เราขอแทนชื่อรูมเมทว่าเอ นะคะ คือเรากับเอเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันมาก่อนตอนม.ปลายค่ะและพอขึ้นปี2ก็ได้ย้ายมาเป็นรูมเมทกัน
ตอนแรกๆ อยู่ด้วยกันพอห้องรกหรือสกปรกของวางทิ้งไว้เราก็จะเป็นคนเก็บรวมถึงกวาดห้องล้างห้องน้ำเราก็เป็นคนทำเพราะเราไม่อยากไปจู้จี้จุกจิกกับเพื่อนว่าต้องทำแบบนั้นแบบนี้แรกๆเรายังไม่เท่าไหร่เพราะเราคิดว่าถ้าเค้าเห็นเราทำเค้าน่าจะเกรงใจและทำบ้างเค้าก็เหมือนจะเกรงใจแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรพอผ่านไปสั้กพักเราก็เริ่มไม่ค่อยโอเคค่ะเพราะเค้าไม่ได้ทำสกปรกแค่ที่ของตัวเองพวกพื้นหรืออะไรที่เป็นพื้นที่ส่วนรวมเค้าก็วางของกองๆทิ้งไว้ไม่ยอมเก็บ เรียงเหตุการที่ทำให้รส.แย่>>
(1)วันนึงเราเลยบอกกับเค้าว่าจัดเวรกวาดห้องวันเว้นวันดีมั้ยส่วนห้องน้ำก็ขอให้เค้าช่วยล้างเดือนละครั้งเค้าก็ตอบเรามาว่า“ได้” เราก็ทำหน้าที่ของเราไปตามวันที่ตกลงกันไว้ค่ะครั้งสองครั้งแรกเราก็ต้องเป็นคนเตือนเค้าบอกเค้าค่ะว่าวันนี้เวรกวาดห้องของเค้า เค้าก็จะลุกไปทำค่ะ แต่ประมาณครั้งที่สามพอเราเตือนเค้าไปแบบทีเล่นทีจริงค่ะ เราพูดไปว่า“ วันนี้เวรกวาดห้องนะ ทำไมลืมตลอดเลย”เราพูดแบบไม่ได้ใช้น้ำเสียงโกรธ เค้าตอบสวนมาว่า ”ก็กูลืมอะไรจะได้ดั่งใจทุกอย่าง“ วันนั้นเรารู้สึกแย่มากจนเรานิ่งกับเอไปพักนึงเลยค่ะทั้งที่ปกติก็คุยกันดีทุกอย่าง เราเลยไปปรึกษาแม่ แม่เราเลยบอกให้ทนๆไปก่อน แม่เราก็บอกว่าความสะอาดของคนเรามันไม่เท่ากันอยากทำแค่ไหนก็ทำอะไรรกๆ ก็มองข้ามไปเราก็ทำตามที่แม่บอกค่ะเราไม่ค่อยโอเคเราก็พยายามไม่ไปพูดอะไรและเก็บไว้ในใจและหลังจากนั้นเราก็จะเก็บแค่ของตัวเองแต่เรายังทำทุกอย่างนะคะยกเว้นกวาดพื้นเราไม่ทำเลยและหารองเท้ามาใส่ในห้องแทน อยากให้เค้ารู้ว่าห้องรกมันเป็นยังไง อันนี้เราแอบประชดอยู่ค่ะ555555 แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป
(2)เอชอบพาเพื่อนมาที่ห้อง แรกๆเอก็ทักมาบอกนะคะว่าจะพาคนนั้นคนนี้มา แต่หลังๆเริ่มไม่บอกบ้างไม่บอกบ้างค่ะเราเข้าหอไปก็จะเจอตลอดเรารส.ไม่ค่อยเป็นส่วนตัวเท่าไหร่
(3)พอตอนจะย้ายออกกันเอบอกจะออกก่อนตอนเดือนมกราและกลับไปอยู่ที่บ้านแต่เราจะเช่าอยู่ต่อเดือนกุมภาพันธ์เพราะเรายังติดธุระที่นี่อีกประมาณ5วัน(เป็นธุระเดียวกับเอ ธุระประมาณกลางเดือนแต่เอบอกว่าเอจะไป-กลับที่บ้านและไม่เช่าต่อ)และเราต้องเช่าเต็มทั้งเดือน แต่พอถึงสิ้นเดือนพอดี เอก็บอกว่าขออยู่ต่ออีก4วัน(ขออยู่ต่ออีกเป็น5วัน)และจะจ่ายแค่เท่าที่อยู่ค่ะเราก็เออออไปเพราะเพื่อนติดธุระจริงๆ ประมาณวันที่3 เอก็มาบอกกับเราว่ากลางเดือนขอมาอยู่ด้วยและก็จะจ่ายแค่เท่าที่อยู่เหมือนเดิมค่ะวันที่7-11(รวมเป็น10วันสมมุติค่าห้องเดือน3000ตกวันละ100เราก็คิดเค้าวันละ50และบวกค่าน้ำไฟ20เป็น70)พอถึงตอนนั้นเราก็รู้สึกเหมือนโดนเอาเปรียบแต่ก็ตอบตกลงไปเพราะก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงดี เราก็ผิดเองที่ไม่ได้พูดไปตั้งแต่แรกว่าไม่โอเค
ที่เรารู้สึกแย่ก็เพราะเรารู้ตัวว่าตัวเองมีธุระเราก็เช่าห้องต่อเพราะจำเป็นถึงอยู่จริงๆไม่กี่วันก็ต้องจ่ายทั้งเดือนอยู่ดี เอเองก็ทราบว่ามีธุระแต่ไม่เช่าต่อและบอกจะไป-กลับพอมาสุดท้ายก็มาขอเช่าแต่เช่าแบบนับวันเอาจริงๆ เรารู้สึกไม่แฟร์เลยเพราะเราก็แทบไม่ได้อยู่หอค่ะเราไปนอนที่หอแฟนแต่เราก็ยังเช่าไว้เผื่อวันไหนไม่ได้ไปนอนกับแฟนสรุปเดือนกุมภาเรานอนหอจริงๆแค่4-5วันเองที่เหลือเราก็กลับไปอยู่บ้าน
พอมันเกิดเหตุการนี้จากเพื่อนคนนี้ที่คุยสนุกปรึกษาได้ทุกเรื่องกลายเป็นเรามีอคติกับเพื่อนค่ะ ซื่งเราไม่อยากรู้สึกแบบนี้เราใจแคบและคิดมากไปรึปล่าวคะพยายามไม่คิดแล้วแต่ก็รู้สึกว่าเพื่อนไม่นึกถึงใจเราเลยค่ะบ้านเค้าอาจจะมีปัญหาเรื่องเงินแต่บ้านเราก็ไม่ได้มีเงินขนาดนั้นค่ะแต่มันจำเป็นก็ต้องจ่ายควรคิดแบบไหนดีคะให้หลังจากนี้เวลาคุยกันจะได้ไม่มีความรู้สึกไม่สบายใจเวลาคุยกับเพื่อนคนนี้
พิมพ์ผิดพลาดหรือไม่รู้เรื่องตรงไหนขออภัยด้วยค่ะ
รู้สึกแย่กับเพื่อนที่เป็นรูมเมทควรจัดการความรู้สึกยังไงดีคะ
ตอนแรกๆ อยู่ด้วยกันพอห้องรกหรือสกปรกของวางทิ้งไว้เราก็จะเป็นคนเก็บรวมถึงกวาดห้องล้างห้องน้ำเราก็เป็นคนทำเพราะเราไม่อยากไปจู้จี้จุกจิกกับเพื่อนว่าต้องทำแบบนั้นแบบนี้แรกๆเรายังไม่เท่าไหร่เพราะเราคิดว่าถ้าเค้าเห็นเราทำเค้าน่าจะเกรงใจและทำบ้างเค้าก็เหมือนจะเกรงใจแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรพอผ่านไปสั้กพักเราก็เริ่มไม่ค่อยโอเคค่ะเพราะเค้าไม่ได้ทำสกปรกแค่ที่ของตัวเองพวกพื้นหรืออะไรที่เป็นพื้นที่ส่วนรวมเค้าก็วางของกองๆทิ้งไว้ไม่ยอมเก็บ เรียงเหตุการที่ทำให้รส.แย่>>
(1)วันนึงเราเลยบอกกับเค้าว่าจัดเวรกวาดห้องวันเว้นวันดีมั้ยส่วนห้องน้ำก็ขอให้เค้าช่วยล้างเดือนละครั้งเค้าก็ตอบเรามาว่า“ได้” เราก็ทำหน้าที่ของเราไปตามวันที่ตกลงกันไว้ค่ะครั้งสองครั้งแรกเราก็ต้องเป็นคนเตือนเค้าบอกเค้าค่ะว่าวันนี้เวรกวาดห้องของเค้า เค้าก็จะลุกไปทำค่ะ แต่ประมาณครั้งที่สามพอเราเตือนเค้าไปแบบทีเล่นทีจริงค่ะ เราพูดไปว่า“ วันนี้เวรกวาดห้องนะ ทำไมลืมตลอดเลย”เราพูดแบบไม่ได้ใช้น้ำเสียงโกรธ เค้าตอบสวนมาว่า ”ก็กูลืมอะไรจะได้ดั่งใจทุกอย่าง“ วันนั้นเรารู้สึกแย่มากจนเรานิ่งกับเอไปพักนึงเลยค่ะทั้งที่ปกติก็คุยกันดีทุกอย่าง เราเลยไปปรึกษาแม่ แม่เราเลยบอกให้ทนๆไปก่อน แม่เราก็บอกว่าความสะอาดของคนเรามันไม่เท่ากันอยากทำแค่ไหนก็ทำอะไรรกๆ ก็มองข้ามไปเราก็ทำตามที่แม่บอกค่ะเราไม่ค่อยโอเคเราก็พยายามไม่ไปพูดอะไรและเก็บไว้ในใจและหลังจากนั้นเราก็จะเก็บแค่ของตัวเองแต่เรายังทำทุกอย่างนะคะยกเว้นกวาดพื้นเราไม่ทำเลยและหารองเท้ามาใส่ในห้องแทน อยากให้เค้ารู้ว่าห้องรกมันเป็นยังไง อันนี้เราแอบประชดอยู่ค่ะ555555 แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป
(2)เอชอบพาเพื่อนมาที่ห้อง แรกๆเอก็ทักมาบอกนะคะว่าจะพาคนนั้นคนนี้มา แต่หลังๆเริ่มไม่บอกบ้างไม่บอกบ้างค่ะเราเข้าหอไปก็จะเจอตลอดเรารส.ไม่ค่อยเป็นส่วนตัวเท่าไหร่
(3)พอตอนจะย้ายออกกันเอบอกจะออกก่อนตอนเดือนมกราและกลับไปอยู่ที่บ้านแต่เราจะเช่าอยู่ต่อเดือนกุมภาพันธ์เพราะเรายังติดธุระที่นี่อีกประมาณ5วัน(เป็นธุระเดียวกับเอ ธุระประมาณกลางเดือนแต่เอบอกว่าเอจะไป-กลับที่บ้านและไม่เช่าต่อ)และเราต้องเช่าเต็มทั้งเดือน แต่พอถึงสิ้นเดือนพอดี เอก็บอกว่าขออยู่ต่ออีก4วัน(ขออยู่ต่ออีกเป็น5วัน)และจะจ่ายแค่เท่าที่อยู่ค่ะเราก็เออออไปเพราะเพื่อนติดธุระจริงๆ ประมาณวันที่3 เอก็มาบอกกับเราว่ากลางเดือนขอมาอยู่ด้วยและก็จะจ่ายแค่เท่าที่อยู่เหมือนเดิมค่ะวันที่7-11(รวมเป็น10วันสมมุติค่าห้องเดือน3000ตกวันละ100เราก็คิดเค้าวันละ50และบวกค่าน้ำไฟ20เป็น70)พอถึงตอนนั้นเราก็รู้สึกเหมือนโดนเอาเปรียบแต่ก็ตอบตกลงไปเพราะก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงดี เราก็ผิดเองที่ไม่ได้พูดไปตั้งแต่แรกว่าไม่โอเค
ที่เรารู้สึกแย่ก็เพราะเรารู้ตัวว่าตัวเองมีธุระเราก็เช่าห้องต่อเพราะจำเป็นถึงอยู่จริงๆไม่กี่วันก็ต้องจ่ายทั้งเดือนอยู่ดี เอเองก็ทราบว่ามีธุระแต่ไม่เช่าต่อและบอกจะไป-กลับพอมาสุดท้ายก็มาขอเช่าแต่เช่าแบบนับวันเอาจริงๆ เรารู้สึกไม่แฟร์เลยเพราะเราก็แทบไม่ได้อยู่หอค่ะเราไปนอนที่หอแฟนแต่เราก็ยังเช่าไว้เผื่อวันไหนไม่ได้ไปนอนกับแฟนสรุปเดือนกุมภาเรานอนหอจริงๆแค่4-5วันเองที่เหลือเราก็กลับไปอยู่บ้าน
พอมันเกิดเหตุการนี้จากเพื่อนคนนี้ที่คุยสนุกปรึกษาได้ทุกเรื่องกลายเป็นเรามีอคติกับเพื่อนค่ะ ซื่งเราไม่อยากรู้สึกแบบนี้เราใจแคบและคิดมากไปรึปล่าวคะพยายามไม่คิดแล้วแต่ก็รู้สึกว่าเพื่อนไม่นึกถึงใจเราเลยค่ะบ้านเค้าอาจจะมีปัญหาเรื่องเงินแต่บ้านเราก็ไม่ได้มีเงินขนาดนั้นค่ะแต่มันจำเป็นก็ต้องจ่ายควรคิดแบบไหนดีคะให้หลังจากนี้เวลาคุยกันจะได้ไม่มีความรู้สึกไม่สบายใจเวลาคุยกับเพื่อนคนนี้
พิมพ์ผิดพลาดหรือไม่รู้เรื่องตรงไหนขออภัยด้วยค่ะ