มาดูกันว่าทำไมสุกี้ตี๋น้อยถึง เติบโตรอดจากโควิดและเติบโตในยุดต้มกบ

บทวิเคราะห์ Five Forces Model (โมเดล 5 แรง) ของ Michael Porter เพื่อทำความเข้าใจแรงกดดันทางการแข่งขันและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจของ สุกี้ตี๋น้อย มีดังนี้ครับ:

1. การคุกคามจากคู่แข่งรายใหม่ (Threat of New Entrants) - ปานกลางถึงสูง
    อุปสรรคในการเข้าสู่ตลาด (Barriers to Entry):
         ต้นทุนเริ่มต้น: การเปิดร้านบุฟเฟต์สุกี้มีต้นทุนเริ่มต้นที่ค่อนข้างสูง ทั้งค่าเช่าพื้นที่ (โดยเฉพาะในห้างสรรพสินค้า), ค่าตกแต่ง, ค่าครัว, ค่าอุปกรณ์
         , ค่าสต็อกวัตถุดิบ
         วัตถุดิบและ Supply Chain: การบริหารจัดการซัพพลายเชนวัตถุดิบปริมาณมากให้ได้ราคาถูกและคุณภาพคงที่ เป็นเรื่องท้าทาย
         การสร้างแบรนด์และความภักดีของลูกค้า: สุกี้ตี๋น้อยสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งด้วยราคาที่จับต้องได้และคุณภาพที่คุ้มค่า การสร้างความภักดีแบบนี้
         ต้องใช้เวลาและกลยุทธ์
         การบริหารจัดการพนักงาน: ธุรกิจร้านอาหารบุฟเฟต์ต้องการพนักงานจำนวนมากและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
         ปัจจัยที่เอื้อต่อคู่แข่งใหม่:
        โมเดลธุรกิจที่ชัดเจน: ตี๋น้อยพิสูจน์แล้วว่าโมเดลบุฟเฟต์ราคาเดียวที่คุ้มค่าเป็นที่ต้องการของตลาด ทำให้เป็นแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการรายอื่นเข้า
        มา ลอกเลียนแบบได้ง่าย
        การแพร่กระจายข้อมูล: สูตรลับหรือเทคนิคการจัดการอาจถูกเลียนแบบได้ง่ายในระดับหนึ่ง
         เงินทุน: หากมีผู้เล่นรายใหญ่ที่มีทุนหนาเข้ามา ก็สามารถลงทุนและขยายสาขาได้รวดเร็ว
2. อำนาจการต่อรองของผู้ซื้อ/ลูกค้า (Bargaining Power of Buyers) - สูง
     ตัวเลือกที่หลากหลาย: ตลาดสุกี้และชาบูบุฟเฟต์มีการแข่งขันสูง มีร้านให้เลือกมากมายทั้งแบรนด์ใหญ่และแบรนด์เล็ก ทำให้ลูกค้ามีอำนาจในการเลือกสูง
     ข้อมูลข่าวสารเข้าถึงง่าย: ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบราคา คุณภาพ และรีวิวร้านต่างๆ ได้อย่างง่ายดายผ่านโซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มรีวิว
     ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบรนด์ (Switching Cost) ต่ำ: ลูกค้าสามารถเปลี่ยนไปใช้บริการร้านอื่นได้ง่ายดาย แทบไม่มีต้นทุนหรือความยุ่งยาก
     ราคาเป็นปัจจัยสำคัญ: สำหรับกลุ่มลูกค้าของตี๋น้อย ราคาเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจ ทำให้มีความอ่อนไหวต่อราคา หากมีการปรับราคาขึ้น ลูกค้าอาจมองหาทางเลือกอื่น
3. อำนาจการต่อรองของซัพพลายเออร์ (Bargaining Power of Suppliers) - ต่ำถึงปานกลาง
     จำนวนซัพพลายเออร์: สุกี้ตี๋น้อยต้องการวัตถุดิบจำนวนมหาศาลและหลากหลาย (เนื้อสัตว์ ผัก น้ำจิ้ม เส้น วัตถุดิบอื่นๆ) ทำให้มีซัพพลายเออร์จำนวนมากที่พร้อมจะส่งมอบ
     ปริมาณการสั่งซื้อ: การสั่งซื้อในปริมาณที่มาก ทำให้ตี๋น้อยมีอำนาจในการต่อรองราคาและเงื่อนไขกับซัพพลายเออร์สูง
     วัตถุดิบมาตรฐาน: แม้จะเป็นวัตถุดิบคุณภาพดี แต่ส่วนใหญ่เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่หาซื้อได้ทั่วไป ทำให้ซัพพลายเออร์แต่ละรายไม่ได้มีอำนาจเหนือตลาดมากนัก
     ข้อจำกัด: หากเป็นวัตถุดิบบางชนิดที่หายาก หรือมาจากแหล่งจำกัด ซัพพลายเออร์อาจมีอำนาจต่อรองสูงขึ้น
4. การคุกคามจากสินค้าหรือบริการทดแทน (Threat of Substitute Products or Services) - สูงมาก
     ความหลากหลายของอาหาร: ผู้บริโภคมีทางเลือกด้านอาหารมากมายที่สามารถทดแทนสุกี้และชาบูได้ เช่น ปิ้งย่าง, บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น/ไทย, อาหารตามสั่ง, ฟาสต์ฟู้ด, หรือแม้กระทั่งการซื้อวัตถุดิบมาทำกินเองที่บ้าน
     ราคาและรูปแบบการบริโภค: หากสุกี้ตี๋น้อยมีการปรับราคาขึ้น อาจทำให้ลูกค้าบางส่วนมองหาทางเลือกอื่นที่มีราคาถูกกว่า หรือมีรูปแบบการบริโภคที่ตอบโจทย์ความสะดวกสบายมากกว่า (เช่น ซื้อกลับบ้าน, Delivery)
    ประสบการณ์ทางเลือก: ผู้บริโภคอาจเลือกประสบการณ์การกินที่แตกต่างออกไป เช่น ร้านอาหาร Fine Dining หรืออาหารเฉพาะทางอื่นๆ
5. การแข่งขันระหว่างคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน (Rivalry Among Existing Competitors) - สูง
     จำนวนคู่แข่ง: ตลาดสุกี้และชาบูบุฟเฟต์มีการแข่งขันที่รุนแรงมาก มีทั้งแบรนด์ใหญ่ระดับประเทศ (เช่น MK, Bar B Q Plaza, A La Carte) และร้านบุฟเฟต์สุกี้/ชาบูราคาประหยัด/พรีเมียมอื่นๆ อีกจำนวนมาก รวมถึงร้านหม่าล่าที่กำลังมาแรง
     การแข่งขันด้านราคา: เนื่องจากตี๋น้อยเล่นในตลาดราคาที่จับต้องได้ ทำให้คู่แข่งรายอื่นอาจใช้กลยุทธ์ราคาเพื่อดึงดูดลูกค้า
     ความแตกต่างของสินค้า/บริการ: แม้จะมีสไตล์เป็นของตัวเอง แต่แก่นของผลิตภัณฑ์ (สุกี้/ชาบูบุฟเฟต์) คล้ายคลึงกัน ทำให้ยากที่จะสร้างความแตกต่างที่ชัดเจนในระยะยาว
         การขยายสาขา: ทุกผู้เล่นต่างเร่งขยายสาขาเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด ทำให้การแข่งขันในพื้นที่ทำเลต่างๆ รุนแรงขึ้น



สรุปภาพรวม:

สุกี้ตี๋น้อยดำเนินธุรกิจอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูงและมีแรงกดดันจากทั้งอำนาจการต่อรองของลูกค้า และการคุกคามจากสินค้าทดแทนที่สูงมาก รวมถึงการแข่งขันภายในอุตสาหกรรมก็รุนแรง อย่างไรก็ตาม ตี๋น้อยสามารถสร้างความได้เปรียบด้วยกลยุทธ์ราคาที่คุ้มค่า (Value for Money) และการบริหารจัดการต้นทุนและสาขาที่มีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วและเป็นผู้นำในตลาดบุฟเฟต์สุกี้ราคาเข้าถึงง่ายครับ

ถูกผิดอย่างไร แนะนำด้วยนะ แค่อยากให้เพื่อนๆที่ทำธุรกิจอาหาร เรียนรู้และอยู่รอด ครับอมยิ้ม04

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่