณฑ์ทหารสู่ระบบสมัครใจ ซึ่งผมมั่นใจว่าถ้ารัฐบาลเอาไปทำตาม ประเทศไทยของเราจะไม่มีใครต้องไปเป็นทหารโดยไม่สมัครใจ ตั้งแต่ปี 2569 เลย
.
1. รีดไขมัน ลดกำลังพลลงได้อีก จากทหารธุรการมีความจำเป็นขนาดไหนที่กองทัพจะต้องเอาทหารกองประจำการ ที่มีวุฒิปริญญาตรี, ปวช-ปวส. ไปนั่งทำงานใน บก.ร้อย หากกองทัพต้องการคนไปทำงานธุรการจริงๆ ล่าสุดพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนกลาโหม ก็ผ่านสภาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สามารถเปิดรับบุคคลทั่วไปมาทำหน้าที่นั้นได้ทันที
.
2. ไขมันทหารรับใช้บ้านนายพล ที่กองทัพบอกว่าไม่มี ต่อให้อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ ล่าสุดเป็นข่าวเป็นว่านายสั่งให้ไปวิ่งแกร็บหาเงิน ซึ่งตรงนี้ล้ำกว่าการไปรับใช้ในบ้าน ตัดหญ้า ซักกางเกงใน ธรรมดาไปเลย ถือเป็นการเอาทหารรับใช้ไป ลงทุนสร้างมูลค่าเพิ่มได้อีกด้วย
.
3. ทหารถูกปล่อยตัวกลับรอปลด นายรับเงินเดือนแทน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่หลับตาคนละข้าง พลทหารได้กลับบ้านได้อยู่กับลูกเมีย ไปหางานหาการอื่นทำ ส่วนนายได้เงินเดือน หากเกณฑ์คนไปให้นายได้ปล่อย เพื่อกินเงินเดือน หมายความว่าเรามีทหารเกินความจำเป็นสามารถลดได้อีก
.
4. เทคโนโลยีที่ล้าสมัย เราไม่ได้ต้องการจำนวนคนมากมายเพื่อจะไปรบ แต่เราต้องการคนที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงต้องการยุทโธปกรณ์เทคโนโลยีที่ทันสมัย หรือแม้แต่การรับสมัครคนเข้าเป็นทหารก็สามารถใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยได้
.
นายเชตวันกล่าวต่อว่า บันไดขันที่ 2 เงินเดือน สวัสดิการ และสิทธิมนุษยชนที่ไม่ถูกละเมิด หากประชาชนไม่กลัวว่าต้องตายในค่าย สิทธิมนุษยชนไม่ถูกละเมิด รวมถึงมีสวัสดิการที่ดี คนก็พร้อมที่จะสมัครไปเป็นทหารทั้งสิทธิประโยชน์ที่กองทัพบกใช้จูงใจบุคคลให้เข้าเป็นทหารกองประจำการ ทั้งสวัสดิการรักษาพยาบาลกรณีอุบัติหรือเจ็บป่วย เงินช่วยเหลือกรณีประสบภัย ค่าตอบแทนพิเศษทุกอย่างดีแล้ว สำหรับเรื่องเงินเดือน มองว่าควรอยู่ที่ 15,000 บาท/เดือน จะทำให้ได้ยอดสมัครใจในการเป็นทหารมากขึ้น
.
ส่วนบันไดขั้นที่ 3 ระบบทหารอาสา เลิกบังคับเกณฑ์ได้ทันที จะทำให้เราได้คนที่มีประสิทธิภาพเข้ามาอยู่ในกองทัพ เพราะคัดสรรผ่านการสอบข้อเขียน ผ่านการทดสอบร่างกาย ผ่านการสอบสัมภาษณ์ เราจะได้คนที่ตั้งใจมาเป็นทหาร ไม่ใช่ได้คนที่ “ซวย” จับได้ใบแดง โดยมี 2 โมเดล คือทหารอาสาทั้งหมดสามารถเปิดรับทันที 50,000 นาย ไม่ต้องมีการเกณฑ์ใดๆ ทั้งสิ้น ปีต่อไปอีก 50,000 ได้ยอดทหารสะสมตามต้องการ เมื่อถึงปี 2571 ก็ค่อยมารับคนตามที่ขาด และทหารสมัครใจ คือรับทหารอาสา 25,000 และเกณฑ์อีก 25,000 ทั้ง 2 โมเดลนี้ เราสามารถเปลี่ยนผ่านระบบเกณฑ์สู่ระบบสมัครใจ โดยที่ไม่มีใครต้องโดน “ใบแดง” ได้ทันทีในปีงบประมาณ 2569 นี้เลย
.
นายเชตวันกล่าวว่า ด้วยบันได 3 ขั้น และ 2 โมเดล จะเป็นการลดกำลังพล เพิ่มสวัสดิการ ลดงบประมาณ และเพิ่มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะงบประมาณถ้ารีดดีๆ คำนวณแล้วจะใช้งบน้อยกว่าระบบเกณฑ์ทหารที่ผ่านมาถึงปีละ 4,500 ล้านบาท สำคัญอยู่ที่ว่ารัฐบาลมีเจตจำนงที่จะทำหรือไม่ เพราะทหารเกณฑ์กับทหารอาสา ถ้าเพิ่มเงินเดือน สวัสดิการ ความแตกต่างก็จะมีเพียงแค่นิดเดียวเอง อยู่ที่ว่ารัฐบาลจะกล้าไปรื้อระบบศักดินา ในกองทัพนี้หรือไม่
.

.
ส.ส.ปชน. แฉ งบทหารผ่านศึก โยกเปิดธุรกิจอื่น โกยเงินเข้ากระเป๋าผู้บริหาร
https://www.matichon.co.th/politics/news_5206590
.
ธนเดช แฉ งบยังชีพทหารผ่านศึก กลับนำไปใช้เปิดธุรกิจอื่น โกยเงินเป็นโบนัสเข้ากระเป๋าผู้บริหารองค์กร ขณะที่ทหารผ่านศึกนั่งรอเงินปันผลที่น้อยกว่า 10 เท่า ปูด ผอ.อผศ.พาครอบครัวเข้าใช้สิทธิ รพ.ทหารผ่านศึก ทำเสียงบกว่า 2.2 ล้าน จี้ รมต.สางปัญหาคืนเกียรติและศักดิ์ศรีให้การเสียสละเพื่อชาติ
.
เมื่อเวลา 20.25 น. วันที่ 29 พฤษภาคมที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ มี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธาน เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ต่อเป็นวันที่ 2
.
ร.อ.ท.ธนเดช เพ็งสุข สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายถึงงบประมาณขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ว่า ตนจะอภิปรายในหน่วยงานที่มากไปด้วยเกียรติศักดิ์คือหน่วยงานองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก หรือ อผศ. โดยงบอุดหนุนจากรัฐบาลที่ประกอบด้วยค่าใช้จ่ายดำเนินงานกว่า 42 ล้านบาท เงินอุดหนุนการให้การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกกว่า 1,316 ล้านบาท เงินอุดหนุนการให้การสงเคราะห์โรงพยาบาลทหารผ่านศึกกว่า 99 ล้านบาท การจัดตั้งเครือข่ายทหารผ่านศึกและทหารนอกประจำการเพื่อความมั่นคงกว่า 1,880 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในองค์การบริหารองค์การทหารผ่านศึกกว่า 12 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบสำหรับวีรบุรุษของประเทศนี้ ซึ่งไม่ได้บ่งบอกอะไรเลยว่าเงินจะถึงมือพวกเขาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยหรือไม่ และไม่ได้บอกเลยว่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และเกียรติศักดิ์ที่ทำไว้กับประเทศนี้จะทำให้ชีวิตเขาดีขึ้นอย่างไร
.
ก่อนหน้านี้ที่มีการอภิปรายงบตั้งแต่ปี 2567-2568 พวกเราไม่เคยอภิปรายงบองค์กรนี้ เพราะพวกเราเชื่อโดยสมัครใจว่าองค์กรนี้จะเป็นองค์กรที่บริสุทธิ์ มีความสุจริตและเที่ยงธรรม และจะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ทหารผ่านศึกมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่สิ่งที่ตนทราบมากลับไม่ใช่ กลับกลายเป็นองค์กรแสวงหาผลประโยชน์ เป็นแหล่งที่กลุ่มทุนกลุ่มยี่ปั๊วมากอบโกยเงินทอง และเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของทหารประเทศนี้ และมานั่งนับเงินบนคราบเลือดของเขา
.
ร.อ.ท.ธนเดช กล่าวต่อว่า ส่วนสิทธิประโยชน์ของทหารผ่านศึกตามชั้นบัตร ซึ่งแต่ละชั้นบัตรมีสิทธิ์ที่แตกต่างกันมาก โดยบัตรชั้นหนึ่งคือบัตรที่ไปรบแล้วได้รับเหรียญกล้าหาญ ได้รับเงินยังชีพอยู่ที่ 6,000 -9,000 บาท หากพิการจนทุพลภาพ ได้เพิ่ม 1,000 บาท และหากเสียชีวิตในสงครามครอบครัวของพวกเขาจะได้รับเบี้ยยังชีพอีก 4,000 บาท ส่วนบัตรชั้นที่ 2-4 ที่พิการหรือทุพลภาพได้ไม่เกิน 4,000 บาท ซึ่งจากที่กล่าวไปข้างต้นองค์กรนี้ไม่ได้ทำเพื่อทหารผ่านศึกด้วยความเต็มใจ ขณะที่ 7 กิจการพิเศษที่เป็นขุมทรัพย์ขององค์การทหารผ่านศึก ซึ่งเป็นขุมทรัพย์ที่เกาะกินทหารผ่านศึกอยู่จนถึงทุกวันนี้ ทั้งเป็นยี่ปั๊วรายใหญ่ในการขายหวยของประเทศนี้ รวมถึงเป็นบริษัทรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มีโรงงานในอารักษ์ที่มีพ่อค้าคนกลางที่ไม่มีโรงงานเป็นของตัวเอง ศาลหลักเมืองของคนไทยก็อยู่ในการกำกับดูแล รวมถึงจะมีการทำธุรกิจด้านพลังงาน มีโรงพิมพ์เป็นของตัวเอง และมีเกษตรอุตสาหกรรมและการบริการ
.
โดยกิจการแรก คือ สำนักงานจัดจำหน่ายสลากกินแบ่งและบุหรี่ ซึ่งตนตั้งคำถามว่าใช่หน้าที่ขององค์การทหารผ่านศึกหรือไม่ หากย้อนกลับไปความตั้งใจของกองสลากฯ เป็นความตั้งใจที่ดีซึ่งตั้งใจว่าจะให้โคต้าให้กับทหารผ่านศึก ซึ่งให้ อผศ.ยื่นเข้าไปตรวจสอบว่ามึผู้ตรวจสอบกี่หลาย ซึ่งจากที่ยื่นไป 203 คน และได้โควตาจำนวน 10,988 เล่มต่องวด เฉลี่ย 54 คนต่องวด แต่ อผศ.กลับจัดตั้งตงจำหน่ายสลากฯ และรวบโควตาเหล่านั้น โดยให้ผู้ที่ยื่นสิทธิ์ยินยอม ซึ่งหากรวมใน 1 งวดกำไรไม่ต่ำกว่า 8 ล้านบาท หากตีเป็นกำไรเฉลี่ย 200,421,120 บาท/ปี ซึ่งนำเงินส่วนหนึ่งมาปันผลให้กับทหารผ่านศึก โดยทหารผ่านศึกบัตรชั้น 1 ที่พิการกลับมา ได้ 13,700 บาทต่อปี ส่วนบัตรชั้น 2-4 ที่พิการได้ 2,000 บาทต่อปี รวมทั้งสิ้น 57 ล้านบาท ตนจึงตั้งคำถามว่าเงินที่เหลืออีกกว่า 140 ล้านบาทหายไปไหน ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าวว่า กลายเป็นเงินรางวัลจัดหนัก ตามระเบียบของ อผศ.ว่าในทุกกิจการพิเศษที่มีกำไรให้จ่ายเงินรางวัลให้กับผู้บริหารหน่วยงานปีละ 2 ครั้ง ครั้งละ 6 เดือน ซึ่งผู้อำนวยการ อผศ.คนปัจจุบันได้ครั้งละไม่เกิน 90,000 บาทต่อ 1 กิจการ ซึ่ง 2 ไตรมาสแรกของการขายหวย มีผู้บริหาร 12 คนของ อผศ. เกือบ 6 แสนบาท ขณะที่ ผอ.อผศ.ได้คนเดียว 7 หมื่นบาท ต่างจากทหารผ่านศึกที่ออกไปรบที่เพียง 13,000 บาทต่างกันถึง 10 เท่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่