วันที่น่าเบื่อ
แก้เซ็งด้วยการนั่งพลิกไดอารี่เล่น แล้วก็เจอบันทึกเก่าๆของการออกท่องโลกเลียบน้ำโขง
นานเหลือเกิน...นานจนเกือบลืม
...............................................................................................................................................................
.....แม่น้ำความฮักสายนั้น.....
แม่น้ำความฮักสายนี้ อยู่ที่ความทรงจำวันหนึ่งของฉัน
......
......
......
เชียงคาน แก่งคุดคู้
ใช้เวลาขับรถนานเหลือเกินกว่าจะมาถึง
แต่ไม่กระไรนัก เพราะสองข้างซ้ายขวา
คือสหายร่วมใจและน้องนอกไส้ที่รัก
เราเหนื่อยเล็กน้อย จึงตัดสินใจนั่งพักกันก่อน
ร้านริมน้ำวิวงามจัง มองเห็นแก่งได้ และสายลมโชย
.......
.......
ตกลงใจเลือกเรือลำนี้
เป็นลุงใจดีและเมียของแก
เราแจ้วๆกันเป็นภาษาถิ่นจนลุงชอบใจ
แกจะพาเราไปล่องชมน้ำโขง
........
........
ลุงจ๋า ไปชิดริมฝั่งโน้นหน่อยได้ไหม
ฉันงอแง แต่แกยิ้มแต้ตามใจ
โค้งน้ำโขงงามนัก
ฝั่งนี้คือผืนดินไทย ตรงข้ามแค่นิดๆ ก็เป็นแผ่นดินของลาว
วิวงามเป็นภูเขาสลับอยู่ในสายตา
ฉันมองเห็นแปลงผักเขียวขจี
ลุงจ๋า ใก้ลเข้าไปอีกหน่อย
ฉันเห็นหนูน้อยชาวลาว รดน้ำผักกัน
ตัดสินใจ ปล่อยดอกไม้ที่แอบเด็ดมา
จำปาลาวลอยเรื่อยๆ เพื่อนยิ้มแจ่มใส
มองอีกที เห็นมือน้อยสั่นไหวจากใครคนหนึ่งที่ริมตลิ่ง
หลายคนจ้องมอง
ฉันยกมือโบกไป ไหว ไหว เต็มทั้งตัวและหัวใจ
เพื่อนยิ้มและถามว่า ทำอะไร
ฉันบอกให้โบกมือเข้าสิ ก่อนที่เรือจะผ่านไป
หนูน้อยทั้งหลายยิ้มแย้มตอบเราและ บ๊ายบายกันใหญ่
.....
.....
เรือเลื่อน และกำลังจะจากไป
ฉันและเพื่อนยังคงบ๊ายบาย
ลุงและป้ายิ้มละไมใต้แสงตะวันรอนๆ
ที่นี่นั่นไง
..........สายน้ำแห่งความฮัก...........
(จาก บันทึกถึงใต้แสงตะวันรอน )
รอยยิ้มริมทาง.....แม่น้ำความฮักสายนั้น
แก้เซ็งด้วยการนั่งพลิกไดอารี่เล่น แล้วก็เจอบันทึกเก่าๆของการออกท่องโลกเลียบน้ำโขง
นานเหลือเกิน...นานจนเกือบลืม
...............................................................................................................................................................
.....แม่น้ำความฮักสายนั้น.....
แม่น้ำความฮักสายนี้ อยู่ที่ความทรงจำวันหนึ่งของฉัน
......
......
......
เชียงคาน แก่งคุดคู้
ใช้เวลาขับรถนานเหลือเกินกว่าจะมาถึง
แต่ไม่กระไรนัก เพราะสองข้างซ้ายขวา
คือสหายร่วมใจและน้องนอกไส้ที่รัก
เราเหนื่อยเล็กน้อย จึงตัดสินใจนั่งพักกันก่อน
ร้านริมน้ำวิวงามจัง มองเห็นแก่งได้ และสายลมโชย
.......
.......
ตกลงใจเลือกเรือลำนี้
เป็นลุงใจดีและเมียของแก
เราแจ้วๆกันเป็นภาษาถิ่นจนลุงชอบใจ
แกจะพาเราไปล่องชมน้ำโขง
........
........
ลุงจ๋า ไปชิดริมฝั่งโน้นหน่อยได้ไหม
ฉันงอแง แต่แกยิ้มแต้ตามใจ
โค้งน้ำโขงงามนัก
ฝั่งนี้คือผืนดินไทย ตรงข้ามแค่นิดๆ ก็เป็นแผ่นดินของลาว
วิวงามเป็นภูเขาสลับอยู่ในสายตา
ฉันมองเห็นแปลงผักเขียวขจี
ลุงจ๋า ใก้ลเข้าไปอีกหน่อย
ฉันเห็นหนูน้อยชาวลาว รดน้ำผักกัน
ตัดสินใจ ปล่อยดอกไม้ที่แอบเด็ดมา
จำปาลาวลอยเรื่อยๆ เพื่อนยิ้มแจ่มใส
มองอีกที เห็นมือน้อยสั่นไหวจากใครคนหนึ่งที่ริมตลิ่ง
หลายคนจ้องมอง
ฉันยกมือโบกไป ไหว ไหว เต็มทั้งตัวและหัวใจ
เพื่อนยิ้มและถามว่า ทำอะไร
ฉันบอกให้โบกมือเข้าสิ ก่อนที่เรือจะผ่านไป
หนูน้อยทั้งหลายยิ้มแย้มตอบเราและ บ๊ายบายกันใหญ่
.....
.....
เรือเลื่อน และกำลังจะจากไป
ฉันและเพื่อนยังคงบ๊ายบาย
ลุงและป้ายิ้มละไมใต้แสงตะวันรอนๆ
ที่นี่นั่นไง
..........สายน้ำแห่งความฮัก...........
(จาก บันทึกถึงใต้แสงตะวันรอน )