คือมันเป็นฝันร้ายสำหรับเรามโดยตลอด แล้วไม่เคยเล่าให้ใครฟังเเม้กระทั่งคนในครอบครัว
เรา เก็บเรื่องราวเหล่านี้ไว้กับตัวเองแล้วก็สู้มาคนเดียวตลอด จัดการกับความรู้สึกตัวเอง และแอบร้องไห้ในบางครั้ง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะเคยคิดว่าอยากฆ่าตัวตายนะคะ แต่แค่เราไม่รู้จะทำยังไงให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้หลุดพ้นออกไปจากตัวเราสักที
สวัสดีค่ะเหตุการณ์ที่เราจะเล่า เป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับเราเมื่อสมัยสมัยเรายังเรียนอยู่มัธยมค่ะ ซึ่งตอนนี้เราอายุ 29 แล้ว
แต่ว่าความทรงจำกับกับเหตุการณ์เหล่านั้นมัน ไม่เคยหายออกไปจากตัวเราเลย หลายครั้งมันยังวนเวียนกลับเข้ามาในหัว
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไม เรายังไปนึกถึงเรื่องราวเหล่านั้นทั้งๆที่มันก็ผ่านมานานมากๆแล้ว
เราเป็นผู้หญิงที่หน้าตาไม่ได้ดีมากค่ะ มีผิวสีแทน
ช่วงประถมเรียนอยู่ที่โรงเรียนประจำหมู่บ้านค่ะ ตั้งแต่อนุบาลจนถึงซักช่วงประมาณ ป. 4 แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ที่จะต้องทำให้ย้ายโรงเรียนค่ะทำให้เราเนี่ยได้ย้ายไปอยู่อีกจังหวัดนึง ในช่วง ป. 4 ถึง ป. 6 (ช่วงอนุบาลจนถึงป 4 เนี่ยก็สนิทกับเพื่อนๆทุกคนในหมู่บ้านเลยนะคะที่อยู่ในวัยเดียวกัน ไม่เคยมีเรื่องให้ทะเลาะกันถึงขั้นเกลียดกันหรืออะไรเลย)
ช่วงที่จบ ม. 6 ก็ได้ย้ายกลับมาเรียนที่โรงเรียนมัธยมที่ใกล้บ้าน จังหวัดที่เคยเรียนช่วงประถม แล้วเหตุการณ์บูลลี่ครั้งนี้ก็เกิดขึ้น
“จากคนที่ เราเรียกเขาว่าเพื่อนค่ะ“
เรากับเพื่อนคนนี้ ได้เรียนอยู่คนละห้องกันค่ะ ช่วงแรกๆก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรนะคะเพราะเราก็ไปโรงเรียนด้วยกันค่ะ คุยกันเฮฮาปาร์ตี้ปกติคุยกันถึงเรื่องตอนที่เรียนประถม แต่พอนานวันเข้าเราก็เริ่มห่างกันไม่ค่อยได้คุยกัน แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรอยู่ๆ เค้าถึงเป็นตัวตั้งตัวตีในการบูลลี่เรา
เวลาที่เดินเรียน จะมีบางครั้งที่เราเดินรั้งท้ายเพื่อน หรือเดินคนเดียวบ้าง ถ้าบังเอิญเดินผ่านไปเจอกลุ่มเพื่อนคนนี้ จะมีการนินทาเกิดขึ้นเพื่อตั้งใจให้เราได้ยิน “ ๆ อีไม่สวยเดินมาล่ะ “ แล้วก็หัวเราะคิกคักกันในกลุ่ม หรือ “ อีพยายามสวยบ้างล่ะ“ เราเจอคำพูดพวกนี้มาตลอดแต่ว่าเราไม่เคยตอบโต้เลยนะ
จากแค่กลุ่มเพื่อนเขาเอง ลามไปถึงกลุ่มรุ่นพี่ที่เขารู้จัก เพราะเพื่อนคนนี้ใช้คำพูดพวกนั้นเรียกเรา เวลาที่อยู่ในกลุ่ม “ เรากลายเป็นตัวตลก “ หลังจากนั้นรุ่นพี่พวกนั้นก็เรียกเราแบบนั้นเหมือนกัน “น้องพยายามสวย“ จะใช้คำพูดพวกนี้ล้อเราทุกครั้งที่เจอเรา
แต่นั่นสิคะมันดันไม่จบแค่ที่โรงเรียน กลายเป็นว่าเวลาที่เราจะไปตลาดหรือไปหาเพื่อน เราต้องขับรถผ่านหมู่บ้านหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งจะมีกลุ่มรุ่นพี่ของเพื่อนคนนี้นั่งอยู่ที่บริเวณสี่แยกมันจะมีซุ้มค่ะที่เด็กวัยรุ่นชอบไปนั่งกัน “ ทุกครั้งเวลาที่ขับผ่าน ก็จะได้ยินคนตะโกนมาว่า น้องพยายามสวย “แล้วก็เสียงหัวเราะตามมา เราเคยหันไปมองซึ่งครั้งหนึ่งมีกลุ่มรุ่นพี่อยู่จริงค่ะ แต่หลังจากนั้นที่เราได้ยินอ่ะมันกลายเป็นคนอื่น เพราะเขาได้ยินคนนึงตะโกนพูดแบบนั้น คนในกลุ่มเวลาที่เห็นเห็นเราเค้าก็เลยเรียกตาม ซึ่งเค้าก็ไม่เคยรู้จักเรามาก่อน “ ได้แต่อดทนค่ะ ว่าต้องผ่านไปให้ได้ “ หลายๆครั้ง ก็ไม่อยากไปเรียน “ หลายๆครั้ง กลัวการเดินเรียนเราบังเอิญไปเจอคนเหล่านี้
นั่นแหละค่ะ เราทนอยู่กับคำพูดพวกนี้ การกระทำของเพื่อนคนนี้ได้จนจบ ม. 6 ไม่เคยบอกกับครอบครัว ะกลับบ้านไปเราทำตัวปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น บ่อยครั้งที่แอบร้องไห้คนเดียว ตั้งคำถามกับตัวเองเป็น ร้อยๆข้อ “ว่าทำไม“ เพราะอะไร !!
ทุกครั้งที่เผลอไปนึกถึงก็ยังเสียใจอยู่ ได้แต่ตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราผิดอะไรนะ ทำไมคนที่เราเรียกว่าเพื่อนถึงทำกับเราได้ขนาดนั้น เราไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจอะไรกัน แต่แล้วจนจบ ม. 6 ก็แยกย้ายค่ะเราก็ไม่เคยติดต่อกับเพื่อนคนนี้อีก
หรือเพราะเราไม่สวยขนาดนั้นเลยหรอ หรือมันเป็นแค่เรื่องสนุกปากของคนคนนึงที่พูดออกมาแล้วรู้สึกว่าดูเท่ เพื่อยกระดับตัวเองให้รู้สึกว่าตัวเองดูสวยขึ้นหรอ แต่คนเหล่านั้นเค้าจะรู้มั้ยว่าเป็นปมกับเรามาตลอดเลย มันทำร้ายความรู้สึกเรามากๆเลย
ทุกวันนี้เราก็ไม่ได้นับคนคนนั้นเป็นเพื่อนแล้วค่ะ ตั้งแต่เรียนจบมาก็ยังไม่มีโอกาสได้เจอกันนะ แล้วก็คิดว่าคงจะไม่ให้อภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น เราไม่สามารถอโหสิกรรมกับเรื่องราวพวกนี้ได้เลย เพราะมันเป็นปมในใจมาตลอด
วันนี้ได้เล่าแล้วรู้สึกเหมือนเอาหินออกจากอกเลยค่ะ เพราะว่ามันถูกเก็บไว้ในใจมาตลอดเลย ไม่รู้ว่าจะไประบายให้ใครฟัง
มีใครเคยโดนบูลลี่ที่โรงเรียนมั้ยคะ จัดการกับมันยังไง
เรา เก็บเรื่องราวเหล่านี้ไว้กับตัวเองแล้วก็สู้มาคนเดียวตลอด จัดการกับความรู้สึกตัวเอง และแอบร้องไห้ในบางครั้ง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะเคยคิดว่าอยากฆ่าตัวตายนะคะ แต่แค่เราไม่รู้จะทำยังไงให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้หลุดพ้นออกไปจากตัวเราสักที
สวัสดีค่ะเหตุการณ์ที่เราจะเล่า เป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับเราเมื่อสมัยสมัยเรายังเรียนอยู่มัธยมค่ะ ซึ่งตอนนี้เราอายุ 29 แล้ว
แต่ว่าความทรงจำกับกับเหตุการณ์เหล่านั้นมัน ไม่เคยหายออกไปจากตัวเราเลย หลายครั้งมันยังวนเวียนกลับเข้ามาในหัว
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไม เรายังไปนึกถึงเรื่องราวเหล่านั้นทั้งๆที่มันก็ผ่านมานานมากๆแล้ว
เราเป็นผู้หญิงที่หน้าตาไม่ได้ดีมากค่ะ มีผิวสีแทน
ช่วงประถมเรียนอยู่ที่โรงเรียนประจำหมู่บ้านค่ะ ตั้งแต่อนุบาลจนถึงซักช่วงประมาณ ป. 4 แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ที่จะต้องทำให้ย้ายโรงเรียนค่ะทำให้เราเนี่ยได้ย้ายไปอยู่อีกจังหวัดนึง ในช่วง ป. 4 ถึง ป. 6 (ช่วงอนุบาลจนถึงป 4 เนี่ยก็สนิทกับเพื่อนๆทุกคนในหมู่บ้านเลยนะคะที่อยู่ในวัยเดียวกัน ไม่เคยมีเรื่องให้ทะเลาะกันถึงขั้นเกลียดกันหรืออะไรเลย)
ช่วงที่จบ ม. 6 ก็ได้ย้ายกลับมาเรียนที่โรงเรียนมัธยมที่ใกล้บ้าน จังหวัดที่เคยเรียนช่วงประถม แล้วเหตุการณ์บูลลี่ครั้งนี้ก็เกิดขึ้น
“จากคนที่ เราเรียกเขาว่าเพื่อนค่ะ“
เรากับเพื่อนคนนี้ ได้เรียนอยู่คนละห้องกันค่ะ ช่วงแรกๆก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรนะคะเพราะเราก็ไปโรงเรียนด้วยกันค่ะ คุยกันเฮฮาปาร์ตี้ปกติคุยกันถึงเรื่องตอนที่เรียนประถม แต่พอนานวันเข้าเราก็เริ่มห่างกันไม่ค่อยได้คุยกัน แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรอยู่ๆ เค้าถึงเป็นตัวตั้งตัวตีในการบูลลี่เรา
เวลาที่เดินเรียน จะมีบางครั้งที่เราเดินรั้งท้ายเพื่อน หรือเดินคนเดียวบ้าง ถ้าบังเอิญเดินผ่านไปเจอกลุ่มเพื่อนคนนี้ จะมีการนินทาเกิดขึ้นเพื่อตั้งใจให้เราได้ยิน “ ๆ อีไม่สวยเดินมาล่ะ “ แล้วก็หัวเราะคิกคักกันในกลุ่ม หรือ “ อีพยายามสวยบ้างล่ะ“ เราเจอคำพูดพวกนี้มาตลอดแต่ว่าเราไม่เคยตอบโต้เลยนะ
จากแค่กลุ่มเพื่อนเขาเอง ลามไปถึงกลุ่มรุ่นพี่ที่เขารู้จัก เพราะเพื่อนคนนี้ใช้คำพูดพวกนั้นเรียกเรา เวลาที่อยู่ในกลุ่ม “ เรากลายเป็นตัวตลก “ หลังจากนั้นรุ่นพี่พวกนั้นก็เรียกเราแบบนั้นเหมือนกัน “น้องพยายามสวย“ จะใช้คำพูดพวกนี้ล้อเราทุกครั้งที่เจอเรา
แต่นั่นสิคะมันดันไม่จบแค่ที่โรงเรียน กลายเป็นว่าเวลาที่เราจะไปตลาดหรือไปหาเพื่อน เราต้องขับรถผ่านหมู่บ้านหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งจะมีกลุ่มรุ่นพี่ของเพื่อนคนนี้นั่งอยู่ที่บริเวณสี่แยกมันจะมีซุ้มค่ะที่เด็กวัยรุ่นชอบไปนั่งกัน “ ทุกครั้งเวลาที่ขับผ่าน ก็จะได้ยินคนตะโกนมาว่า น้องพยายามสวย “แล้วก็เสียงหัวเราะตามมา เราเคยหันไปมองซึ่งครั้งหนึ่งมีกลุ่มรุ่นพี่อยู่จริงค่ะ แต่หลังจากนั้นที่เราได้ยินอ่ะมันกลายเป็นคนอื่น เพราะเขาได้ยินคนนึงตะโกนพูดแบบนั้น คนในกลุ่มเวลาที่เห็นเห็นเราเค้าก็เลยเรียกตาม ซึ่งเค้าก็ไม่เคยรู้จักเรามาก่อน “ ได้แต่อดทนค่ะ ว่าต้องผ่านไปให้ได้ “ หลายๆครั้ง ก็ไม่อยากไปเรียน “ หลายๆครั้ง กลัวการเดินเรียนเราบังเอิญไปเจอคนเหล่านี้
นั่นแหละค่ะ เราทนอยู่กับคำพูดพวกนี้ การกระทำของเพื่อนคนนี้ได้จนจบ ม. 6 ไม่เคยบอกกับครอบครัว ะกลับบ้านไปเราทำตัวปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น บ่อยครั้งที่แอบร้องไห้คนเดียว ตั้งคำถามกับตัวเองเป็น ร้อยๆข้อ “ว่าทำไม“ เพราะอะไร !!
ทุกครั้งที่เผลอไปนึกถึงก็ยังเสียใจอยู่ ได้แต่ตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราผิดอะไรนะ ทำไมคนที่เราเรียกว่าเพื่อนถึงทำกับเราได้ขนาดนั้น เราไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจอะไรกัน แต่แล้วจนจบ ม. 6 ก็แยกย้ายค่ะเราก็ไม่เคยติดต่อกับเพื่อนคนนี้อีก
หรือเพราะเราไม่สวยขนาดนั้นเลยหรอ หรือมันเป็นแค่เรื่องสนุกปากของคนคนนึงที่พูดออกมาแล้วรู้สึกว่าดูเท่ เพื่อยกระดับตัวเองให้รู้สึกว่าตัวเองดูสวยขึ้นหรอ แต่คนเหล่านั้นเค้าจะรู้มั้ยว่าเป็นปมกับเรามาตลอดเลย มันทำร้ายความรู้สึกเรามากๆเลย
ทุกวันนี้เราก็ไม่ได้นับคนคนนั้นเป็นเพื่อนแล้วค่ะ ตั้งแต่เรียนจบมาก็ยังไม่มีโอกาสได้เจอกันนะ แล้วก็คิดว่าคงจะไม่ให้อภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น เราไม่สามารถอโหสิกรรมกับเรื่องราวพวกนี้ได้เลย เพราะมันเป็นปมในใจมาตลอด
วันนี้ได้เล่าแล้วรู้สึกเหมือนเอาหินออกจากอกเลยค่ะ เพราะว่ามันถูกเก็บไว้ในใจมาตลอดเลย ไม่รู้ว่าจะไประบายให้ใครฟัง