ระหว่างที่เราไม่ได้ถ่ายภาพ

"ใต้สะพานมีแสงไฟ"
หลังเลิกงาน ฉันขับรถกลับจากที่ทำงานบริเวณสะพานพระราม 9 จุดหมายอยู่ไม่ไกล—ใต้สะพานภูมิพล ซึ่งเป็นที่พักของฉันเอง
มันเป็นระยะทางที่ไม่ได้ไกลมากนัก แค่หนึ่งสะพานคั่นกลาง... แต่ความรู้สึกของที่นี่กลับต่างออกไป คล้ายกับอีกโลกหนึ่ง

พอลงจากรถ ฉันเดินเลียบถนนไปยังตลาดเล็ก ๆ ใต้สะพาน
เสียงแม่ค้าเรียกลูกค้า คลุกเคล้ากับกลิ่นผักสดและควันจากร้านข้าวเหนียวหมูปิ้ง ทำให้เย็นวันธรรมดานี้มีความหมายขึ้นมาหน่อย
แผนสำหรับเย็นนี้คือผัดผักง่าย ๆ ตามวิถีบ้าน ๆ กินกับข้าวสวยร้อน ๆ — มื้อที่ไม่มีอะไรพิเศษ แต่กลับรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้ลงมือทำ

ระหว่างเดิน สายตาฉันไปสะดุดกับร่างชายชราในเสื้อผ้าสีซีดและเก่าจนดูแทบไม่ออกว่าสีเดิมคืออะไร
เขานั่งพิงกำแพงหน้าร้านทำเครื่องเสียงรถยนต์ ริมรั้วเหล็กที่ถูกล็อกไว้แน่นหนา
ฉันจำเขาได้...
คุณตาคนเดิมที่มักแบกกระสอบปุ๋ยใส่ขวดน้ำเดินผ่านละแวกนี้เสมอ แผ่นหลังงอแต่ดวงตายังสู้แสง

"อ้อ นี่บ้านตาสินะ" ฉันคิดในใจ
แต่พอเห็นประตูรั้วล็อก ก็เริ่มลังเล—หรือคุณตาแค่มานั่งพักใต้ร่มเงาความเงียบของบ้านคนอื่น
แต่ไม่ว่าอย่างไร แกก็คงเป็นคนแถวนี้แหละ บ้านอาจอยู่ลึกเข้าไปในตรอกที่ฉันไม่เคยเดินถึงก็ได้

สายตาฉันเลื่อนไปยังลานใต้สะพานที่กำลังมีการจัดเวที เสียงค้อนตอกไม้ เสียงเครื่องเสียงลองเช็คไมค์
น่าจะมีงานอะไรบางอย่าง—เลือกตั้ง? เทศกาลท้องถิ่น? หรืออะไรที่ฉันไม่เคยใส่ใจมากนัก

"พรุ่งนี้มีตักบาตร"
เสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้ตัว

ฉันหันกลับมา
คุณตาพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงเบา ๆ แต่ชัดเจน ดวงตาแกมองไปยังเวทีอย่างรู้ทัน
"เขาเตรียมของกันอยู่ เห็นไหม ตั้งแต่บ่ายแล้ว"

ฉันยิ้มให้แก เป็นรอยยิ้มจริงใจเล็ก ๆ ที่เกิดจากความรู้สึกอบอุ่น
"ขอบคุณค่ะตา" ฉันตอบเบา ๆ
แกยิ้มกลับมา... เป็นรอยยิ้มที่แม้จะไร้ฟันครบทุกซี่ แต่เต็มไปด้วยความจริงใจ

ในเย็นวันหนึ่งที่ไม่มีอะไรพิเศษ
รอยยิ้มจากคนแปลกหน้า กับคำบอกเล่าธรรมดา กลับเติมเต็มความหมายให้กับชีวิตในเมือง

ใต้สะพานที่ใครหลายคนมองว่าเป็นเพียงทางผ่าน
แต่สำหรับฉัน ณ ตอนนั้น
ที่นั่นมีแสงไฟ... จากเวทีงานตักบาตร
และจากรอยยิ้มของคุณตา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่