[CR] ์No.149 Grand Tour (2024) : อลวนผจญ Way ม่วนซื่นโฮ Grand


- โดยรวมพอประติดประต่อได้อยู่ในความสัมพันธ์ของ 2 ตัวละครหลักอย่าง Edward กับ Molly ที่อยู่ในช่วงหักเหก่อนถึงวันแต่งงาน ถึงระหว่างดูเพิ่งมาจูนติดเอาตอน 1 ชั่วโมงหลังจากเข้าสู่ Part ของ Molly ที่รับช่วงต่อจาก Part ของ Edward ที่รับบทเป็นเดอะแบกไปก่อนหน้านี้ เหมือนเราเป็น 1 ผู้ร่วม Trip เดินตามรอยที่ Edward ทิ้งไปเรื่อยพร้อมกับหาสาเหตุด้วยว่า ทำไมถึงหายศีรษะไปดื้อ ๆ  Line ไม่ตอบ จากที่ประมวลในเวลา 2 ชั่วโมงนิด ๆ ตัวหนังจะแบ่งเป็น 2 Part แต่ละ Part จะเล่ามุมมองผ่านตัว 2 ละครตามที่กล่าวไปด้วยวิธีการนำเสนอความเป็น Fiction ผสมกับ Document เชิง Experiment ที่มาในรูปของการถ่ายภาพหรือการแสดงศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ของที่ที่ผจญ ไม่ว่าจะเป็น  พม่า , ไทย , สิงค์โปร , เวียดนาม , ญี่ปุ่น และ จีน นำมาเป็น Footage เรียงติดร่วมกันจนเกิดความแปลกตาเหมือนนั่งดูงานศิลป์ตะวันออกผ่านสายตาคนตะวันตกในหอจดหมายภาพยนตร์ที่ให้ความสุนทรีย์และสาระตาม Timeline ทางประวัติศาสตร์สมัยปี 1917 โน้น ด้วยความที่ห่างจากปัจจุบันถึง 108 ปีทำให้ผมต้องดูไปคิดภาพตามอย่างหนักว่าบริบทในสมัยนั้นมีลักษณะเป็นอย่างไร ?

- แม้ไม่เข้าใจทั้งหมดก็พอสามารถเห็นภาพคร่าว ๆ แล้วไล่ความจำย้อนมาทวนตั้งแต่ตอนเพิ่งเข้ามาดูราว 11 นาทีในฉากรถไฟสายหนึ่งในภาพขาวดำก็ถึงกับยิ้มมุมปากว่าเป็นของประเทศไหนกำลังแล่นเข้าสู่อุโมงค์อย่างช้า ๆ โดยที่เราจะไม่เห็นตัวอุโมงค์เพราะมุมกล้องได้หันไปดูรางที่เพิ่งแล่นผ่านไปในภาพขาว-ดำผมเห็นปุ๊ปในหัวคิดถึงเรื่อง Peppermint Candy (1999) ขึ้นมาทันทีแต่ถูกเสียงบรรยายเป็นภาษาไทยเหมือนนั่งดูรายการกระจกหกด้านดังกลบความคิดที่กำลังวิ่งอยู่ในหัวจนอึ้งไปยกแรก พอหนังเลื่อนฉากต่อไปที่เครื่องเล่นชิงช้าสวรรค์ในงานวัดที่หนึ่งแถมยังเป็นภาพสีสดใสเหมือนใช้ผงซักฟอกบรีสขจัดคราบแล้วที่สำคัญคือคนในงานจ้อเป็นภาษาไทยเต็ม 2 หู เท่านั่นแหล่ะผมนี้มึนไปรอบ 2 ต่อว่า นี่กูดูอะไรวะ ? แม้สตั๊นท์ไป 2 รอบก็ไม่อาจลดความพยายามติดตามต่อ

- ระหว่างดูเริ่มรู้สึกจะประคองสติไม่อยู่คล้ายจะวูบหลับเพราะมีบางอย่างมารบกวนการทำความเข้าใจในเนื้อสารนั่นคือการใส่ภาพ Footage ที่ถ่ายได้และสรรหามาแต่ละที่ปนกัน โอเคว่า การมีของมันทำให้หนังดึงเสน่ห์ระหว่างความเป็นตะวันตกกับตะวันออกได้น่าสนใจและมีความพิเศษในแง่ของเทคนิคสลับมุมพีเรียดกับปัจจุบันไปมาจนตื่นตาและเวียนหัวเกือบจะเข้าไม่ถึงแต่การปล่อย Joint กับสิ่งนี้มากไปก็ทำให้ผมลืมเส้นเรื่องที่ตัว Edward กำลังผจญเลยว่าระหว่างทางเกิดอะไรขึ้นและวาร์ปไปอีกที่ได้ยังไง ? ตกลงหนังมันเล่าในยุคพีเรียดหรือปัจจุบันกันแน่วะ ? เมื่อรู้ตัวว่าจูนเหตุการณ์ไม่ทันแล้วในที่สุดหลังจากพ้นช่วงที่ Edward นั่งถกไม่แถกับเจ้าอาวาสตัว ๆ ในวัดญี่ปุ่นเสร็จจึงขอตัววูบหลับไปทันทีแล้วมาสะดุ้งตื่นตอนได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องลืมตาดูก็เห็นตัว Edward นั่งซมอยู่ในป่าจนผมมึนรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้แล้วว่า เมื่อกี้ยังอยู่ที่วัด ไหงกลับเข้าไปอยู่ในป่าอีกแล้ว ? บวกกับความที่เข้ามาสายด้วยเลยมีคำถามในหัวอยู่ว่า ก่อนหน้านี้มีฉากที่ทั้ง 2 ปะทะหรือเปล่า ? แม้ระหว่างทางจะมีเอ่ยถึงผ่านคำพูดหรือเสียงบรรยายก็ไม่ทำให้คลายข้อข้องใจซะสนิท ซึ่งตรงจุดนี้มันทำให้เห็นช่องโหว่ทางความสัมพันธ์ของตัวละครที่ไม่ได้ปรากฎอย่างชัดเจน


-  หลังจูนติด สติมา ความมึนเริ่มหาย จับทางได้ถูก อารมณ์ก็เลยเปลี่ยนเป็นลุ้นตามตัว Molly ว่าจะเจอตัว Edward กี่โมง ? ด้วยความที่ยุคสมัยในหนังที่อิงไม่ได้มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายเหมือนทุกวันนี้ ยิ่งเฉพาะการเดินทางไปที่ไกล ๆ วัฒนธรรมแปลกถิ่น เป็นอะไรที่ยากลำบากและเสี่ยงอันตรายทุกเมื่อ ไหนจะต้องรับมือกับสภาพแวดล้อมที่ไม่รู้จัก สภาพอากาศที่ไม่คุ้นเคย หรือ คนท้องถิ่นที่คาดการณ์ไม่ถูกว่าจะเป็นมิตรหรือเป็นศัตรูอีก ขนาดว่ามีเพื่อนชายคอย Take Care หรือชวนสาวเวียดนามมาร่วมวงก็ไม่อาจวางใจได้ว่าจะเจออะไร ? ถึงหนังไม่ได้เจาะลึกในส่วนสภาพที่โยงไปถึงระบบโครงสร้างแต่การที่ Molly ฝ่าดงกระโจนเลในยุคล่าอาณานิคม เจ้าขุนมูลนาย ก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดีว่าสภาพสังคมสมัยนั้นไม่ได้เอื้อให้ผู้หญิงมีบทบาทมากเท่าไหร่ ?

- ถึงนิสัยส่วนตัวของ Molly จะไม่ได้น่ารักกับ Edward จนต้องโกยแนบแล้วคุณเธออยากไล่ตามเหมือนกำลังเล่นเกมส์จับหนูตามล่าหาสมบัติรอบทวีปเอเชียจนนำไปสู่บทสรุปช่วงท้ายทำเอาผมอึ้งไปชั่วครู่บอกไม่ถูกว่าจะรู้สึกยังไงเมื่อหวยออกมาเลขนี้ แต่ทั้งนี้หนังก็ให้ข้อคิดและสะท้อนถึงบริบทในสังคมไม่ว่าจะสมัยนั้นหรือสมัยนี้ผ่านความเชื่อ การวางตัว ความเหมาะสมตามกรอบที่สังคมกำหนดว่าความรักสมควรให้กับคนที่เราเลือก ถึงบางครั้งการอยู่ร่วมกันจะเกิดความขัดแย้งจนเกิดอารมณ์สับสนในตัวก็พึ่งมีสติคิดไตร่ตรองก่อนจะทำเพราะนอกจากบ้านเมืองมีกฎแล้วความซื่อสัตย์ยังเป็นรากฐานสำคัญของความไว้ใจเช่นกัน ฉะนั้นถ้าเราวางตัวและให้ความเชื่อมั่นอย่างจริงใจให้เขาเห็น เขาก็จะยอมรับและเข้าใจเราได้ไม่ยาก ต่อให้ไม่เป็นไปตามที่หวังก็เถอะ

ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ : EMistique
ชื่อสินค้า:   Review By EMistique
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่