สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้อยากมาแชร์เรื่องพฤติกรรมที่ตัวเองทำในแต่ล่ะวันในวันทำงานจนเคยป่วยมาแล้ว แต่ก่อนตัวเองไม่เคยคิดเยอะเรื่องการดื่มน้ำเลยค่ะ กระหายเมื่อไหร่ค่อยดื่มและส่วนใหญ่จะดื่มน้ำอัดลม น้ำซ่าๆเย็นๆ น้ำเปล่าจะดื่มน้อย ด้วยความที่เป็นคนไม่ชอบเข้าห้องน้ำนอกบ้านเป็นมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วห้องน้ำที่โรงเรียนไม่อยากจะเข้า เพราะไม่อยากเข้าห้องน้ำเลยไม่ค่อยดื่มน้ำเปล่า ปวดหนักปวดเบาก็พยายามอั้นจนเลิกเรียนกลับมาถึงบ้านทีไรวางกระเป๋าแทบไม่ทันฉี่จะราดเอาค่ะเป็นกระเพราะปัสสาวะอักเสบก็หลายรอบหลายหน พอเริ่มทำงาน 1 ปีแรก ก็ยังติดนิสัยเดิมไม่อยากเข้าห้องน้ำที่ทำงานคือถ้าไม่สุดก็จะไม่เข้าเลย คิดว่าด้วยอายุที่เพิ่มขึ้นและการสะสมมานานก็เริ่มมีอาการปวดหลังเวลาปัสสาวะแสบขัดจนต้องไปหาหมอ พอได้รับยาและคำแนะนำมาจึงรู้ว่าการดื่มน้ำให้เพียงพอมันสำคัญขนาดไหนและผลกระทบจากการขาดน้ำนั้นส่งผลเยอะต่อสุขภาพมากๆเลยเป็นภัยเงียบในรูปแบบการเจ็บป่วยแบบไม่รู้ตัว จนตัวเองต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ในวันทำงานปกติจะต้องมีน้ำ ขวด 1.5 ลิตร 2 ขวดที่โต๊ะทำงานไว้ดื่มตลอดวัน สำหรับช่วงเช้า 1 ขวด ช่วงบ่ายจนถึงเลิกงาน 1 ขวด บางวันก็มีดื่มวิตามินวอเตอร์ด้วยและตื่นนอนมาก็ดื่มน้ำเลย 1 แก้ว ปวดฉี่ก็ต้องเข้าเลยจะไม่อั้นแล้วเพราะการนั่งทำงานนานๆหลายชั่วโมงไม่ลุกเดินหรือขยับตัวไปไหนทำก็ให้ท้องผูกหนักได้เหมือนกัน จึงต้องขยับร่างกายลุกเดินยืดเหยียดเพื่อให้กล้ามเนื้อบางส่วนได้ขยับไม่ตึงจนเกินไป ตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็ไม่เคยเป็นกระเพราะปัสสาวะอักเสบอีกเลยปากและผิวก็ไม่ค่อยแห้ง

เคยถามหมอว่าในหนึ่งวันนั้นเราจะรู้ได้ไงว่าดื่มน้ำได้เพียงพอแล้ว หมอบอกว่าดื่มไปเลยวันล่ะ 2 ลิตร อย่างน้อยดื่มไว้ก่อน เพราะเดี๋ยวเต็มร่างกายก็จะขับออกมาอยู่แล้วแต่อย่าดื่มครั้งล่ะมากจนเกินไป เพราะอาจจะมีตัวแปรอย่างอื่นที่เป็นปัจจัยร่วม เช่น อายุ การออกกำลังกาย สภาพอากาศ รวมไปถึงอาหารที่รับประทานในแต่ละมื้ออย่าฝืนดื่มน้ำในแต่ละวันจนร่างกายรับไม่ไหวเพราะอาจเป็นอันตรายได้  แต่อย่างไรก็ตามน้ำเปล่ามีประโยชน์ต่อร่างกายมากมายเป็นเครื่องดื่มแก้กระหายที่ราคาถูกที่สุดและมีส่วนช่วยให้ลดความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือด ความดันโลหิตสูงเพราะน้ำนั้นจะเข้าไปลด