กินนมแล้วปวดท้อง ไม่ใช่อาการแพ้ แต่เป็นไปตามธรรมชาติ ส่วนคนที่ดื่มแล้วไม่เป็นอะไร คือพวกกลายพันธุ์!

แน่นอนว่านมคือหนึ่งในแหล่งโปรตีนที่อยู่คู่มนุษยชาติมาอย่างยาวนาน แต่รู้หรือไม่ว่า ตามธรรมชาติแล้ว สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมซึ่งรวมถึงมนุษย์ ถูกออกแบบมให้ดื่มนมได้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น

.

เมื่อเติบโตจนสามารถกินอาหารอื่นได้ ร่างกายก็จะค่อยๆ หยุดผลิต ‘แลคเตส’ (Lactase) เอนไซม์ที่ใช้ย่อย ‘แลคโตส’ (Lactose) หรือน้ำตาลที่พบในน้ำนม ส่งผลให้ไม่สามารถย่อยนมได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกต่อไป กระบวนการนี้ถือเป็นกลไกปกติของวิวัฒนาการ

.

แต่…มนุษย์ส่วนใหญ่มักจะฝืนธรรมชาติ ด้วยการดื่มนมต่อเนื่องแม้จะพ้นวัยเด็กไปแล้ว

.

ผลลัพธ์คือ คนจำนวนมากไม่สามารถย่อยแลคโตสได้ดีนัก เมื่อดื่มนมหรือกินผลิตภัณฑ์จากนม จึงมักเกิดอาการไม่พึงประสงค์ เช่น ท้องอืด ท้องเสีย คลื่นไส้ หรือผายลมบ่อย อาการเหล่านี้คือสิ่งที่เรียกว่า ‘Lactose Intolerance’ หรือภาวะไม่ย่อยแลคโตส ไม่ใช่การ ‘แพ้นม’ อย่างที่หลายคนเข้าใจผิด เพราะมันไม่ใช่อาการแพ้แบบรุนแรงที่คุกคามชีวิต เช่น หายใจไม่ออกหรือผื่นขึ้นรุนแรง

.

แต่ที่น่าสนใจคือ มีมนุษย์บางกลุ่มที่สามารถฝืนกฎธรรมชาติท กลับสามารถดื่มนมได้อย่างไม่มีปัญหา ซึ่งนักวิทยาศาสตร์พบว่าคนกลุ่มนี้มีการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรม ทำให้ร่างกายผลิตเอนไซม์แลคเตสต่อไปแม้โดยไม่มีปัญหา

.

การกลายพันธุ์นี้เชื่อว่าเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 9,000 ปีก่อน ในกลุ่มมนุษย์ที่เริ่มเลี้ยงวัวและใช้ประโยชน์จากน้ำนม การดื่มนมกลายเป็นกิจวัตร จนเกิดการปรับตัวในระดับดีเอ็นเอ และถ่ายทอดความสามารถในการย่อยแลคโตสนี้สืบต่อจากรุ่นสู่รุ่น จนกลายเป็น ‘มนุษย์มิวแทนต์’ ที่สามารถดื่มนมได้ตลิดชีวิต

.

ชาวตะวันตกจำนวนมากสืบเชื้อสายมาจากกลุ่มมนุษย์ที่กลายพันธุ์เหล่านี้ จึงมักมีความสามารถในการย่อยนมสูง ในขณะที่ชาวเอเชียซึ่งมีประวัติการบริโภคนมน้อยกว่า ผู้ใหญ่เอเชียมีแนวโน้มเป็น Lactose Intolerant มากถึง 80-90 เปอร์เซ็นต์

.

เพราะฉะนั้น หากคุณดื่มนมแล้วรู้สึกแน่นท้อง มีแก๊ส หรือท้องเสียอยู่บ่อยครั้ง นั่นอาจไม่ใช่การแพ้นม แต่เป็นการที่ร่างกายของคุณกำลังทำในสิ่งที่ธรรมชาติออกแบบไว้แล้วต่างหาก และไม่ต้องกังวล เพราะยังมีตัวเลือกอีกมาก เช่น นมพืชหรือนมที่ไม่มีแลคโตส ที่จะช่วยให้คุณได้โปรตีนแบบไม่ต้องทนทรมานท้องอีกต่อไป

ที่มา : BrandThink