จริงๆจุดเริ่มต้นของกระทู้นี้มันมาจากผมไปเห็นหลายๆเพจโพสต์ประมาณว่า"เป็นซึมเศร้าไม่ใช่ข้ออ้างในการทำตัว สต.กับคนอื่น"
ผมไม่รู้หรอกว่าคนอื่นที่เป็นอ่ะ มันเป็นแล้วทำตัวอย่างไร และในสังคมมันก็มีด้วยนะ พวกไม่ได้เป็นจริงๆแล้วทำเป็นเรียกร้องความสนใจอ่ะ พวกเนี่ยมันน่าโดน กท.ให้หายบ้า พาให้คนที่เป็นจริงๆเขาดูไม่ดี เอาเป็นว่าละไว้ในฐานที่เข้าใจนะครับ เพราะคนอื่นมันจะเป็นยังไงก็ปล่อยเขา กระทู้นี้ผมจะพูดถึงแต่ตัวผม เรื่องผม เท่านั้น เพราะผมไม่ได้คิดจะเปลี่ยนมุมมองคนอื่นจากสิ่งที่คนไม่ดีทำไว้
แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับผมมาประมาณ4-5ปีที่แล้ว ซึ่งทุกวันนี้ก็ดีขึ้นแล้ว ประมาณ90-95% แต่กว่าจะเจอหมอดีก็หมดไปเยอะเลย แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ที่ผมจะพูดวันนี้คือ...
จุดเริ่มต้นมันมาจากที่ทำงานเก่า ผมก็บอกกับHRและผู้จัดการว่าจะขอเข้าสายหน่อยนะครับ พอดีหมอนัด แล้วก็อย่างที่ทุกคนรู้ จะลาจะอะไรที เป็นโรคอะไรก็ไม่รู้ ชอบถามนั่นถามนี่วุ่นวาย ลาจริงป่าว ป่วยเป็นอะไร บลาๆๆ ผมเลยยื่นใบนัดให้ดูเลย ซึ่งต้องบอกก่อนว่าผมไม่เคยคิดจะบอกใครเรื่องนี้เลย (ในเน็ตไม่นับนะ เพราะไม่ได้มีผลในการดำเนินชีวิตผม) และเหตุผลที่ผมไม่เคยคิดจะบอกใครคือ
1.ผมรู้ว่าส่วนมากคนมองยังไงต่อคนที่เป็นโรคนี้ มันค่อยข้างจะวุ่นวายกับหลายๆอย่าง
2.ผมอยากให้ทุกอย่างปกติ ไม่อยากให้บรรยากาศหรือทุกคนปฏิบัติกับผมเปลี่ยนไป เพราะปกติก็คุยกันเล่นกันสนุกสนานดี เป็นออฟฟิศในฝันเลย ถ้าไม่นับเรื่องงานเยอะ และงานด่วน
แล้วเรื่องก็ผ่านไป 1 อาทิตย์ ผมก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ คือ เอกสาร,บิลสินค้า และอะไรต่างๆนาๆก็โยนให้ ผมก็พูดติดตลกว่า "พี่วางดีๆก็ได้ครับ เดี๋ยวมันหล่น555"
นางก็ตอบว่า "อ่อหรอ รับไม่ได้หรอ" ผมก็ยิ้มแหะๆแล้วก็ทำงานต่อ แล้วก็มีอะไรแบบนี้อยู่เรื่อยๆ ไหว้ไม่รับ ทักไม่ตอบ ถามไม่บอก เบิกอะไรก็ช้าไปหมด คุยด้วยก็ตอบห้วนๆ หลายๆครั้งก็เสียงแข็ง จริงๆตัวจริงผมเป็นคนสุภาพมากนะ ยิ้มบ่อย ไหว้บ่อย มีอะไรก็ช่วย งานก็ไม่เคยช้า เร็วกว่ากำหนดทุกครั้ง
แต่พอหนักเข้าๆ ผมก็เลยถามในที่ประชุมเลยว่า...
ผม : ผมทำอะไรผิดหรือป่าวครับ ช่วงหลังๆผมรู้สึกอึดอัดแปลกๆ
หัวหน้าฝ่ายบุคคล : ก็ป่าวนะ แค่ไม่อยากยุ่ง เดี๋ยวจะบุบสลาย
ผม : ยังไงหรอครับ ทำไมคิดแบบนั้น ฮ่าๆ
หัวหน้าฝ่ายบุคคล : ตอนแรกก็นึกว่าดีมาจากไหน เลิกงานชวนไปกินเหล้าก็ไม่กิน วันหยุดชวนไปเที่ยวก็อ้างแต่งานบ้าน ที่ไหนได้ เป็นโรคเปราะบางนี่เอง คือชีวิตนี้จะไม่เอาใครเลยใช่ป่ะ
ผม : ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ผมทำให้ดูเป็นแบบนั้น ผมไม่ได้มีเจตนาจะให้คิดแบบนั้นนะครับ ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ แต่ผมแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้นะครับ แรกๆเราก็ happy ไม่ใช่หรอครับ ไม่ต้องคิดว่าผมเป็นโรคอะไรก็ได้ครับ ผมแค่อยากเป็นเพื่อน เป็นพี่เป็นน้องกับทุกคนนะครับ
นางแล้วก็พูดมาประโยคหนึ่งที่ทำให้ผมเริ่มคิดเรื่องลาออก
หัวหน้าฝ่ายบุคคล : ถ้าอึดอัดมากนักก็ลาออกไปก็ได้นะ คนอื่นจะได้ไม่ต้องกลัวว่าพูดอะไรแล้วไปสะเทือนสมอง
เท่านี้ก็น่าจะยาวพอแล้ว ก็ตามนั้นนะครับ แสดงความคิดเห็นกันอย่างสุภาพ และให้เกียรติกันและกันด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
สรุปแล้ว คนเป็นซึมเศร้าต้องทำตัวอย่างไร?
ผมไม่รู้หรอกว่าคนอื่นที่เป็นอ่ะ มันเป็นแล้วทำตัวอย่างไร และในสังคมมันก็มีด้วยนะ พวกไม่ได้เป็นจริงๆแล้วทำเป็นเรียกร้องความสนใจอ่ะ พวกเนี่ยมันน่าโดน กท.ให้หายบ้า พาให้คนที่เป็นจริงๆเขาดูไม่ดี เอาเป็นว่าละไว้ในฐานที่เข้าใจนะครับ เพราะคนอื่นมันจะเป็นยังไงก็ปล่อยเขา กระทู้นี้ผมจะพูดถึงแต่ตัวผม เรื่องผม เท่านั้น เพราะผมไม่ได้คิดจะเปลี่ยนมุมมองคนอื่นจากสิ่งที่คนไม่ดีทำไว้
แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับผมมาประมาณ4-5ปีที่แล้ว ซึ่งทุกวันนี้ก็ดีขึ้นแล้ว ประมาณ90-95% แต่กว่าจะเจอหมอดีก็หมดไปเยอะเลย แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ที่ผมจะพูดวันนี้คือ...
จุดเริ่มต้นมันมาจากที่ทำงานเก่า ผมก็บอกกับHRและผู้จัดการว่าจะขอเข้าสายหน่อยนะครับ พอดีหมอนัด แล้วก็อย่างที่ทุกคนรู้ จะลาจะอะไรที เป็นโรคอะไรก็ไม่รู้ ชอบถามนั่นถามนี่วุ่นวาย ลาจริงป่าว ป่วยเป็นอะไร บลาๆๆ ผมเลยยื่นใบนัดให้ดูเลย ซึ่งต้องบอกก่อนว่าผมไม่เคยคิดจะบอกใครเรื่องนี้เลย (ในเน็ตไม่นับนะ เพราะไม่ได้มีผลในการดำเนินชีวิตผม) และเหตุผลที่ผมไม่เคยคิดจะบอกใครคือ
1.ผมรู้ว่าส่วนมากคนมองยังไงต่อคนที่เป็นโรคนี้ มันค่อยข้างจะวุ่นวายกับหลายๆอย่าง
2.ผมอยากให้ทุกอย่างปกติ ไม่อยากให้บรรยากาศหรือทุกคนปฏิบัติกับผมเปลี่ยนไป เพราะปกติก็คุยกันเล่นกันสนุกสนานดี เป็นออฟฟิศในฝันเลย ถ้าไม่นับเรื่องงานเยอะ และงานด่วน
แล้วเรื่องก็ผ่านไป 1 อาทิตย์ ผมก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ คือ เอกสาร,บิลสินค้า และอะไรต่างๆนาๆก็โยนให้ ผมก็พูดติดตลกว่า "พี่วางดีๆก็ได้ครับ เดี๋ยวมันหล่น555"
นางก็ตอบว่า "อ่อหรอ รับไม่ได้หรอ" ผมก็ยิ้มแหะๆแล้วก็ทำงานต่อ แล้วก็มีอะไรแบบนี้อยู่เรื่อยๆ ไหว้ไม่รับ ทักไม่ตอบ ถามไม่บอก เบิกอะไรก็ช้าไปหมด คุยด้วยก็ตอบห้วนๆ หลายๆครั้งก็เสียงแข็ง จริงๆตัวจริงผมเป็นคนสุภาพมากนะ ยิ้มบ่อย ไหว้บ่อย มีอะไรก็ช่วย งานก็ไม่เคยช้า เร็วกว่ากำหนดทุกครั้ง
แต่พอหนักเข้าๆ ผมก็เลยถามในที่ประชุมเลยว่า...
ผม : ผมทำอะไรผิดหรือป่าวครับ ช่วงหลังๆผมรู้สึกอึดอัดแปลกๆ
หัวหน้าฝ่ายบุคคล : ก็ป่าวนะ แค่ไม่อยากยุ่ง เดี๋ยวจะบุบสลาย
ผม : ยังไงหรอครับ ทำไมคิดแบบนั้น ฮ่าๆ
หัวหน้าฝ่ายบุคคล : ตอนแรกก็นึกว่าดีมาจากไหน เลิกงานชวนไปกินเหล้าก็ไม่กิน วันหยุดชวนไปเที่ยวก็อ้างแต่งานบ้าน ที่ไหนได้ เป็นโรคเปราะบางนี่เอง คือชีวิตนี้จะไม่เอาใครเลยใช่ป่ะ
ผม : ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ผมทำให้ดูเป็นแบบนั้น ผมไม่ได้มีเจตนาจะให้คิดแบบนั้นนะครับ ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ แต่ผมแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้นะครับ แรกๆเราก็ happy ไม่ใช่หรอครับ ไม่ต้องคิดว่าผมเป็นโรคอะไรก็ได้ครับ ผมแค่อยากเป็นเพื่อน เป็นพี่เป็นน้องกับทุกคนนะครับ
นางแล้วก็พูดมาประโยคหนึ่งที่ทำให้ผมเริ่มคิดเรื่องลาออก
หัวหน้าฝ่ายบุคคล : ถ้าอึดอัดมากนักก็ลาออกไปก็ได้นะ คนอื่นจะได้ไม่ต้องกลัวว่าพูดอะไรแล้วไปสะเทือนสมอง
เท่านี้ก็น่าจะยาวพอแล้ว ก็ตามนั้นนะครับ แสดงความคิดเห็นกันอย่างสุภาพ และให้เกียรติกันและกันด้วยนะครับ ขอบคุณครับ