อุซุย เท็นเก็น เก่งจริงหรือ? เสาหลักที่ถูกด้อยค่าที่สุดในเรื่อง

จากที่ได้เห็นในกระทู้ และกลุ่มคอมมูฯ ในหลาย ๆ โพสต์ เกี่ยวกับระดับความแข็งแกร่งของบรรดาเสาหลักด้วยกันเอง ชื่อของ อุซุย เท็นเก็น เสาหลักเสียงแห่งหน่วยพิฆาตอสูร มักจะถูกจัดแรงค์ความเก่งความแข็งแกร่ง ให้อยู่ในอันดับท้าย ๆ เสมอ
อาจเพราะการที่เขาได้ปะทะอสูรข้างขึ้นลำดับที่ 6 อย่างดาคิ/กิวทาโร่ ที่เป็นอสูรจันทราข้างขึ้นที่ต่ำที่สุด ยังอาการสาหัสขนาดนี้ ทั้งมือขาด แถมตาก็บอด จนต้องถอนตัวออกจากหน่วยก่อนชาวบ้าน เมื่อเทียบกับเสาหลักคนอื่น ๆ ที่ต้องเจอข้างขึ้นที่สูงกว่า แต่ก็สามารถเอาชนะมาได้โดยที่ (คนอื่น ๆ ส่วนใหญ่) ไม่ได้สูญเสียร่างกายมากขนาดอุซุยเลย

ถ้าจะตัดจบกระทู้นี้สั้น ๆ ผมคงบอกว่า พวกเอ็งไม่เกรงใจมัดกล้ามเส้นเลือดปูดของพี่แกบ้างเหรอ ออกจะอลังการซะขนาดนี้ 55555

ในฐานะที่ผมเป็นเมนของอุซุย ผู้มีเมีย 3 คน ผมจึงขอดีเบตประเด็นนี้ ว่า จริง ๆ แล้ว อุซุย เท็นเก็น เป็นเสาหลักที่เก่งเป็นอันดับต้น ๆ ของเรื่อง

โดยผมจะแบ่งการประเมินออกเป็น 4 ข้อ ดังนี้

1. ทักษะทางกายภาพ
1.1 การวัดระดับความแข็งแกร่ง โดยการงัดข้อ
หลายคนคงรู้ว่า อ.โคโยฮารุ โกโตเกะ ผู้แต่งดาบพิฆาตอสูร เคยวัดระดับความแข็งแกร่ง โดยวิธีการคือ จับเสาหลักทุกคนมางัดข้อแข่งกัน ซึ่งผลออกมาดังนี้
เป็นข้อมูลจากท้ายตอน ๆ หนึ่งในรวมเล่ม แต่อยู่เล่มไหนจำไม่ได้ ขออภัยครับ - /l\ -

ว่ากันตามตรง ตามหลักความเป็นจริง การแข่งงัดข้อไม่ได้วัดระดับความแข็งแกร่งได้ 100% แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ใช่ปัจจัยหลัก การงัดข้อยังต้องอาศัยเทคนิคอื่น ๆ เป็นปัจจัยร่วมด้วย แต่ทาง อ.เข้ เองเพียงแค่วัดความแข็งแกร่งด้วยวิธีง่าย ๆ อย่างงัดข้อแข่งกันก็เพียงพอแล้ว หากมองในภาพรวม อุซุยมีทั้งประสบการณ์ สรีระ ความสูง 198 ซม. และมวลกล้ามเนื้อที่เป็นมัด ๆ ที่แค่มองก็รู้แล้วว่าแข็งแกร่งกว่าคนอื่น ๆ รองจากเกียวเม เสาหลักหินผา อย่างแน่นอน สมมติถ้าให้อุซุยไปแข่งงัดข้อกับกิยู ยังไงอุซุยก็ชนะ เพราะร่างกายแข็งแรงกว่า ตรรกะง่าย ๆ

1.2 ความเร็ว
ในหนังสือแฟนบุ๊คเล่ม 2 มีการจัดอันดับฝีเท้าว่าในบรรดาเสาหลัก ใครวิ่งเร็วสุด แน่นอนว่าอุซุยยืนหนึ่งในด้านนี้ ซึ่งการวิ่งเป็นพื้นฐานของความคล่องตัว อุซุยนั้นต่างจากสมาชิกหน่วยคนอื่น ๆ คือเจ้าตัวนั้นเป็นนินจา ในบรรดาเสาหลักไม่มีใครเร็วไปกว่าเขาแล้ว บรรดาอสูรข้างขึ้นที่มีทั้งความอึด และความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ การเอาคมดาบเข้าปะทะคมเขี้ยวกับกิวทาโร่ได้นั้น ถ้าไม่ใช่ระดับเสาหลัก ก็ยากที่จะยื้อกันได้

1.3 ความสามารถในการต้านพิษ
ในศึกย่านเริงรมย์ พิษจากอาวุธเคียวและมนต์อสูรโลหิตของกิวทาโร่นั้น เป็นพิษที่ร้ายแรงมากขนาดทำให้ตายได้ง่าย ๆ แน่นอนว่าอุซุยก็ไม่พลาดที่จะโดนพิษไปกับเขาด้วย แต่เจ้าตัวก็สามารถสู้ต่อได้โดยราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขนาดที่แม้แต่ดาคิและกิวทาโร่ยังประหลาดใจ ในความสามารถการทนทานพิษของอุซุย เพราะพิษของกิวทาโร่นั้นเคยคร่าชีวิตเสาหลักมาแล้วนักต่อนัก แต่อุซุยกลับสู้ต่อได้หน้าตาเฉย เป็นสิ่งยืนยันได้อย่างหนึ่งว่า อุซุยนั้นสามารถทนทานพิษได้ดีกว่าคนทั่วไป "มาก" ขนาดที่ว่า หากเป็นเสาหลักคนอื่น ๆ (ที่ไม่ใช่เกียวเม) มาจัดการกิวทาโร่แทน คงไม่สามารถทนพิษได้นานเท่ากับอุซุยเป็นแน่

1.4 ทักษะการฟังเสียงเหนือมนุษย์
นินจามักจะมีโสตประสาทด้านการได้ยินที่ดีกว่าคนทั่วไป อุซุยก็เช่นกัน ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งขนาดรับรู้ถึงอารมณ์ของสิ่งมีชีวิตได้แบบเซนอิทสึ แต่ก็สามารถระบุได้เลยว่าภายในอาคารนั้นมีคนอยู่หรือไม่ เพียงแค่การฟังเสียง ซึ่งเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจได้ว่าสามารถโจมตีใส่อสูรได้โดยไม่ต้องพะวงว่าจะมีใครโดนลูกหลง

2. ทักษะการใช้ปราณ
ปราณเสียง คือปราณแตกแขนงออกมาจากปราณอัสนี แน่นอนว่าพื้นฐานของมันคือความเร็ว แต่แก่นแท้ของปราณเสียงนั้น คือการประสานกระบวนท่าร่วมกับเทคนิคการต่อสู้และการใช้ดาบ รวมถึงมีการใช้อาวุธระเบิดควบคู่กันไปด้วย นั่นจึงทำให้พื้นฐานความแข็งแกร่งของร่างกาย และความแม่นยำในการโจมตีนั้นสำคัญ ทักษะด้านร่างกายของอุซุยที่มีนั้นจึงจำเป็นอย่างมาก เพราะยิ่งแข็งแกร่ง ยิ่งแม่นยำ ก็จะยิ่งเก่งขึ้น
ซึ่งปราณอื่น ๆ ก็จะมีแก่นแท้ของปราณที่ต่างกันไป เช่น แก่นของปราณวารีคือการกวัดแกว่งดาบโดยไร้ความตึงเครียด หรือแก่นของปราณเพลิงที่เน้นการมีรากฐานการยืนที่มั่นคง และปล่อยกระบวนท่าด้วยความองอาจผ่าเผย เป็นต้น
"ปราณเสียง กระบวนท่าที่ 5 เสียงกรีดกังวาน" เป็นการใช้กระบวนท่าร่วมกับระเบิด

ต้องบอกก่อนว่า ไม่ใช่ว่าปราณที่ถูกแตกแขนงออกมา มันจะกากกว่าเสมอไป มันขึ้นอยู่กับว่าใครเหมาะสมที่จะใช้ปราณอะไรมากกว่า หากอุซุยหันไปฝึกฝนปราณวายุหรือปราณอัสนี ทั้งที่ร่างกายเหมาะสมที่จะใช้ปราณเสียง ก็คงจะไม่ถูก ฉะนั้น ปราณเสียงเนี่ยแหละเหมาะกับอุซุยที่สุดแล้ว หากจะบอกว่าอุซุยกากเพราะใช้ปราณเสียง งั้นปราณบุปผา ปราณความรัก ปราณหมอก และปราณอสรพิษก็คงจะกากพอกัน

3. ทักษะการต่อสู้จริง
3.1 อุซุยนั้นมีความสามารถในการปลอมแปลง และแทรกซึม โดยเฉพาะภารกิจที่ต้องจัดการกับอสูรที่เนียนเข้าไปแฝงตัวไปกับเหล่านางโลมและฝูงชนของย่านเริงรมย์ เท่ากับว่างานนี้ มีแต่อุซุยและบรรดาเมีย ๆ ของเขาเท่านั้นที่สามารถทำได้ เพราะถ้าไม่ใช่เขา ก็นึกไม่ออกแล้วว่าใครจะมาทำ หรือจะให้ซาเนมิมาทำงานนี้ดี เห็นเขาบอกกันเยอะว่าซาเนมิเก่งกว่า? ก็ว่าไปนั่น

3.2 อุซุยนั้นไม่ใช่คนที่บ้าดีเดือด มีความใจเย็นสุขุม มีความเป็นผู้นำ และมีทักษะในการประเมินสถานการณ์รอบข้างและสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว อันมาจากทักษะด้านการได้ยินของเขา ซึ่งเมื่อเขารู้แล้วว่ารอบข้างนั้นไม่มีคนอยู่ ถึงจะสามารถใช้ระเบิดกับอสูรภายในหอนางโลมได้
ทักษะการใช้ระเบิด ประสานกับทักษะการได้ยินที่เหนือมนุษย์ ทำให้สามารถประเมินสถานการณ์และสามารถตัดสินใจได้ทันท่วงที

3.3 อุซุยเป็นอีกคนที่มีอาวุธดาบเฉพาะตัว นั่นคือ เป็นดาบยักษ์คู่คล้องโซ่ไว้กับปลายด้าม (คล้ายกระบองคู่) ซึ่งหากไม่ใช่อุซุยก็คงจะใช้มันไม่ได้ และแม้ว่าจะเหลือมือเพียงข้างเดียว (บวกกับมีพิษที่ไหลไปทั่วร่าง) ก็ยังสามารถกวัดแกว่งดาบทั้ง 2 เล่ม ปะทะกับกิวทาโร่ได้อย่างสูสีอีกด้วย
แม้จะเหลือมือเดียว กับมีพิษที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย แต่ก็ยังกวัดแกว่างดาบได้สูสีกับกิวทาโร่ที่เอาจริงได้

3.4 แน่นอนว่าเป็นนินจา จะไม่ให้ใช้อาวุธนินจาได้ยังไง ซึ่งการมีอาวุธพลิกแพลง เพื่อใช้ในการต่อสู้หลาย ๆ สถานการณ์ ก็เป็นทักษะที่นินจาใช้กันบ่อย ๆ ทั้งระเบิดหรือเครื่องยิงคุไน ในเมื่อมีเมียเป็นคุโนะอิจิแล้ว ถ้าไม่ใช้เมียบ้าง จะมีไปทำไม...เนอะ
เครื่องยิงคุไน ที่อาบพิษจากดอกฟูจิเอาไว้ หากโดนอสูรก็พอทำให้อสูรอ่อนแรงลงได้บ้างแม้เพียงวินาที

4. พรแสวงและการประมาณตนของ อุซุย เท็นเก็น
อุซุยนั้นเข้ามาเป็นเสาหลักเมื่อไหร่ไม่แน่ชัด แต่คาดว่าคงขึ้นมาไล่ ๆ กับเรนโกคุ เคียวจูโร่ เสาหลักเพลิง ทำให้ทั้งคู่ดูจะมีความเคารพซึ่งกันและกันพอสมควร อุซุยยอมรับอย่างใจจริง ว่าเรนโกคุนั้นเป็นอัจฉริยะในการใช้ปราณเพลิงเป็นอย่างมาก จากการอ่านคัมภีร์ปราณเพลิงเพียงแค่ 3 เล่ม ที่ว่ากันว่าฝึกฝนได้ยากมาก ๆ ได้อย่างแตกฉาน
ทางด้านมุอิจิโร่ เสาหลักหมอกเอง อุซุยก็ยอมรับว่าเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ หากเทียบกับตนเองในวัยเดียวกันแล้วไม่อาจเทียบกับมุอิจิโร่ได้เลย ซึ่งเอาเข้าจริงอย่าว่าแต่อุซุยเลย คนอื่น ๆ หากอยู่ในวัยเดียวกันก็คงเทียบน้องไม่ได้ด้วยซ้ำ
แต่หากเรามองอุซุยดี ๆ แล้ว การที่เขาพัฒนาตัวเองจนขึ้นมาเป็นเสาหลักเสียงได้ ก็เพราะมีเบื้องหลังอันมาจากความพยายามหมั่นเพียรและหมั่นฝึกฝนขัดเกลาร่างกายของเขามาโดยตลอด (เรื่องการทนทานต่อพิษก็ต้องฝึกเช่นกัน) ตั้งแต่สมัยเป็นนินจา จนกระทั่งเข้ามาในหน่วยก็ยังฝึกฝนอยู่ เพราะเขารู้ดีว่าตัวเองไร้พรสวรรค์ การที่จะแข็งแกร่งเทียบชั้นเรนโกคุและคนอื่น ๆ ได้ก็มีแต่ทางนี้ทางเดียว
อุซุยจึงเป็นตัวแทนของผู้ที่มีพรแสวง ที่หมั่นพัฒนาตนเอง ไม่ยอมแพ้แม้ปราณตัวเองจะไม่โดดเด่น แต่ก็ยังสามารถขึ้นมาเทียบเคียงกับเหล่าเสาหลักคนอื่น ๆ ได้อย่างภาคภูมิ
"พรสวรรค์เหรอ? นี่แกตาพร่าจนเห็นฉันเป็นคนมีพรสวรรค์หรือยังไง ฉันเนี่ยนะเป็นผู้ถูกเลือก? อย่ามาพูดให้ขำเลยน่ะ! คิดว่ามีชีวิตของผู้คนที่ฉันช่วยเอาไว้ไม่ได้มีมากแค่ไหนกัน!...ใช่...ฉันไม่มีวันเป็นอย่างเรนโกคุได้หรอก..."

บทสรุป
ก็จบไปแล้วสำหรับการวิเคราะห์ตัวละครเสาหลักเสียงผู้มีทั้งความอลังการและความฉูดฉาดอย่าง อุซุย เท็นเก็น ว่าจริง ๆ แล้วเขา "กาก" อย่างที่หลายคนประณามเขาหรือไม่ สรุปคืออุซุยไม่ได้กากนะครับ และไม่ได้ด้อยไปกว่าเสาหลักคนอื่น ๆ เลย การที่เขาขึ้นมาอยู่ในระดับเสาหลักได้ ต่อให้คนอื่นมันจะเก่งอัจฉริยะ หรือมีพรสวรรค์มาแต่เกิด หากหมั่นฝึกฝนจนตัวเองอยู่ในระดับเดียวกับพวกเขาได้แล้ว มันก็ไม่น่ามีอะไรให้กังขาในตัวเขาจริงไหมครับ
และการต่อสู้กับอสูรข้างขึ้นที่ 6 ในย่านเริงเรมย์นั้น ถือว่าสำคัญมาก ๆ เนื่องจากเป็นแรงกระเพื่อมสำคัญ ที่จะสร้างขวัญกำลังใจให้กับสมาชิกหน่วยเป็นอย่างมาก และทางมุซันกับเหล่าอสูรข้างขึ้นที่เหลือก็อยู่เฉยไม่ได้แล้วเช่นกัน...และผู้ที่เหมาะสมกับภารกิจนี้ จึงมีเพียงเขาเท่านั้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่