การสูญเสียคุณแม่ส่งผลต่อชีวิตประจำวันมากเหลือเกินครับ ผมคงลุกไม่ไหว

คุณแม่ผมท่านเสียไปเดือนที่แล้ว ท่านเสียตอนอายุ 88 ส่วนผม 45 ท่านรับผมมาเลี้ยง ท่านไม่รู้หนังสือด้วย
แต่ผมไม่เคยคิดอายเลย กลับภูมิใจมากว่ามือนี้เลี้ยงผมมาจนโต
ส่งเรียนจนจบ ผมชอบจับมือแม่  เป้ฯมือที่สวยงามที่สุดของผม ท่านดูแลผมอย่างดี มอบความรักให้เต็มที่
ช่วง4-5ปีหลัง ท่านเดินไม่ได้ ผมก็อยู่บ้านเพื่อดูแลใกล้ชิด ท่านบอกผมว่าไม่ชอบนอนชั้นล่าง ผมก็บอกไม่เป็นไรผมอุ้มขึ้นลงทุกวันเอง
ผมอาบน้ำดูแลเรื่องขับถ่าย มันเเป็นความสุข ยิ่งได้นั่งใกล้ๆกัน กอดกัน จับมือกัน ยิ่งเต็มหัวใจ อาจมีทะเลาะกันบ้าง
แต่ส่วนใหญ่บ้านเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ตอนท่านจากไปไม่มีสัญญาณอะไรเลย อยู่ดีๆท่านก็ไม่ทานข้าว
ผมทำโจ๊ก ข้าวต้ม อาหารปั่นท่านก็ไม่ทาน ผมบอกว่าไปหาหมอเถอะ บางทีมีอาหารเหลวหรือให้อาหารทางสายยางได้
ท่านก็ยืนกรานไม่ไป แล้วท่านก็ทรุดลงเรื่อยๆ ผมก็ได้แต่กอด ทุกวันได้แต่ยกมือไหว้ตอนจะนอน แม่ครับขออีกวันนะ จนวันนึง
ผมเห็นแม่ไม่ไหว ผมก็บอกแกว่า แม่ครับตั้มไม่กล้าขออีกวันแล้ว ถ้าแม่ไม่ไหวก็เดินทางนะ คืนนั้นแกจับมือผมทั้งคืนเลย
ผมไม่เคยรู้สึกกลัววันพรุ่งนี้เท่าคืนนั้นเลย พอเช้ามาท่านก็พูดไม่ได้แล้ว แล้วก็หายใจแรง ผมก็กอดท่านไว้ แล้วบอกแม่ค่อยๆหายใจนะ หายใจช้าๆ
แล้วท่านก็หยุดหายใจในอ้อมกอดผม ผมผ่านงานศพ ลอยอังคาร ด้วยอาการ งงๆ ทำอะไรไม่ถูก ในใจก็นึกถ้าเราบังคับแม่
ถ้าต้องให้อาหารทางสายยางเราบังคับท่านได้ไหม

ตั้งแต่แม่จากจากไปครอบครัวที่มีกันสองคน ก็เหลือผมคนเดียว บ้านมันเงียบ เหงา มืด ญาติก็ไม่มี เพื่อนก็ห่างกันไปหลายปี
เพราะช่วง4-5 ปีผมเน้นดูแลคุณแม่เป็นหลัก ใครโทรมาชวนไปไหนก็ไม่ได้ไป ท่านไม่ชอบใส่ผ้าอ้อม ผมเลยเน้นอุ้มท่านเข้าห้องน้ำ
นอนเตียนกันท่านเรียกก็อุ้ม ตอนนี้ก็เลยไม่กล้าโทรไปบอกเพื่อนแม้กระทั่งแม่เสียก็ไม่กล้า เพราะไม่ได้ติดต่อหลายปี

ตอนนี้ร่างกายผมเริ่มไม่ทานอาหาร จากตอนแรกปกติ ก็ข้าว 1 กล่อง ต่อ 1 มื้อ หลังคุณแม่เสียผมก็ 1 กล่องทานสองมื้อ มื้อเย็นไม่ทาน
ต่อมาก็ทานข้าวไม่ได้ ผมก็เปลี่ยนมากินกล้วยหรือสาลี่กับกาแฟ ตอนเช้า เที่ยงกับเย็นก็ไม่ได้ทาน ทานไม่ไหว จน4-5 วันนี้ผมทานไม่ได้เลยทาน
แล้วก็อาเจียนออกมา จิบน้ำเปล่าก็คลื่นไส้ ผมก็คิดนะว่าไปหาหมอดีไหม แต่ผมจะหาหมอเพื่อใคร ผมตัวคนเดียวแล้ว ก็เลยไม่ไป
เมื่อวานผมก็วูบไปตรงหน้าประตูบ้าน ดีว่ามีขนส่งมาเห็นก็คอยช่วยจนได้สติ แล้วก็มีน้องที่บ้านใกล้กันเค้าเอาข้าวมาแขวนไว้ที่ประตู
แต่ผมก็ไม่อยากทานกะว่าเย็นๆแวะเอาไปให้ รปภ ผมก็ไปนอนบนเตียง ในใจตอนนั้นผมรู้สึกดีใจนะ ว่าสงสัยจะได้เดินทางไปเจอแม่แล้ว
เพราะผมไม่ได้ฆ่าตัวตาย ผมพยายามแล้วแต่ร่างกายไม่รับ ผมเบลอๆอยู่พักนึงก็นึกถึงคำที่แม่เคยพูดว่า เกี้ยลื้อไปหาอะไรเจี๊ยะ (ลูกไปหาอะไรกินนะ)

ผมก็สะดุ้งขึ้นมา เลยไปลองทานข้าวกล่องนั้น ผมทานได้หมดไม่อาเจียน ผมน้ำตาไหล ในใจก็นึกว่าแม่ครับ ยังต้องอยู่อีกนิดใช่ไหมครับ
สำหรับพวกเราเป็นคนสำคัญซึ่งกันและกัน ดวงใจผมอยู่ท่าน ดวงใจท่านอยู่ที่ผม เรานึกถึงอีกฝ่ายก่อนเสมอ ผมเจ้บในหัวใจมาก

วันนี้ อาการทานไม่ได้ก็เป็นอีก ไม่หิว ฝืนทานก็อาเจียน ผมก็ได้แต่บอกหน้ารูปแม่ ว่าพยายามเต็มที่แล้วอย่าโกรธตั้มเลยนะ
ผมรู้ตัวว่าไม่ไหว แต่ผมก็ไม่รู้ผมจะไปพบหมอหรือจิตแพทย์เพื่ออะไร เพื่อให้หายดีเพื่อใคร จริงๆผมเคยป่วยหนักเดินไม่ได้ ช่วงนั้นที่บ้านเดิน
ไม่ได้กันทั้งสองคน ลำบากมาก ขาจ็บมากจนอยากจะตัดทิ้ง ยืนแทบไม่ได้ ตอนนั้นเห็นหน้าคุณแม่ ผมก็บอกกับตัวเอง ตายไม่ได้ ตายไม่ได้
ตายแล้วใครจะดูแลคุณแม่ ท่านเดินไม่ได้นะ ไม่รู้หนังสือเดี๋ยวโดนคนหลอก ผมก็ใช้แรงใจอดทนสู้จนหายดี แต่พอมาวันนี้
ผมดูร่างกายแล้ว ในใจผมนึกว่า ตอนนี้ตายได้แล้วล่ะ

เพราะข้าวกล่องเมื่อวานทำให้ผมมีแรงพิมพ์ ในวันนี้ อยากบอกว่า ทุกท่านที่มีคนสำคัญ มีดวงใจเป็นใคร หรือเป็นดวงใจของใคร
รักพวกเค้าให้มากๆนะครับ และพยายามอย่าให้ชีวิตเหลือตัวคนเดียว เพราะมันจะลุกขึ้นได้ยากเมื่อมีการสูญเสีย
ขอบคุณพื้นที่สำหรับการเขียนนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่