[รีวิว] 4 ป่าช้า - ยำรวมมิตรเรื่องเล่าจากป่าช้า ที่ได้ตอนตลกช่วยไว้อีกแล้วเช่นเคย

(1) การแบ่งภาพยนตร์เรื่องหนึ่งออกเป็นตอนย่อยๆ ที่ส่วนใหญ่มักจะเป็น 3 ตอน หรือ 4 ตอน หรือมากกว่านั้น ย่อมมาพร้อมกับข้อเสียหนึ่งที่เลี่ยงไม่ได้ คือ การสร้างความรู้สึกให้ผู้ชมผูกพันกับตัวละครได้มากเท่ากับการเป็นภาพยนตร์เต็มๆ เรื่อง(บางเรื่องขนาดเต็มเรื่องยังแทบทำไม่ได้ก็มี) ส่วนใหญ่จึงมีการสร้าง “ธีม” ของเรื่องที่จะเล่าขึ้นมา เพื่อเชื่อมโยงแต่ละตอนเข้าด้วยกันและมีทิศทางของเรื่องใกล้เคียงกัน
(2) แน่นอนสำหรับ “4 ป่าช้า” ก็มีการหยิบเอาธีมของป่าช้ามามาเล่าในมุมของศาสนา ทั้งพุทธ คริสต์ และอิสลาม เพื่อใช้เป็นแกนหลักของเรื่อง ในภาพรวมดูเผินๆ ก็เป็นสิ่งที่แปลกใหม่และน่าสนใจสำหรับหนังไทย อีกทั้งยังมาพร้อมกับความครบรส ทั้งตอนที่เน้นความหลอน ตอนที่เน้นแอคชั่น และอย่าลืมต้องมีตอนที่ตลกอยู่ด้วยเสมอ แต่เมื่อดูจบกลับเกิดความรู้สึกขึ้นว่า “มันไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่” เลย
(3) เมื่อไล่เรียงดูรายตอนจะพบปัญหาที่เกิดขึ้นว่าทำไม 4 ป่าช้าถึงไม่ประสบความสำเร็จในการมัดใจผู้ชมได้เท่าที่ควร แน่นอนว่าปัญหาเรื่องการสร้างความผู้พันยังคงเป็นปัญหาหลัก ในตอนแรกที่ชื่อว่า “ญิน” (กำกับโดย อดิเรก โพธิ์ทอง) มีการเล่าเรื่องการปกป้องครอบครัวของ “มูซา” (เจ๋ง-เดชา โคนาโล) จากญินที่ชั่วร้าย แรงผลักดันของมูซาที่จะต้องปกป้องครอบครัวเป็นอะไรที่ “โคตรธรรมดา” หนำซ้ำการเข้าไปสู่โลกของญินก็จืดพอกัน มันไม่ได้สร้างกิมมิคอะไรเลย นอกจากช็อตที่มูซาต่อยญินดูจะม่วนจอยอยู่บ้าง น่าเสียดายที่มันไม่มีประเด็นอะไรสำหรับเรื่องนี้เลย
(4) ถัดมาในตอน Miracle (กำกับโดย ศตวรรษ เศรษฐกร) เป็นตอนที่ค่อนข้างมีมิติในแง่ของการเล่าเรื่อง แต่ทว่ามันกลับสร้างความงุนงงมากกว่าความสะพรึง มีความพยายามสร้างความรู้สึกบิดเบี้ยว ผ่านทั้งฉากและการแสดง แต่อย่างที่บอกหากผู้ชมเข้าไม่ถึงสารที่ผู้กำกับต้องการจะสื่อมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ในขณะที่ตอนถัดมาอย่าง “ที่ชอบ” (กำกับโดย ทรงศักดิ์ มงคลทอง) มีความเป็นมิตรกับผู้ชมมากกว่า เพียงแต่เหมือนถูกอำนาจมืดบางอย่างหั่นเวลานำเสนอให้กลายเป็นตอนที่สั้นที่สุดของเรื่องไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งๆ ที่นี่เป็นตอนที่น่าจะสร้างความตื่นเต้นได้มากที่สุดของ 4 ป่าช้าแล้ว
(5) “ต้องตา ป่าช้าแตก” ตอนสุดท้ายของ 4 ป่าช้า(ที่ยาวที่สุด กำกับโดย ภณธฤต โชติกฤษฎาโสภณ) เป็นตอนที่น่าจะเรียกได้ว่า “สนุก” ที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่มันดันเป็นความสนุกจากความตลกแทนซะอย่างนั้น ผู้กำกับเจ้าของผลงาน “พี่นาค” ทั้ง 4 ภาค เดาไม่ยากว่าทิศทางของเรื่องจะออกมาเป็นแบบไหน ว่ากันในแง่ของประสิทธิภาพทั้งการเล่าเรื่องและการสร้างความน่ากลัว(ตลก) ก็ต้องพูดกันตามตรงว่าเหนือกว่า 3 ตอนแรกอย่างเห็นได้ชัด สิ่งที่เป็นจุดขาย คือ การแสดงของพวกเด็กๆ ปากแซ่บทั้งหลาย ที่เรียกเสียงฮาได้ตลอดทั้งตอน
(6) แต่นั่นก็เท่ากับเป็นการบอกว่า 4 ป่าช้า ไม่สามารถยืนหยัดได้ในฐานะของ “หนังผี” ที่ดีเลย ถ้ามีการแทรกตอนตลกเข้ามาเพราะรู้ว่าผู้ชมรอที่จะดูตอนแบบนี้ ก็สู้รอดูพี่นาคภาค 5 ไปเลยไม่ดีกว่าหรอ หรือไม่ก็สร้างหนังผีตลกอีกสักเรื่องไปเลย ไม่ต้องมาแทรกตัวประหนึ่งร้านอาหารภัตตาคารหรูระดับ 5 ดาว แต่มีเมนูคอกเทลบลูฮาวายที่ประดับด้วยเชอร์รี่สีแดงสดหนึ่งลูกกับสัปปะรดหนึ่งซีกที่ขอบแก้วเป็นเมนูที่ขายดีที่สุดของร้าน ผู้คนต่างจับจ้องโดยไม่มีใครแลดูเมนูอาหารจานหลักของร้านเลย ช่างน่าเศร้า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่