ความดันโลหิตสูงเป็นกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง แต่เป็นโรคสำคัญที่ควรได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเพื่อไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพในอนาคต เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคไตวายระยะสุดท้าย พื้นฐานการดูแลสุขภาพที่สำคัญในการควบคุมความดันโลหิต ได้แก่ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางสุขภาพของตนเอง และการรักษาโดยการรับประทานยา ซึ่งจะช่วยให้ความดันโลหิตกลับเข้าสู่ระดับที่เหมาะสม ลดโอกาสการเกิดโรคต่างๆ และดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุข
อาการของโรคความดันโลหิตสูง
-ปวดศีรษะ
-เวียนศีรษะ (dizziness) มักพบว่าเกิดร่วมกับอาการปวดศีรษะ
-เลือดกำเดาไหล (epistaxis)
-เหนื่อยหอบขณะทำงาน หรือมีอาการเหนื่อยหอบจนนอนราบไม่ได้ แสดงถึงการมีภาวะหัวใจห้องล่างซ้ายล้มเหลว
อาการอื่นๆ ที่อาจพบร่วม ได้แก่ อาการเจ็บหน้าอกสัมพันธ์กับภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดจากการมีเส้นเลือดหัวใจตีบ หรือจากการมีกล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวมากจากภาวะความดันโลหิตสูงที่เป็นมานานๆ
ไขคำถามยอดฮิตความดันสูงกับยา
ทำไมต้องกินยา หรือต้องรักษาต่อเนื่องทั้ง ๆ ที่ไม่มีอาการผิดปกติ?
ความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยให้เกิดเส้นเลือดหัวใจอุดตัน เส้นเลือดสมองตีบหรือแตก ไตวายเฉียบพลันหรือเรื้อรังได้ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการเตือนของความดันโลหิตสูงผิดปกติ เช่น ปวดศีรษะ มึนศีรษะ นำผู้ป่วยเข้าสู่การรักษา แต่บางรายอาจไม่มีอาการใด ๆ จนทำให้เกิดผลแทรกซ้อนของภาวะความดันโลหิตสูงเสียแล้ว เช่น แขนขาอ่อนแรง ปากเบี้ยว เจ็บแน่นหน้าอก หมดสติ ซึ่งก่อให้เกิดความทุพพลภาพ จึงจำเป็นที่ต้องทานยาควบคุมความดันโลหิตอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาระดับความดันโลหิตเฉลี่ยให้ต่ำกว่า 130/80 มิลลิเมตรปรอท ยกเว้นผู้ที่อายุมากหรือมีโรคไตเรื้อรังอาจผ่อนผันให้ตั้งเป้าหมายต่ำกว่า 140/85 มิลลิเมตรปรอทได้
ต้องกินยานานแค่ไหน?
ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงควรใช้ยาลดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอตามแพทย์สั่ง ไม่ขาดยา ลดขนาดยา หรือเพิ่มขนาดยาเอง และควรพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง นอกจากนี้ผู้ป่วยไม่ควรใช้ยาลดความดันโลหิตของผู้อื่น เพราะร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน เช่น มีการทำงานของไต โรคร่วมหรือยาอื่นที่ใช้อยู่เดิมแตกต่างกัน แต่ยาลดความดันโลหิตสูง ไม่ใช่ทางออกสุดท้าย การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อช่วยลดความดันโลหิต เช่น การงดสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ ลดทานเค็ม ลดปริมาณไขมัน รับประทานผักและผลไม้ ลดน้ำหนัก ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ30นาทีอย่างสม่ำเสมอ ก็สามารถทำให้ลด หรือหยุดใช้ยาได้ตามที่แพทย์เห็นสมควร
กินยาทุกวันจะมีผลต่อไตหรือตับไหม?
การใช้ยาลดความดันโลหิตสูงด้วยขนาดที่เหมาะสม และติดตามผลข้างเคียงอย่างใกล้ชิด จะช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดผลแทรกซ้อนที่รุนแรงจากภาวะความดันโลหิตสูงได้ ผู้ป่วยจะได้ประโยชน์มากกว่าโทษอย่างมาก
การวัดความดันเป็นประจำที่บ้านเป็นสิ่งสำคัญหรือไม่?
การวัดความดันโลหิตที่บ้านมีส่วนช่วยกระตุ้นให้ผู้ป่วยรับประทานยาและควบคุมความดันโลหิตได้ดีอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยกลุ่มหนึ่งที่มักมีความดันโลหิตสูงขึ้น (White-coat hypertension) หรือต่ำกว่าค่าปกติเฉพาะเวลามาโรงพยาบาลซึ่งการวัดความดันโลหิตที่บ้านและบันทึกค่าเป็นประจำ (โดยความดันโลหิตเฉลี่ยที่บ้านไม่ควรเกิน135/85 มิลลิเมตรปรอท) จะช่วยให้แพทย์ทราบค่าความดันโลหิตเฉลี่ยของผู้ป่วย และช่วยในการปรับยาควบคุมความดันโลหิตได้ดีสม่ำเสมอ
ความดันโลหิตสูงต้องระวัง และควรพบแพทย์
-มีค่าความดันโลหิต SBP ≥ 180 มม.ปรอท หรือ DBP ≥ 110 มม.ปรอท
-มีอาการเจ็บหน้าอกหรือหายใจไม่สะดวก โดยเฉพาะเมื่อออกแรงเล็กน้อยหรือขณะพัก
-มีความเสี่ยง หรือเคยมีภาวะหัวใจล้มเหลว
-มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
-มีโรคเบาหวานที่ยังควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี
-มีภาวะเจ็บป่วยเฉียบพลันอื่นๆ
เป็นผู้สูงอายุ
-มีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่จัด
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลเปาโล รังสิต และ โรงพยาบาลพญาไท 2
ความดันโลหิตสูงต้องกินยาตลอดชีวิตหรือไม่ ? เปิดเรื่องต้องรู้ยาความดัน