หลวง​ปู่​ขาว​นั่งสมาธิ​แล้วไม่มีตัวตน​

กระทู้คำถาม
"ธรรมโอสถ หลวงปู่ขาว อนาลโย"

หลวงปู่ขาวนั่งหมด ท่านนั่งอยู่ภูวังแยงนี่ ๓ คืนเลย คืนที่ ๑ บูชาคุณพระพุทธเจ้า คืนที่ ๒ บูชาคุณพระธรรม คืนที่ ๓ บูชาคุณพระสงฆ์ นั่งตั้งแต่หัวค่ําจนยันสว่างเลยว่าอย่างงั้น ก้อนหินก้อนหนึ่งอยู่นั่น ว่าอย่างนั้น เขาไปถ่ายรูปเอา ก้อนหินที่หลวงปู่นั่งสมาธิ ๓ คืนนี้ เราก็สงสัย หลวงปู่ไม่เจ็บไม่ปวดเหรอ ไม่เจ็บแข้ง เจ็บขา ไม่ออกร้อนออกรนหรือ

ท่านบอกว่า “จะเอาอะไรมาเจ็บ มันไม่มีขา นั้น มันไม่มีหัวเข่า มันไม่มีตัว ตัวก็ไม่มี เราก็ไม่มี เขาก็ไม่มี สัตว์ก็ไม่มี บุคคลก็ไม่มี จะเอาอะไรมาเจ็บ” นี้ แปลว่า ท่านถอดจิตออก พวกเราแบกกันนี้ ปล้ำกันอยู่นี่ ขึ้นกูลง ลงกูขึ้นอยู่นี่ โอ๊ยเจ็บ ๆ โอ๊ยสารพัด นี่มันจึงเป็นทุกข์ ไม่รู้จักปล่อย ไม่รู้จักวาง

หลวงปู่ขาว ท่านไปอยู่หวายสนอย ท่านอาจารย์จวน อาจารย์เพ็ง ไปอยู่ที่ถ้ำพวง โน้น หลวงปู่ขาวท่านป่วยทุกวัน ไข้ป่าจับ วันนี้กูจะต่อสู้กับไข้ป่า พอฉันจังหันเสร็จทุกวันนี้ไข้ วันนี้ฉันจังหันเสร็จเข้าสมาธิเลย เข้าสมาธิห่มผ้าอย่างดีพาดบ่า พาดสังฆาฏิเข้าสมาธิ กําหนด “วันนี้กูจะดูเวทนาว่าอย่างนั้น มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง กูจะดูไข้” ภาษาท่านว่าไข้ ภาษาธรรม ว่าดูเวทนา เพ่งอย่างเดียว เพ่งอยู่ที่ความเจ็บ มันเจ็บที่ตรงไหน เอาจิตไปจ่อไว้ เพ่งไปเพ่งมา เห็นเป็นตัวเลยเวทนา ตัวนิดเดียว พอไปขึ้นทางหัวนี่ หัวสั่นดึ๊ก ๆ ๆ พอไปทางตีน ตีนสั่น เวทนาตัวนี้เหมือนกันกับผีนี่ ทําให้ร่างกายนี่ ร่างกายสั่นหนาวสั่นสะเทือนสะท้านเลย

ท่านติดตามไล่ตัวเวทนานี้ เอาดี ๆ เอาดี ๆ ตั้งสติดี ๆ ไล่มันออก ๆ ไล่ไปไล่มา ผุดออกเลยเวทนานี่ คือความไข้นี่ ไข้ป่านี่มันเป็นตัว พอไข้ไอ้เวทนานี่ผุดออกทางโป้ตีน ว่าอย่างงั้น ท่านก็ยกปืนขึ้นมาเลย ไม่รู้ว่าปืนมาจากไหน อันนี้มันเป็นเรื่องของสมาธิ ปืนก็ได้ แก่ปัญญานั่นแหละ ยกปืนขึ้นมาก็โป้ง ยิงเลย พอยิงถูกเวทนานี่ ไอ้เวทนานี่ ตายทันที ขาชี้ขึ้นมาเลย ท่านว่างั้น พอขาชี้ขึ้นมานี่จิตรวมเลย พรึบเป็นสมาธิ ตั้งแต่ ๙ โมงเช้า จนไปถึง ๓ ทุ่ม ดูสิ นั่งอยู่ไม่ได้ไหวติง ไม่ได้ไปไหนเลย จิตดับหมดเลย เสียงวัว เสียงควาย เสียงคน เสียงอะไร เสียงเขามาทํากุฏิ ตีเปิ้ง ๆ ๆ นี้ไม่ได้ยินเลย ดับหมดเลย ดับ หายหมดเลย ท่านว่า สัญญาเวทยิตนิโรธ มันดับหมด

พอถึง ๓ ทุ่ม พวกแม่ขาวสา แม่ขาวอะไรนี่สวดมนต์ รู้สึกขึ้นมา เอ เสียงอะไร มันถอนออกมานะ มันกี่ชั่วโมงดูสิ ตั้ง ๑๐ ชั่วโมงอยู่นั่นน่ะ พอมันถอนออกมา เอ มันเสียงคน เสียงคนอยู่ไหน นั่น มันดับหมด เสียงน้อย ๆ เสียงผู้หญิง โอ้ เสียงแม่ชีสวดมนต์ โอ้ เรานั่งอยู่ไหนล่ะนี้ไม่รู้เลย เอามือคลําไป โอ้ นี่หมอน โอ้ นีมุ้ง นี่ทางหัว นี้ทางขา จนถึงขนาดนั้นน่ะ มันดับ ดับสัญญาอารมณ์หมดเลย จนค่อยฟื้นขึ้นมา ตั้งแต่นั้นมาไข้เหมือนปลิดทิ้งเลย ไม่จับไข้ ไม่สั่น นี้ท่านว่า “ธรรมโอสถ” เอาสมาธิต่อสู้ อย่างมั่นแหม เออ หลวงปู่ขาวสิ หยอกเมื่อไหร่ เรื่องทําความเพียรนี่ยอด

หลวงปู่มหาบัวบอกว่ายอดเพชรน้ำหนึ่ง ทําความเพียรไม่ติดกับใครเลย ตั้งแต่วันบวชมา ไม่เคยติดกับญาติโยมคนนั้นคนนี้ ไม่ พอออกพรรษาแล้วไป ออกพรรษาแล้วไป ไม่ติด ไม่ให้มันติด สํารวมอยู่ในป่าเลย บําเพ็ญอยู่ในป่าตลอดเวลาเลย อยู่กับช้างกับเสือ ท่านไม่ได้สนใจว่าจะมีกินหรือไม่มีกิน จะอดหรือไม่อด ไม่สนใจเลย มี บางที่นี่ท่านบอกว่า ไปบิณฑบาตได้แต่ข้าว แต่มาฉันนี่แหมมันหวาน อร่อยหอมข้าว เอ ทําไมจึงเป็นอย่างนี้ ข้าวนี่มันไม่ได้หอม ไม่ได้หวานถึงขนาดนี้ ทําไมมันจึงเป็นอย่างนั้น พอมานั่งสมาธิตอนกลางคืน โอ้ พวกผีบังบด ภาษาเราว่าผีบังบด ภาษาธรรมก็ว่าพวกเทพ เขาเอาอาหารทิพย์มาใส่ เขาบอกว่าข้าพเจ้าก็ทําบุญเหมือนกันนั่น ตักบาตรเหมือนกัน ตักบาตรพระผู้เป็นเจ้า

นี่เห็นไหม พระที่ดีนี่ มนุษย์ไม่เห็น เทวดาก็เห็น เทวดาไม่เห็น ก็มีรุกขเทวดา ภุมเทวดารักษา เอาของทิพย์มาใส่บาตรให้ ท่านไปอยู่ภูค้อองค์เดียว ๓ เดือนไม่ได้ไปบิณฑบาต เพราะบ้านไม่มี แม่ขาวสานึ่งขาวให้ก้อนหนึ่งกับเกลือกับพริกเท่านั้นเอง ท่านบอกว่า หลวงปู่มั่นนี่เหาะมาทุกวันเลย เป็นไงขาวสบายดีหรือ เราสงสารขาวนะมาอยู่เป็นเพื่อน หลวงปู่มั่นแสดงธรรมะสงสัยอะไรถามนะขาวนะ เออ หลวงปู่มั่นถาม หลวงปู่มั่นเทศน์ เทศน์ให้ฟังจนสามารถรู้อะไรทั้งหมด อย่างนี้นะ หลวงปู่มั่นบอกว่า อยากได้ของดีอ้าปากขึ้น เป่าปู้ดลงไปเลย โอ้ย รู้ รู้ถึงพื้นแผ่นดิน รู้ถึงในอากาศ จากไม่รู้ไม่มีเลย

พญานาคพากันขนครอบครัวหนีจากที่หลวงปู่ขาวอยู่ ถ้ำนั้นมันอยู่ต่ำ พวกนาค ทั้งหลายมันอยู่ที่สูง มันขนครอบครัวออก มันบอกว่า จะไปไหนล่ะ หลวงปู่ขาวถามจะไปไหน โอ๊ย พระคุณเจ้า พระคุณเจ้าเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ เป็นอริยะสงฆ์ พวกผมเป็นปุถุชนคนหนา มีกิเลสจะอยู่เหนือพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ พวกผมจะต้องอพยพครอบครัวลงไปอยู่ข้างใต้นู่น นี้รู้ถึงขนาดนั้น รู้ เทวดามายังไง พญานาคนิมนต์ไปเมืองบาดาล ท่านลงไปเมืองบาดาลนี่ ด้วยอํานาจอิทธิฤทธิ์ของท่าน ไปเห็นเมืองพญานาค สวยที่สุด ลงไปบาดาลนี้ น้ำในบาดาล ไม่เหมือนกันกับน้ำธรรมดา น้ำธรรมดานี่ต้องไหลไปทางทิศใต้ ไหลไปทางต่ำ แต่น้ำบาดาลนี่ เมืองบาดาลนี้ น้ำไหลขึ้นเหนือ ขึ้นใต้ ตะวันออก ตะวันตกนั้นไหลไปหมดเลย

ไปเห็นลูกสาวพญานาคสวยที่สุด สรรเสริญท่าน อะหันนะเม นะเมนะวะ ชาติ นะ วะ อะหันนะเม นะเมนะวะ ชาตินะวะ แปลว่า โอ๊ย เราดีใจพระอรหันต์มาเยี่ยมบ้านเราแล้ว เราได้ทําบุญแล้ว นั่น เราไม่รู้อะไรล่ะพวกเรา กินเต็มอิ่ม นอนเต็มอิ่มแล้วมันได้อะไร ท่านรู้ เรื่องหมดเลย พวกเทพอยู่ที่ไหน มาฟังเทศน์ ฟังธรรม รู้หมด ด้วยจักขุคือตาทิพย์ หูทิพย์ เจโตปริยาย รู้จักใจของบุคคลผู้อื่น นี่ครูบาอาจารย์ ท่านทําถึงขนาดนี้ท่านจึงได้ ท่านทําจริง เพราะฉะนั้นพวกเราทั้งหลาย อย่าให้ความจริงท้าทายเรา อย่าให้ความจริงท้าทายว่า มรรค ผล นิพานนี่มันหมดแล้วหรือ มันเสื่อมหมดหรือ ลองค้นหาดูซิ
(ถอดจากกัณฑ์เทศน์ที่ ๙ เรื่องไฟเผาโลก เมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๓๗ )



คัดลอกจากหนังสือ “เขมาภิรโตรฤก” ประวัติและคติธรรม หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต ;
หน้า ๔๗๔-๔๗๖ ; จัดพิมพ์โดยศิษยานุศิษย์วัดถ้ำกลองเพล ; ๒๕๖๑
#ขออนุญาตผู้จัดทำหนังสือคัดลอกบทธรรมะเพื่อเผยแผ่เป็นธรรมทานครับ . . . สาธุ

#หลวงปู่ขาว #หลวงปู่บุญเพ็ง #วัดถ้ำกลองเพล #ธรรมโอสถ #เปิดค่าการมองเห็น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่