‘โรคหัวใจ’มีเรื่องต้องห้ามที่ควรรู้….อ่านเลย! และ ดูให้ชัด! จัดฟันอย่างไรให้ปลอดภัย

เรื่องต้องห้ามของ โรคหัวใจ ที่ไม่ควรละเลย และสังเกตอาการกันอย่างไร
อ. นพ.บัณฑิต นราตรีคูณ สาขาวิชาโรคหัวใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องต้องห้ามของโรคหัวใจไว้ ว่า ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกพบว่า โรคหัวใจ และหลอดเลือดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของโลก ในเอเชียพบจำนวนผู้เสียชีวิตด้วยโรคนี้มากที่สุด เช่นเดียวกับสัดส่วนของคนไทยที่มีแนวโน้มเสียชีวิตด้วยโรคนี้เพิ่มมากขึ้นทุกปี โรคหัวใจมีสาเหตุจากอะไรบ้าง ทำอย่างไรเราถึงจะมีสุขภาพดีห่างไกลจากโรคนี้

โรคหัวใจคืออะไร โรคหัวใจ คือ โรคที่เกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างหัวใจ สามารถแบ่งได้เป็น 5 ประเภทใหญ่ ๆ คือ

เส้นเลือดหัวใจตีบ
ลิ้นหัวใจผิดปกติ เช่น ลิ้นหัวใจตีบ ลิ้นหัวใจรั่ว
กล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ
ระบบไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ เป็นสาเหตุของหัวใจเต้นผิดจังหวะ
หัวใจพิการแต่กำเนิด

อาการของโรคหัวใจ

อาการของโรคหัวใจแต่ละประเภทมีความแตกต่างกัน โดยส่วนมากคนไข้จะมีอาการเจ็บหน้าอก เหนื่อยง่าย หัวใจเต้นผิดจังหวะ ในรายที่เป็นกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติจะมีอาการท้องโต ขาบวม นอนราบไม่ได้

สาเหตุของโรคหัวใจ

สาเหตุของโรคหัวใจขึ้นอยู่กับประเภทของโรคหัวใจ อาจเกิดจากกรรมพันธุ์ โรคประจำตัว หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิต

ปัจจัยเสี่ยง โรคหัวใจ

อายุที่มากขึ้น ผู้สูงอายุเสี่ยงต่อโรคหัวใจมากขึ้น เนื่องจากการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ เสื่อมลงตามวัย

โรคประจำตัว คนที่มีโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง จะมีความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป

การสูบบุหรี่ สารที่อยู่ในบุหรี่ทำให้เซลล์เยื่อบุผนังหลอดเลือดเสื่อม ส่งผลต่อหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ ทำให้หัวใจขาดเลือด


4 ข้อห้ามโรคหัวใจ

มีความเชื่อที่แชร์ต่อ ๆ กันมาว่าหากเป็นโรคหัวใจควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารบางอย่าง หรือทำบางสิ่งบางอย่าง เพราะจะทำให้อาการของโรคแย่ลงได้ ความเชื่อเหล่านี้เป็นจริงไหม โดย ข้อห้ามโรคหัวใจ มีดังนี้

ความเชื่อที่ 1 ห้ามกินอาหารมัน
ความเชื่อนี้จริง การกินอาหารมัน ๆ เช่น คากิ ขาหมู หนังไก่ ไก่ทอด ทำให้ไขมันในเลือดสูงขึ้น ไขมันในเลือดจะไปเกาะกับเส้นเลือดทำให้เส้นเลือดตีบและเกิดหัวใจขาดเลือดได้

ความเชื่อที่ 2 ห้ามนอนดึก
ความเชื่อนี้จริง การนอนไม่พอส่งผลให้เส้นเลือดหัวใจเสื่อมไวขึ้น เกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบได้ง่าย นอกจากนี้ยังทำให้โรคร่วมต่าง ๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง มีอาการแย่ลงและส่งผลให้หัวใจทำงานแย่ลง ยิ่งสมัยนี้หลายคนนิยมดูซีรีส์ก่อนเข้านอน หากดูเพลินจนติดจะยิ่งทำให้นอนดึกขึ้น ดังนั้นหากเป็นไปได้ควรเปลี่ยนมาดูซีรีส์ช่วงกลางวันแทน

ความเชื่อที่ 3 ห้ามเครียด ห้ามโกรธ
ความเชื่อนี้จริง เพราะเมื่อเครียดหรือโกรธ หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น หากเป็นเส้นเลือดหัวใจตีบหรือกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงจะทำให้อาการแย่ลงได้

ความเชื่อที่ 4 ห้ามดื่มกาแฟ
ความเชื่อนี้ไม่จริง แม้ว่ากาแฟจะมีสารคาเฟอีน บางคนดื่มแล้วอาจรู้สึกใจสั่น ใจเต้นเร็ว อาการเหล่านี้เป็นอาการที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ไม่ได้ทำให้อาการของโรคหัวใจแย่ลง หากดื่มกาแฟแล้วไม่มีอาการใจสั่นก็สามารถดื่มได้ตามปกติในปริมาณที่เหมาะสม

การดูแลสุขภาพเมื่อเป็น “โรคหัวใจ”

ใช้หลักการดูแลสุขภาพแบบทั่วไป และปฏิบัติได้ไม่ยาก ดังนี้

กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ การกินอาหารที่มีประโยชน์และครบ 5 หมู่ จะช่วยเสริมสมรรถภาพการทำงานของหัวใจให้ดีขึ้น
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควรออกกำลังกายแบบแอโรบิก เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน อย่างน้อย 5-7 วัน/สัปดาห์ นาน 30 นาทีขึ้นไป จะช่วยให้หัวใจแข็งแรงขึ้น และควบคุมให้ไม่เกิดภาวะเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูงที่เป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดเส้นเลือดหัวใจตีบและหัวใจล้มเหลว
งดอาหารเค็ม อาหารเค็มก่อให้เกิดภาวะน้ำท่วมปอด เส้นเลือดหัวใจตีบ และหัวใจล้มเหลวตามมาได้
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเกิดเส้นเลือดหัวใจตีบและภาวะหัวใจล้มเหลว
ไม่เครียด นอนให้เพียงพอ

แม้โรคหัวใจจะเป็นโรคอันตรายที่อาจทำให้เสียชีวิตได้อย่างเฉียบพลัน แต่หากเราดูแลสุขภาพเป็นอย่างดีจะช่วยป้องกันการเกิดโรค หรือลดความรุนแรงของโรค และการเสียชีวิตอย่างเฉียบพลันได้...

สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/4528366/



“การจัดฟัน” เป็นวิธีช่วยจัดเรียงแนวฟันในช่องปากให้เป็นระเบียบสวยงาม แก้ไขปัญหาความผิดปกติของฟันและช่องปากให้ดีขึ้น ขณะเดียวกันมีความเชื่อที่แชร์ต่อกันมากเกี่ยวกับการจัดฟัน

“การจัดฟัน” เป็นวิธีช่วยจัดเรียงแนวฟันในช่องปากให้เป็นระเบียบสวยงาม แก้ไขปัญหาความผิดปกติของฟันและช่องปากให้ดีขึ้น การจัดฟันจึงยังเป็นที่นิยมอยู่ในปัจจุบัน

“คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล” บอกเล่าเกร็ดความรู้และคำแนะนำเกี่ยวกับการจัดฟัน ว่า เป็นการจัดเรียงฟันและขากรรไกรที่อยู่ผิดตําแหน่งให้กลับมาอยู่ในตําแหน่งที่ถูกต้อง โดยมีเป้าหมาย 3 อย่าง ได้แก่

1.เพื่อให้บดเคี้ยวอาหารได้ดีขึ้น ฟันที่สบได้ไม่ดีอาจมีผลต่อการเคี้ยวอาหาร การจัดฟันช่วยทำให้ฟันสบกัน และเคี้ยวอาหารได้ดีขึ้น

2.เพิ่มความสวยงาม เมื่อจัดฟันแล้วฟันจะเรียงตัวสวยขึ้น ส่งผลต่อความมั่นใจ ช่วยสร้างบุคลิกภาพที่ดี

3.ช่วยให้ทำความสะอาดฟันได้ง่ายขึ้น ฟันที่เรียงตัวไม่เป็นระเบียบมักยากต่อการทำความสะอาด และอาจเกิดฟันผุได้ง่าย ทันตแพทย์มักแนะนำให้คนไข้จัดฟัน เนื่องจากเป็นเคสที่คนไข้ส่วนมากมักไม่รู้ตัว


ใครบ้างที่ควรจัดฟัน

@ คนที่มีฟันซ้อน เก ฟันเบียดแน่น ฟันห่าง ที่ยากต่อการแปรงฟัน หรือชอบมีเศษอาหารติดตามซอกฟัน

@ คนที่ฟันสบกันไม่พอดี เช่น มีฟันสบลึก คือฟันล่างคร่อมบน หรือมีฟันสบอ้า คือมีช่องว่างระหว่างฟันหน้าบนกับฟันหน้าล่าง ทําให้กัดเส้นก๋วยเตี๋ยวไม่ได้

@ คนที่ต้องการมีฟันสวย คนไข้บางรายอาจมีฟันซ้อนหรือเกเพียงเล็กน้อย แต่รู้สึกไม่มั่นใจ การจัดฟันทำให้ฟันเรียงตัวสวยขึ้น ช่วยปรับบุคลิกภาพ เพิ่มความมั่นใจได้

ช่วงอายุที่เหมาะสำหรับการจัดฟัน

อายุที่เหมาะสมในการจัดฟัน คือ วัยรุ่นอายุ 14 ปีขึ้นไป จนถึงวัยทำงานตอนต้น เพราะเมื่อกระดูกยังอ่อน ทำให้การจัดฟันง่ายกว่าในวัยผู้ใหญ่ ส่วนเด็กที่พบความผิดปกติ ทันตแพทย์มักแนะนำให้จัดฟันตั้งแต่เนิ่นๆ อาจทำได้ตั้งแต่อายุ 8 ปีขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ผู้ใหญ่สามารถจัดฟันได้เช่นเดียวกัน แต่อาจใช้ระยะเวลานานกว่า เพราะฟันเคลื่อนได้ช้ากว่า


ปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาในการจัดฟัน

1.ความยากง่าย คนไข้ที่พบความผิดปกติมากต้องใช้ระยะเวลาในการแก้ไขนาน จากเดิมในเคสทั่วไปโดยเฉลี่ย 2-3 ปี อาจต้องใช้เวลามากถึง 4-5 ปีก็เป็นได้

2.อายุของคนไข้ อายุมีผลต่อการเคลื่อนของฟัน การจัดฟันในเด็กทำง่ายกว่าในวัยผู้ใหญ่

3.ความร่วมมือของคนไข้ คนไข้ต้องมาพบทันตแพทย์ทุกเดือนเพื่อตรวจเช็กความผิดปกติต่าง ๆ รวมถึงการเปลี่ยนยางและลวด อีกทั้งยังต้องรักษาความสะอาดของปากและช่องฟัน รวมถึงเครื่องมือจัดฟันอย่างดีด้วย

4.ความสามารถของทันตแพทย์ การเลือกทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญช่วยให้วางแผนการรักษาได้ดี และบรรลุเป้าหมายได้เร็ว

4 ความเชื่อเรื่องการจัดฟัน

หลายคนอาจเคยได้ยินความเชื่อที่แชร์ต่อกันมาเกี่ยวกับการจัดฟัน ความเชื่อเหล่านี้เรื่องไหนจริงหรือหลอก

ความเชื่อที่ 1 จัดฟันทำให้หน้าเรียวเล็กลง

จริงบางส่วน เพราะสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าเราดูใหญ่มี 3 อย่าง คือ กระดูก กล้ามเนื้อ และไขมัน การจัดฟันส่งผลต่อกล้ามเนื้อบดเคี้ยวเป็นหลัก คนไข้อาจเคี้ยวอาหารได้น้อยลง ใบหน้าจึงดูเรียวขึ้นจากกล้ามเนื้อที่เล็กลง แต่ไม่ได้ส่งผลต่อกระดูกหรือไขมัน


ความเชื่อที่ 2 จัดฟันตอนเด็กได้ผลดีกว่าผู้ใหญ่

จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ใหญ่ไม่สามารถจัดฟันได้ ทั้งนี้ การจัดฟันในเด็กมักได้ผลเร็วกว่า เนื่องจากกระดูกยังอ่อน ฟันจึงเคลื่อนได้เร็ว หากผู้ใหญ่จัดฟันต้องใช้ระยะเวลานานกว่า

ความเชื่อที่ 3 จัดฟันทำให้ผอมลง

ไม่จริง คนที่จัดฟัน แต่ยังรับประทานเยอะเป็นปกติอาจทำให้อ้วนได้ บางรายน้ำหนักขึ้นหลังจัดฟัน เพราะเลี่ยงไปรับประทานอาหารอ่อน ของหวานจำพวกเบเกอรี ขนมปัง แทนที่จะรับประทานอาหารตามปกติ

ความเชื่อที่ 4 จัดฟันที่ไหนก็ได้ ไม่อันตราย

ไม่จริง การจัดฟันกับคนที่ไม่ใช่ทันตแพทย์ ทำให้ฟันเรียงตัวผิดรูป หรือเกิดฟันผุได้ จึงควรเลือกจัดฟันกับทันตแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ไม่ต่ำกว่า 2 ปี เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการรักษา

คำแนะนําในการดูแลช่องปากเมื่อจัดฟัน

1.ดูแลรักษาความสะอาดช่องปาก ควรดูแลความสะอาดให้มากกว่าปกติ โดยเฉพาะในกรณีที่ใช้เหล็กจัดฟันติดแน่น เพราะเครื่องมือจัดฟันทำให้แปรงฟันได้ยากขึ้น จากเดิมที่เคยแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง อาจเพิ่มเป็น 3 ครั้งในตอนกลางวันก็ได้

2.มาพบทันตแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ ควรพบทันตแพทย์อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อตรวจเช็ก และปรับเครื่องมือให้แรงเคลื่อนฟันอย่างต่อเนื่อง

3.ระมัดระวังไม่ให้เครื่องมือหลุดเสียหาย หากคนไข้รับประทานอาหารไม่ระวัง เหล็กอาจหลุดออกมาได้ ทำให้ฟันเคลื่อนสะเปะสะปะ ส่งผลให้การรักษาช้าลง

4.ใส่รีเทนเนอร์เมื่อจัดฟันเสร็จ การใส่รีเทนเนอร์เป็นการคงสภาพฟันไว้ตามเดิม ระยะเวลานานแค่ไหนขึ้นอยู่กับทันตแพทย์เป็นผู้พิจารณา บางเคสอาจต้องใส่ตลอดชีวิต

หากพบความผิดปกติของฟันที่ส่งผลต่อการรับประทานอาหาร การใช้ชีวิต หรือความมั่นใจ ควรปรึกษาทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการรักษาต่อไป....

สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/4526488/

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่