นิทานเรื่อง น.ช.เด็กดื้อกับใบปริญญา

กระทู้สนทนา
นิทานเรื่อง น.ช.เด็กดื้อกับใบปริญญา
     ช่วงต้นปี เดือน มกราคม ปี 2560 มีเด็กดื้อคนหนึ่งได้ก้าวผิดทำสิ่งผิดกฎหมายเกี่ยวกับ พรบ.ยาเสพติดฯ ชีวิตพลิกแบบไม่ทันตั้งตัว จากที่มีอิสระภาพทุกอย่างก็ต้องจบลง ต่อมาได้มีคำพิพากษาจากศาลชั้นต้นให้จำคุก "ตลอดชีวิต" รับสารภาพ ศาลชั้นต้นลดเหลือ 29 ปี หลังจากมีคำตัดสินแล้วมีหมายเด็ดขาดเข้า เด็กดื้อคนนั้นก็รับรู้ว่าต้องเป็น น.ช. อย่างสมบูรณ์แบบ ระยะเวลา 6 เดือนกับรอคำตัดสิน หลังจากนั้นเด็กดื้อคนนั้นก็ต้องย้ายที่คุมขังเนื่องจากเป็นโทษสูง จึงต้องย้ายไปควบคุมตัวที่เรือนจำกลางของจังหวัด....และนี้คือ
   จุดเปลี่ยนของชีวิต เด็กดื้อคนนี้ เข้าเดือนที่ 7 ยังใช้ชีวิตแบบไม่มีเป้าหมาย คิดอะไรไม่ออก คิดอย่างเดียว คิดถึงครอบครัว พอเข้าเดือนที่ 8 มีหัวหน้าฝ่ายควบคุมแดนนั้น ได้เรียกเด็กดื้อไปสอบถาม จบการศึกษาอะไรมา เด็กดื้อตอบ จบ ปวส.คอมพิวเตอร์ธุรกิจ วันต่อมาหัวหน้าฝ่ายเรียกให้เป็นผู้ช่วยงานเจ้าหน้าที่ ทุกอย่างก็เปลี่ยนต้องตื่นมาแล้วลงจากเรือนนอนมาช่วยงานเจ้าหน้าที่ทุกวัน แล้วต้องช่วยเจ้าหน้าที่ทุกคนในแดน แต่เด็กดื้อคนนั้นไม่เคยท้อ เด็กดื้อนั้นไม่เคยเกเร ไม่หาเรื่องใคร ทำงานช่วยเหลือเจ้าหน้าที่อย่างเดียว
   กลางคืนเวลาประมาณ 2 ทุ่มนิดๆ มีเสียงโทรทัศน์ดัง และมีอีกเสียงดังมาจากด้านขวามือ พูดว่าถ้ารู้ว่าต้องจำคุกอีกนานก็เรียนต่อแลกกับกับเวลา ให้คิดว่าเรามาเรียนมหาลัยต่อและหาสิ่งดีๆออกไป หลังจากนั้นเด็กดื้อเริ่มมีความคิดที่จะเรียนต่อ ปริญญาตรี อยู่ไปได้ประมาณ 1 ปีกว่า เด็กดื้อได้สมัครลงศึกษาต่อระดับชั้นปริญญาตรี เทอม 2 ปี 2561 จากชีวิตที่ลำบากจากการถูกจำคุกแล้ว ต้องช่วยเจ้าหน้าที่ทำงาน ต้องดูแลตัวเองให้รอดออกไปใช้ชีวิตต่อด้านนอกให้ได้ แล้วต้องศึกษาอ่านหนังสืออีก 1 อย่าง แต่เด็กดื้อคนนั้นไม่เคยท้อ ไม่เคยถอย ไม่เคยพูดว่ายอมแพ้ สู้ๆอย่างเดียว จนช่วงโควิด
   เด็กดื้อคนนั้นต้องตกใจอีกครั้งหลังมีหนังสือให้ย้ายที่คุมขังไปคุมขังที่ ลาดยาว คือเรือนจำกลางคลองเปรม ระยะทางประมาณ 1100 กิโล ต้องนั่งท้ายรถกะบะของเรือนจำ ประมาณ 12 ชั่วโมง (อันนี้ที่สุดของความลำบาก) เด็กดื้อคนนั้นต้องย้ายมาเพราะทางมหาลัยมีกิจกรรมต้องทำส่งด้วยตัวเองจึงต้องย้ายมาเพื่อให้อาจารย์ในมหาลัยทำการสอน และสอบตามกิจกรรมของวิชา หลังจากนั้นก็ลำบากอีกเพราะโควิทระบาดในเรือนจำ เด็กดื้อคนนั้นต้องคุมขังอยู่ที่เรือนจำคลองเปรมต่อไป โดยไม่มีใคร ไม่มีเพื่อน ไม่ช้อนกินข้าว แต่
   ชีวิตช่วงเวลาเจอเรื่องร้ายๆจะเจอสิ่งดีๆอยู่เสมอ มีน.ช.ใจดี ช่วยทุกอย่าง เรื่องการกิน การนอน เด็กดื้อคนนั้นก็ต้องอยู่รอย้ายกลับไปคุมขังที่เรือนจำเดิม หลังจากมีคำสั่งได้ย้ายกลับอีก 1100 กิโล รอบนี้เด็กดื้อต้องลำบากอีกครั้ง เพราะต้องหยุดพักรถแล้วคุมขังที่ เรือนจำสุราษฏาธานี (เรือนจำนี้ที่สุดแห่งความลำบาก) ที่เคยเจอมา ขาของเด็กดื้อมีโซ่ตวน การใช้ชีวิตแค่ระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมงเพื่อรอรถมารับตอนเช้า (แต่เด็กดื้อบอกเลยลำบากที่สุดอีก 1 ครั้ง) พอได้กลับมาใช้ชีวิตในเรือนจำเดิมอีกครั้งก็เริ่ม ลงเรียนครั้งละ 3 วิชา 4 วิชา แต่ถ้าเทอมไหนไม่ไหวก็จะลดการลงเรียนเหลือแค่ 1 วิชา  
    สอบไม่ผ่าน สอบใหม่ สอบตก อ่านหนังสือสอบใหม่ เด็กดื้อคนนี้ได้วางแผนการเรียน การใช้ชีวิตอยู่ด้านใน อย่างระมัดระวังทุกเรื่องระยะเวลาผ่าน 5 ปี 15 วัน ต้นปี 2565 ก็ได้รับการปล่อยตัวเพราะเด็กดื้อเป็นนักโทษชั้นเยี่ยมมาตลอดได้รับพระราชทานอภัยโทษทุกครั้ง เด็กดื้อคนนี้ไม่เคยทำผิด เกเร หรือทำผิดระเบียบเรือนจำ มีแต่ช่วยงานเจ้าหน้าที่และตั้งใจเรียน ตั้งใจหาวิชาชีพที่ออกมาแล้วจะอยู่ได้ในสังคม ก่อนเด็กดื้อจะปล่อยตัวได้ศึกษาปริญญาตรีเหลือ 3 วิชาสุดท้าย ก็ออกมาทำการเรียนต่อด้านนอกก็จบปริญญาตรีในที่สุด ใช้ระยะเวลาในการเรียน ประมาณ 4 ปีกว่า
   นิทานเรื่อง น.ช.เด็กดื้อกับใบปริญญา เรื่องนี้สอนให้รู้หลายอย่างชีวิตอย่าไปท้อ ถอยได้ช่วงที่ต้องถอย ถอยแล้วต้องเดินไปข้างหน้าต่อ อดทน แล้วใช้คำว่า "สู้ๆ"อย่าไปยอมแพ้ ต่อให้ชีวิตจะลำบากแค่ไหน ถ้าตั้งใจ แล้วรู้ว่าทำเพื่อใคร ชีวิตก็ไม่ต้องไปกลัวอะไร สู้ๆครับทุกคน จาก น.ช.เด็กดื้อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่