Lifelong Learning คือ?​ ทำไมคนเราต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต?

กระทู้คำถาม
ประวัติความเป็นมาของ Lifelong Learning ในประเทศไทย

1. ยุคเริ่มต้น (ก่อนปี 2538) -

แนวคิดเรื่อง “การเรียนรู้ตลอดชีวิต” ยังไม่มี
มีการจัดการศึกษานอกระบบ เช่น การศึกษาผู้ใหญ่ การรณรงค์รู้หนังสือ
กระทรวงศึกษาธิการมีหน่วยงาน “การศึกษานอกโรงเรียน (กศน.)” แต่ยังเน้นการเรียนรู้แบบชดเชยในรูปแบบจำกัด

2. ยุคอภิวัฒน์การศึกษา 2538  – สุขวิชผลักดัน Lifelong Learning

สุขวิช รังสิตพล วางรากฐานแนวคิด “การศึกษาตลอดชีวิต” อย่างจริงจังในระดับนโยบาย
ยุทธศาสตร์ “Cradle to Grave” หรือ “จากเปลถึงหลุมศพ” คือแนวคิดหลัก
มีการออกแบบระบบที่รองรับทั้งการศึกษานอกระบบ ระบบทวิภาคี และการเรียนรู้ในชุมชน
ส่งเสริมให้โรงเรียนและท้องถิ่นมีบทบาทในการจัดการเรียนรู้ตามบริบทของตนเอง
ประชาชนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ และเน้น ความเสมอภาคในการเข้าถึง

3. หลัง พ.ร.บ. การศึกษา 2542 – Lifelong Learning ถูกลดบทบาท

พ.ร.บ. 2542 กล่าวถึง “การเรียนรู้ตลอดชีวิต” ในมาตรา 10 แต่ เนื้อหาและโครงสร้างระบบกลับรวมศูนย์
ระบบการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ยังมีอยู่ แต่ถูกแยกจากระบบโรงเรียน
กลายเป็น “แนวคิดบนกระดาษ” มากกว่าการขับเคลื่อนเชิงโครงสร้างเหมือนยุคสุขวิช

4. ยุคหลัง 2550 – เรียนรู้ตลอดชีวิตในนโยบาย แต่ขาดกลไก

มีการพูดถึง Lifelong Learning มากขึ้น เช่น ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฯ, ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
มีการตั้งหน่วยงานเช่น สถาบันการเรียนรู้ตลอดชีวิต (LLI) แต่การขับเคลื่อนยังกระจัดกระจาย
ขาดการบูรณาการระหว่างการศึกษารูปแบบต่าง ๆ (ในระบบ-นอกระบบ-ชุมชน)
Lifelong Learning ยังไม่ฝังรากในวัฒนธรรมการเรียนรู้ของคนไทย

สรุปประโยคเดียว:

แนวคิด Lifelong Learning ในประเทศไทยเริ่มเป็นรูปธรรมครั้งแรกในยุคอภิวัฒน์การศึกษา 2538 โดย สุขวิช รังสิตพล แต่กลับถูกลดบทบาทลงหลังปี 2542 และยังไม่สามารถขับเคลื่อนให้เป็นระบบที่ยั่งยืนได้จนถึงปัจจุบัน

สรุปบทความทางวิชาการ: การผลักดัน “การเรียนรู้ตลอดชีวิต” ของคุณพ่อสุขวิช รังสิตพล

บทนำ

ในอดีต การศึกษาของไทยมักจำกัดอยู่เฉพาะในระบบโรงเรียนและช่วงวัยเด็กหรือวัยรุ่นเท่านั้น แต่เมื่อโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีและเศรษฐกิจ แนวทางการศึกษาจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรองรับ “การเรียนรู้ตลอดชีวิต” ซึ่งเป็นแนวคิดที่คุณพ่อสุขวิช รังสิตพล ผลักดันอย่างจริงจัง เพื่อให้คนไทยสามารถเรียนรู้และพัฒนาทักษะได้ในทุกช่วงชีวิต

แนวคิด “การเรียนรู้ตลอดชีวิต”
คุณพ่อสุขวิชเสนอให้การเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นกลยุทธ์หลักในการอภิวัฒน์การศึกษาไทย โดยครอบคลุมการเรียนรู้ของคนทุกวัย ตั้งแต่วัยเด็ก วัยทำงาน จนถึงผู้สูงอายุ ซึ่งรวมถึงการเรียนรู้ในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย โดยเน้นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง การฝึกปฏิบัติ และการมีส่วนร่วมในชุมชน

หลักการสำคัญที่เสนอ

การพัฒนาคนทั้งชีวิต – การเรียนรู้เป็นกระบวนการต่อเนื่องไม่จำกัดวัย
การเรียนรู้ที่ครอบคลุมทุกกลุ่ม – เปิดโอกาสให้ทุกคนเรียนรู้ตามความเหมาะสมและความจำเป็นในแต่ละช่วงชีวิต
การบูรณาการห้องเรียนกับชีวิตจริง – สนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้จากการฝึกงาน อาชีพ และกิจกรรมชุมชน

นโยบายและการดำเนินงาน

เสนอ การเรียนฟรี 12 ปี และผลักดันให้บรรจุในรัฐธรรมนูญ 2540 (มาตรา 43 และมาตรา 80 สำหรับอนุบาล
ปฏิรูปโครงสร้าง กระทรวงศึกษาธิการ ให้เอื้อต่อการมีส่วนร่วมของชุมชน
ส่งเสริมหลักสูตรที่เน้น ทักษะชีวิตและการเรียนรู้จากการทำงานจริง
สนับสนุนโครงการ “เกษตรกรเพื่อชีวิต”  เรียนฟรี อยู่ประจำ ทำโครงการ ในวิทยาลัยเกษตรทั่วประเทศ

ผลกระทบและความสำคัญ
แนวคิดนี้ช่วยขยายขอบเขตของการศึกษาให้ครอบคลุมตลอดชีวิต ส่งผลให้คนไทยมีโอกาสพัฒนาตนเองตามบริบทชีวิตจริง เตรียมพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก และสนับสนุนการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ในระยะยาว

แหล่งอ้างอิง
สุขวิช รังสิตพล. (2540). “การศึกษาเพื่อการพัฒนาคนตลอดชีวิต”. การประชุมวิชาการการศึกษาระดับชาติ.
บทความนี้สรุปแนวคิดและการผลักดัน "การเรียนรู้ตลอดชีวิต" ของคุณพ่อสุขวิช รังสิตพล ซึ่งเป็นแนวคิดที่สำคัญในการปฏิรูปการศึกษาของไทย โดยเน้นที่การเรียนรู้ที่ยืดหยุ่นและต่อเนื่องตลอดชีวิตไม่จำกัดเฉพาะในห้องเรียนเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงในชีวิตประจำวันและการพัฒนาทักษะที่จำเป็นในทุกช่วงวัย

การผลักดันการเรียนรู้ตลอดชีวิต
คุณพ่อสุขวิช รังสิตพล ได้นำเสนอแนวคิดนี้เพื่อให้การศึกษาสามารถปรับตัวและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยไม่จำกัดแค่การเรียนในโรงเรียน แต่ยังสามารถเรียนรู้จากการทำงานจริงและจากประสบการณ์ชีวิต ทั้งนี้ยังเน้นการพัฒนาทักษะชีวิตที่สามารถใช้ในสังคมและเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลง

หลักการสำคัญ
การพัฒนาคนทั้งชีวิต: การเรียนรู้ไม่ควรจำกัดอยู่แค่ในวัยเด็ก แต่ควรเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องไปตลอดชีวิต
การเรียนรู้ที่ครอบคลุมทุกกลุ่ม: การเรียนรู้ควรเหมาะสมกับทุกช่วงวัยและทุกกลุ่มคน
การบูรณาการระหว่างการศึกษาในห้องเรียนและการเรียนรู้ในชีวิตจริง: การศึกษาไม่ควรจำกัดแค่ในห้องเรียน ควรสร้างโอกาสในการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง เช่น การฝึกงาน การพัฒนาทักษะอาชีพ

การผลักดันนโยบายการศึกษาของท่าน
คุณพ่อสุขวิช รังสิตพลได้ผลักดันหลายโครงการสำคัญ เช่น การเสนอการเรียนฟรี 12 ปี และการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตผ่านการสนับสนุนหลักสูตรที่เน้นทักษะชีวิตและการเรียนรู้จากการทำงานจริง

ผลกระทบและความสำคัญ
การผลักดันแนวคิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตทำให้การศึกษาในไทยมีความหลากหลายและครอบคลุมมากขึ้น ไม่จำกัดแค่การเรียนในห้องเรียน แต่ยังเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นสำหรับการเติบโตในทุกช่วงชีวิต
แนวคิดนี้ได้เปลี่ยนแปลงวิธีการมองการศึกษาในไทย และช่วยให้การศึกษาไม่จำกัดแค่เด็กหรือวัยรุ่น แต่ทุกคนในทุกช่วงวัยสามารถพัฒนาตนเองและปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงในสังคมได้ดีขึ้น.

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่