สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากมาเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการทำ
CSR หรือ "ความรับผิดชอบต่อสังคม" ของเอกชนหน่อย ผมทำงานอยู่ในบริษัทที่รับทำโปรเจกต์ด้านนี้ให้ลูกค้าหลายเจ้า เลยได้เห็นมุมมองทั้งจากฝั่งบริษัทและชุมชนเยอะมาก ช่วงนี้รู้สึกว่าเอกชนเริ่มสนใจเรื่องนี้ หรือเรื่อง
ความยั่งยืนกันเยอะขึ้นจริงๆ นะ ซึ่งมันก็น่าดีใจที่คนตื่นตัวมากขึ้น แต่จากที่เจอมา ผมว่ามันมีบางจุดที่อยากให้ลองคิดกันใหม่ โดยเฉพาะเรื่องเจตนาของการทำ
จากที่ผมคุยกับลูกค้าทุกเจ้า(ที่เราเลือกรับ) ส่วนใหญ่เขาจะบอกตรงกันว่า "อยากช่วยเหลือสังคมจริงๆ" เช่น อยากให้ชุมชนมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น อยากสนับสนุนคนที่ลำบาก หรืออยากแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งผมว่ามันเจ๋งมากที่เอกชนเริ่มมี mindset แบบนี้
แต่ก็มีบางเจ้าที่เราต้องปฏิเสธไป เพราะเจตนามันไม่ตรงกับสิ่งที่เราทำ เช่น มีบริษัทนึงอยากให้เราจัดทริป CSR แบบไปเที่ยวถ่ายรูปสวยๆ ลงโซเชียล อีกเจ้าเน้นว่า ขอแค่มีภาพให้หัวหน้าดูหน่อย หรือบางรายแค่อยากเอาใจผู้บริหารซึ่งผมว่าแบบนี้มันไม่ใช่แล้ว มันกลายเป็นแค่การสร้างภาพมากกว่าการช่วยชุมชนจริงๆ
ผมเคยเห็นผลกระทบจากงานแบบนี้มาเยอะครับ ถ้าทำไปแค่ฉาบฉวย ถ่ายรูปแปะโลโก้แล้วจบ ชุมชนเขาไม่ได้อะไรเลย บางทีแจกของที่เขาไม่ต้องการ หรือไปสร้างความหวังแล้วทิ้งไป ผมเคยได้ยินคนในชุมชนบ่นว่า "มาแจกของแล้วก็หาย ไม่ได้มาช่วยจริง ๆ " บางรายถึงขั้นเกลียดแบรนด์ไปเลย หรือที่ยกตัวอย่างได้คืออย่างเรื่อง ปลาหมอคางดำ พื้นที่สมุทรสงคราม ชาวบ้านก็บอกว่ารัฐบาลนาน ๆ มาที เอาคนที่อยู่ในเรือนจำมาช่วยจับปลา แต่มารอบเดียวแล้วหายไปเลย แต่ปลาหมอคางดำก็ยังอยู่เต็มบ่อ
ชาวบ้านเขาจะรู้สึกแย่ต่อแบรนด์ไปเลยเพราะรู้สึกถูกหลอกใช้ ซึ่งมันน่าเสียดายมาก ผมไม่อยากให้เอกชนเจอเหตุการณ์แบบนี้ เพราะสุดท้ายชุมชนนี่แหละที่เป็นกลุ่มคนใช้สินค้าหรือบริการของเรา ถ้าเขารู้ว่าเรามีจุดประสงค์แค่สร้างภาพ ไม่ได้ตั้งใจช่วยจริงๆ ความไว้วางใจมันก็หายไป ได้ภาพตอนแรก แต่เสียหายมาก ๆ ในระยะยาว
จากประสบการณ์ที่ทำ
ที่ปรึกษาการร่วมมือกับชุมชนมา ผมเห็นว่าถ้าบริษัทตั้งใจจริง มันจะต่างกันเยอะเลย อย่างลูกค้าที่เรารับ เขาขอให้เข้าไปคุยกับชุมชนก่อน ว่าต้องการอะไร แล้วค่อยออกแบบโปรเจกต์ เช่น ชุมชนบอกขาดน้ำสะอาด เขาก็ช่วยทำระบบน้ำ แทนที่จะไปแจกของมั่วๆ อีกเจ้าเห็นชุมชนอยากมีรายได้เพิ่ม ก็ช่วยสอนทำสินค้าชุมชน แบบนี้ชุมชนได้ประโยชน์จริงๆ แล้วแบรนด์ก็ได้ความรู้สึกดีๆ กลับมา มันวิน-วินทั้งสองฝ่าย
ผมเข้าใจว่าบริษัทต้องคิดถึงการตลาดด้วย มันเป็นเรื่องปกติที่อยากได้ภาพลักษณ์ดีๆ แต่ผมอยากฝากไว้ว่า ถ้าจะทำอะไรเพื่อสังคม อยากให้มองที่ชุมชนเป็นหลักมากกว่าแค่การสร้างภาพ
ลองใช้โอกาสนี้เป็นจุดที่ช่วยชุมชนได้จริงๆ และแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมแบบไม่ต้องเสแสร้ง เพราะชุมชนเขาดูออกนะว่าเราทำจากใจหรือแค่มาหลอกถ่ายรูปแล้วไป ผมเคยปฏิเสธลูกค้าที่ไม่จริงใจไปหลายเจ้าแล้ว เพราะผมเชื่อว่าถ้าทำแบบนั้น สุดท้ายมันจะย้อนกลับมาทำร้ายแบรนด์มากกว่า
ทุกคนเจอประสบการณ์หรือมีความเห็นยังไงกับเรื่องนี้บ้างครับ? มีตัวอย่างบริษัทที่ทำดี หรือทำแบบฉาบฉวยมาแชร์กันได้นะ อยากฟังมุมมองคนอื่นเหมือนกัน!
ข้อสังเกตของการทำ CSR ของเอกชน จากมุมคนทำงานในสายนี้
จากที่ผมคุยกับลูกค้าทุกเจ้า(ที่เราเลือกรับ) ส่วนใหญ่เขาจะบอกตรงกันว่า "อยากช่วยเหลือสังคมจริงๆ" เช่น อยากให้ชุมชนมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น อยากสนับสนุนคนที่ลำบาก หรืออยากแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งผมว่ามันเจ๋งมากที่เอกชนเริ่มมี mindset แบบนี้
แต่ก็มีบางเจ้าที่เราต้องปฏิเสธไป เพราะเจตนามันไม่ตรงกับสิ่งที่เราทำ เช่น มีบริษัทนึงอยากให้เราจัดทริป CSR แบบไปเที่ยวถ่ายรูปสวยๆ ลงโซเชียล อีกเจ้าเน้นว่า ขอแค่มีภาพให้หัวหน้าดูหน่อย หรือบางรายแค่อยากเอาใจผู้บริหารซึ่งผมว่าแบบนี้มันไม่ใช่แล้ว มันกลายเป็นแค่การสร้างภาพมากกว่าการช่วยชุมชนจริงๆ
ผมเคยเห็นผลกระทบจากงานแบบนี้มาเยอะครับ ถ้าทำไปแค่ฉาบฉวย ถ่ายรูปแปะโลโก้แล้วจบ ชุมชนเขาไม่ได้อะไรเลย บางทีแจกของที่เขาไม่ต้องการ หรือไปสร้างความหวังแล้วทิ้งไป ผมเคยได้ยินคนในชุมชนบ่นว่า "มาแจกของแล้วก็หาย ไม่ได้มาช่วยจริง ๆ " บางรายถึงขั้นเกลียดแบรนด์ไปเลย หรือที่ยกตัวอย่างได้คืออย่างเรื่อง ปลาหมอคางดำ พื้นที่สมุทรสงคราม ชาวบ้านก็บอกว่ารัฐบาลนาน ๆ มาที เอาคนที่อยู่ในเรือนจำมาช่วยจับปลา แต่มารอบเดียวแล้วหายไปเลย แต่ปลาหมอคางดำก็ยังอยู่เต็มบ่อ
ชาวบ้านเขาจะรู้สึกแย่ต่อแบรนด์ไปเลยเพราะรู้สึกถูกหลอกใช้ ซึ่งมันน่าเสียดายมาก ผมไม่อยากให้เอกชนเจอเหตุการณ์แบบนี้ เพราะสุดท้ายชุมชนนี่แหละที่เป็นกลุ่มคนใช้สินค้าหรือบริการของเรา ถ้าเขารู้ว่าเรามีจุดประสงค์แค่สร้างภาพ ไม่ได้ตั้งใจช่วยจริงๆ ความไว้วางใจมันก็หายไป ได้ภาพตอนแรก แต่เสียหายมาก ๆ ในระยะยาว
จากประสบการณ์ที่ทำที่ปรึกษาการร่วมมือกับชุมชนมา ผมเห็นว่าถ้าบริษัทตั้งใจจริง มันจะต่างกันเยอะเลย อย่างลูกค้าที่เรารับ เขาขอให้เข้าไปคุยกับชุมชนก่อน ว่าต้องการอะไร แล้วค่อยออกแบบโปรเจกต์ เช่น ชุมชนบอกขาดน้ำสะอาด เขาก็ช่วยทำระบบน้ำ แทนที่จะไปแจกของมั่วๆ อีกเจ้าเห็นชุมชนอยากมีรายได้เพิ่ม ก็ช่วยสอนทำสินค้าชุมชน แบบนี้ชุมชนได้ประโยชน์จริงๆ แล้วแบรนด์ก็ได้ความรู้สึกดีๆ กลับมา มันวิน-วินทั้งสองฝ่าย
ผมเข้าใจว่าบริษัทต้องคิดถึงการตลาดด้วย มันเป็นเรื่องปกติที่อยากได้ภาพลักษณ์ดีๆ แต่ผมอยากฝากไว้ว่า ถ้าจะทำอะไรเพื่อสังคม อยากให้มองที่ชุมชนเป็นหลักมากกว่าแค่การสร้างภาพ
ลองใช้โอกาสนี้เป็นจุดที่ช่วยชุมชนได้จริงๆ และแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมแบบไม่ต้องเสแสร้ง เพราะชุมชนเขาดูออกนะว่าเราทำจากใจหรือแค่มาหลอกถ่ายรูปแล้วไป ผมเคยปฏิเสธลูกค้าที่ไม่จริงใจไปหลายเจ้าแล้ว เพราะผมเชื่อว่าถ้าทำแบบนั้น สุดท้ายมันจะย้อนกลับมาทำร้ายแบรนด์มากกว่า
ทุกคนเจอประสบการณ์หรือมีความเห็นยังไงกับเรื่องนี้บ้างครับ? มีตัวอย่างบริษัทที่ทำดี หรือทำแบบฉาบฉวยมาแชร์กันได้นะ อยากฟังมุมมองคนอื่นเหมือนกัน!