ก่อนอื่น ขอเกริ่นก่อนว่านี่เป็นกระทู้แรกในชีวิตที่ผมได้ตั้งเลย หากเขียนไม่รู้เรื่อง หรือวกไปวนมาก็ขอโทษด้วยครับ
_____________________
ปัจจุบันผมอายุ 36 แล้ว เรียนจบจากมหาวิทยาลัยรัฐธรรมดาใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอส ทำงานอยู่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งซึ่งรายได้ก็ไม่ได้มากมาย ก่อนหน้านี้ผมเคยคบหากับแฟน เป็นผู้หญิงสวยมากๆคนนึงที่บ้านร่ำรวยจากธุรกิจ เรียนอยู่มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่กลางกรุง รู้จักกันจากชมรมแห่งหนึ่ง คบเป็นแฟนกันจนกระทั่งเรียนจบมาด้วยกัน แฟนเก่าผมคนนั้นเข้าทำงานบริษัทด้านการเงินระดับท็อปของประเทศ
เรื่องราวต่อจากนี้ ทำให้ผมได้รู้ถึงข้อเสียของการคบหากับผู้หญิงที่การศึกษาสูง เรียนจบมหาวิทยาลัยชั้นนำ เงินเดือนสูง
ข้อแรกเลยครับ : แฟนเก่าผมวาดฝันอนาคตด้านอาชีพไว้สูงมากๆ เพราะตัวเองจบมหาวิทยาลัยชั้นนำ คือต้องทำงานบริษัทเอกชนระดับท็อปของประเทศ (ทำได้จริง) พอเป็นงั้น ก็มากดดันให้ผมเรียนต่อปริญญาโท เพื่อเปลี่ยนงานมาบริษัทชั้นนำแบบเธอให้ได้ จะได้มีเงินเดือนเยอะๆ เธอพร้อมออกเงินให้
ข้อที่สอง : พออยากก้าวหน้าในหน้าที่การงานมากๆ ก็ไม่ค่อยอยากมีลูกกับผม อยากใช้ชีวิตแบบผัวเมียไร้ทายาท พอผมพยายามขอร้อง แฟนเก่าก็บอกว่าถ้าจะให้มีลูก ก็ต้องทำงานได้เงินเดือนสูงๆทั้งคู่ เพราะลูกต้องได้เรียนนานาชาติเท่านั้น แล้วจะส่งลูกเรียนเมืองนอกหลังจากจบไฮสกูลด้วย
ข้อที่สาม : แฟนเก่าบอกว่าจัดงานแต่งงาน ต้องโรงแรมมีระดับหน่อย เพราะพ่อแม่มีหน้ามีตา แขกก็ระดับผู้ใหญ่ในวงการราชการ ธุรกิจ น้อยหน้าไม่ได้
ข้อสุดท้าย : ด้วยความที่เป็นผู้หญิงแกร่ง หาเลี้ยงตัวเองได้ด้วยเงินเดือนสูงๆ ทำให้แฟนเก่าเป็นคนที่อีโก้สูงมาก ไม่ง้อ ไม่แคร์ ไม่เคยคิดจะรักษาชีวิตรักเลย ประมาณว่า เรื่องนี้ชั้นถูก เธอไม่พอใจก็เรื่องของเธอ รับให้ได้ เราง้อไม่เป็น
จนสุดท้าย พอผมยืนกรานว่าจะไม่เรียนต่อโท แล้วทำงานบริษัทยักษ์ใหญ่แบบที่แฟนเก่าบอก เขานอกใจครับ! เรื่องมันเกิดจากแฟนเก่าไปงานเลี้ยงของพ่อแม่ ละไปเจอลูกของเพื่อนพ่อ ทำธุรกิจเหมือนกัน คุยไปคุยมา ถูกคอ แอบไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกัน สุดท้ายก็ขอเลิกกับผม
ผมรู้ก็โมโหหนักมากกก ทำแบบนี้มันถูกแล้วหรอ แฟนเก่าก็ไม่ลดลาวาศอก ตอกว่า ผมมันไร้อนาคต! เธอจะเลือกคนที่เหมาะสมกับเธอมันผิดตรงไหน ในเมื่อผมขี้แพ้ ! หน้าตาก็ไม่หล่อ ผอมก็ผอมแห้ง
_______________________
ผมก็เสียใจมากๆ เพราะนี่คือแฟนคนแรกของผมด้วย ผมถูกทิ้งในวัย 27 ช่วงนั้นเฮิร์ตหนัก ต้องขอลางานกับบริษัทไปพักใจอยู่ที่บ้านในกทม.ระหว่างนั้น ผมไปรู้จักกับสาวสวยคนนึง ผิวขาวๆ ตัวเล็กๆ ช่วยแม่เปิดเพิงขายข้าวแกงอยู่บ้านผม ซึ่งผมเดินไปกินเป็นมื้อเที่ยงเกือบทุกวัน (ก่อนหน้านี้ต้องออกเช้า กลับเย็น เลยไม่เคยได้อุดหนุน)
ได้คุยกัน ถึงรู้ว่าอายุ 23 เอง จบม.6 แล้วไม่ได้เรียนต่อเพราะที่บ้านไม่มีเงินส่งเรียน ต้องช่วยแม่ขายข้าวราดแกง หลังจากนั้นก็เริ่มแลกไลน์คุยกัน จนไปเที่ยวด้วยกัน และคบเป็นแฟนกันในที่สุด แฟนคนนี้คือคนที่ทำให้ผมมีความสุขที่สุด
ข้อแรก : น้องไม่ได้คาดหวังให้ผมต้องไปเรียนปริญญาโท หรือทำงานบริษัทระดับท็อปแบบแฟนเก่า ขอแค่ผมทำงานอยู่บริษัทเดิม น้องก็ชมแล้วว่าผมเก่งมากๆ เงินเดือนเยอะสุดๆ (25000 บาท) เดี๋ยวเขาช่วยแม่ขายข้าวแกงอีกแรง ก็พออยู่กันได้แล้ว
ข้อสอง : น้องเป็นคนอ่อนน้อม อีโกไม่สูง ค่อนข้างตามใจผมด้วยซ้ำ เวลาทะเลาะกันก็เป็นฝ่ายยอม เป็นฝ่ายง้อผม ไม่ได้ปล่อยให้ผมต้องง้อฝ่ายเดียวเหมือนแฟนเก่า
ข้อสาม : น้องพร้อมจะมีลูกเลย ไม่ได้ตั้งมาตรฐานชีวิตลูกไว้สูง ขอแค่ส่งลูกเรียนโรงเรียนรัฐใกล้บ้านก็พอใจแล้ว หรือเอกชนเกรดกลางๆก็โอเค มหาวิทยาลัยก็ไม่ต้องดังมาก ถ้าลูกสอบเข้าไม่ไหว
สุดท้ายผมคบกับน้องได้ 3 ปี ก็ตัดสินใจแต่งงานกัน งานแต่งของเราก็จัดง่ายๆที่โรงแรมเล็กๆ ค่าจัดไม่แพง จนตอนนี้ผมมีลูกสาวอายุ 4 ขวบ กำลังน่ารักเลยพ่อตาแม่ยายก็ชื่นชมผม รักเอ็นดูผม (ไม่เหมือนพ่อแม่แฟนเก่า มีความดูถูกดูแคลนผมประมาณนึง)
กระทู้นี้ผมอยากแนะนำคุณผู้ชายทั้งหลายว่าว่า ลองเปิดใจให้โอกาสผู้หญิงที่ฐานะไม่ดี อาจไม่ได้เรียนจบสูง หรือทำงานบริษัทชั้นนำดูครับ เพราะเมื่อได้คบเป็นแฟนแล้ว เธอจะไม่มองคุณเป็นไอ้ขี้แพ้ และเธอจะรักและดูแลเอาใจใส่คุณเต็มที่ ไม่ทิ้งคุณไปแบบไม่มีเยื่อใยแน่นอน
ถึงคุณผู้ชายทั้งหลาย ลองให้โอกาสผู้หญิงที่ฐานะไม่ดี ขาดโอกาสในชีวิต ดูครับ แล้วคุณจะไม่ผิดหวัง
_____________________
ปัจจุบันผมอายุ 36 แล้ว เรียนจบจากมหาวิทยาลัยรัฐธรรมดาใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอส ทำงานอยู่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งซึ่งรายได้ก็ไม่ได้มากมาย ก่อนหน้านี้ผมเคยคบหากับแฟน เป็นผู้หญิงสวยมากๆคนนึงที่บ้านร่ำรวยจากธุรกิจ เรียนอยู่มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่กลางกรุง รู้จักกันจากชมรมแห่งหนึ่ง คบเป็นแฟนกันจนกระทั่งเรียนจบมาด้วยกัน แฟนเก่าผมคนนั้นเข้าทำงานบริษัทด้านการเงินระดับท็อปของประเทศ
เรื่องราวต่อจากนี้ ทำให้ผมได้รู้ถึงข้อเสียของการคบหากับผู้หญิงที่การศึกษาสูง เรียนจบมหาวิทยาลัยชั้นนำ เงินเดือนสูง
ข้อแรกเลยครับ : แฟนเก่าผมวาดฝันอนาคตด้านอาชีพไว้สูงมากๆ เพราะตัวเองจบมหาวิทยาลัยชั้นนำ คือต้องทำงานบริษัทเอกชนระดับท็อปของประเทศ (ทำได้จริง) พอเป็นงั้น ก็มากดดันให้ผมเรียนต่อปริญญาโท เพื่อเปลี่ยนงานมาบริษัทชั้นนำแบบเธอให้ได้ จะได้มีเงินเดือนเยอะๆ เธอพร้อมออกเงินให้
ข้อที่สอง : พออยากก้าวหน้าในหน้าที่การงานมากๆ ก็ไม่ค่อยอยากมีลูกกับผม อยากใช้ชีวิตแบบผัวเมียไร้ทายาท พอผมพยายามขอร้อง แฟนเก่าก็บอกว่าถ้าจะให้มีลูก ก็ต้องทำงานได้เงินเดือนสูงๆทั้งคู่ เพราะลูกต้องได้เรียนนานาชาติเท่านั้น แล้วจะส่งลูกเรียนเมืองนอกหลังจากจบไฮสกูลด้วย
ข้อที่สาม : แฟนเก่าบอกว่าจัดงานแต่งงาน ต้องโรงแรมมีระดับหน่อย เพราะพ่อแม่มีหน้ามีตา แขกก็ระดับผู้ใหญ่ในวงการราชการ ธุรกิจ น้อยหน้าไม่ได้
ข้อสุดท้าย : ด้วยความที่เป็นผู้หญิงแกร่ง หาเลี้ยงตัวเองได้ด้วยเงินเดือนสูงๆ ทำให้แฟนเก่าเป็นคนที่อีโก้สูงมาก ไม่ง้อ ไม่แคร์ ไม่เคยคิดจะรักษาชีวิตรักเลย ประมาณว่า เรื่องนี้ชั้นถูก เธอไม่พอใจก็เรื่องของเธอ รับให้ได้ เราง้อไม่เป็น
จนสุดท้าย พอผมยืนกรานว่าจะไม่เรียนต่อโท แล้วทำงานบริษัทยักษ์ใหญ่แบบที่แฟนเก่าบอก เขานอกใจครับ! เรื่องมันเกิดจากแฟนเก่าไปงานเลี้ยงของพ่อแม่ ละไปเจอลูกของเพื่อนพ่อ ทำธุรกิจเหมือนกัน คุยไปคุยมา ถูกคอ แอบไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกัน สุดท้ายก็ขอเลิกกับผม
ผมรู้ก็โมโหหนักมากกก ทำแบบนี้มันถูกแล้วหรอ แฟนเก่าก็ไม่ลดลาวาศอก ตอกว่า ผมมันไร้อนาคต! เธอจะเลือกคนที่เหมาะสมกับเธอมันผิดตรงไหน ในเมื่อผมขี้แพ้ ! หน้าตาก็ไม่หล่อ ผอมก็ผอมแห้ง
_______________________
ผมก็เสียใจมากๆ เพราะนี่คือแฟนคนแรกของผมด้วย ผมถูกทิ้งในวัย 27 ช่วงนั้นเฮิร์ตหนัก ต้องขอลางานกับบริษัทไปพักใจอยู่ที่บ้านในกทม.ระหว่างนั้น ผมไปรู้จักกับสาวสวยคนนึง ผิวขาวๆ ตัวเล็กๆ ช่วยแม่เปิดเพิงขายข้าวแกงอยู่บ้านผม ซึ่งผมเดินไปกินเป็นมื้อเที่ยงเกือบทุกวัน (ก่อนหน้านี้ต้องออกเช้า กลับเย็น เลยไม่เคยได้อุดหนุน)
ได้คุยกัน ถึงรู้ว่าอายุ 23 เอง จบม.6 แล้วไม่ได้เรียนต่อเพราะที่บ้านไม่มีเงินส่งเรียน ต้องช่วยแม่ขายข้าวราดแกง หลังจากนั้นก็เริ่มแลกไลน์คุยกัน จนไปเที่ยวด้วยกัน และคบเป็นแฟนกันในที่สุด แฟนคนนี้คือคนที่ทำให้ผมมีความสุขที่สุด
ข้อแรก : น้องไม่ได้คาดหวังให้ผมต้องไปเรียนปริญญาโท หรือทำงานบริษัทระดับท็อปแบบแฟนเก่า ขอแค่ผมทำงานอยู่บริษัทเดิม น้องก็ชมแล้วว่าผมเก่งมากๆ เงินเดือนเยอะสุดๆ (25000 บาท) เดี๋ยวเขาช่วยแม่ขายข้าวแกงอีกแรง ก็พออยู่กันได้แล้ว
ข้อสอง : น้องเป็นคนอ่อนน้อม อีโกไม่สูง ค่อนข้างตามใจผมด้วยซ้ำ เวลาทะเลาะกันก็เป็นฝ่ายยอม เป็นฝ่ายง้อผม ไม่ได้ปล่อยให้ผมต้องง้อฝ่ายเดียวเหมือนแฟนเก่า
ข้อสาม : น้องพร้อมจะมีลูกเลย ไม่ได้ตั้งมาตรฐานชีวิตลูกไว้สูง ขอแค่ส่งลูกเรียนโรงเรียนรัฐใกล้บ้านก็พอใจแล้ว หรือเอกชนเกรดกลางๆก็โอเค มหาวิทยาลัยก็ไม่ต้องดังมาก ถ้าลูกสอบเข้าไม่ไหว
สุดท้ายผมคบกับน้องได้ 3 ปี ก็ตัดสินใจแต่งงานกัน งานแต่งของเราก็จัดง่ายๆที่โรงแรมเล็กๆ ค่าจัดไม่แพง จนตอนนี้ผมมีลูกสาวอายุ 4 ขวบ กำลังน่ารักเลยพ่อตาแม่ยายก็ชื่นชมผม รักเอ็นดูผม (ไม่เหมือนพ่อแม่แฟนเก่า มีความดูถูกดูแคลนผมประมาณนึง)
กระทู้นี้ผมอยากแนะนำคุณผู้ชายทั้งหลายว่าว่า ลองเปิดใจให้โอกาสผู้หญิงที่ฐานะไม่ดี อาจไม่ได้เรียนจบสูง หรือทำงานบริษัทชั้นนำดูครับ เพราะเมื่อได้คบเป็นแฟนแล้ว เธอจะไม่มองคุณเป็นไอ้ขี้แพ้ และเธอจะรักและดูแลเอาใจใส่คุณเต็มที่ ไม่ทิ้งคุณไปแบบไม่มีเยื่อใยแน่นอน