เกิดอะไรขึ้นกับกระแสK-Popที่เงียบลงมาก

ถ้าช่วงสมัยสักช่ววงที่แดจังกึมออกฉายจนช่วงที่อินเตอร์เน็ทบ้านแรงและช่วงที่เฟสบุคมา สิ่งที่ตามมาคือกระแสK-popที่มาแรงมากๆพ่วงกับกระแสของซีรี่เกาหลีที่ผมเดาจากบริบทแล้วดีกว่าตรงที่นำเสนอการทำงานมากกว่าเรื่องของการเล่าเรื่องยามว่างจนเคยมีคนเข้าใจผิดว่าตัวละครในเรื่องบางคนมีเวลาเที่ยวห้างมากกว่าทำงาน ก็เข้าใจว่าอยากให้คามสำคัญกับความสัมพันธ์นอกสถานที่มากกว่าชีวิตจริงละนะ

สิ่งที่ตามมาจากการมาของK-Popที่ตามมาและยุคที่อินเตอร์เน็ทนั้นเริ่มบูมคือ การที่มีบรรดาแฟนคลับเกาหลีที่บางคนนั้นอาจจะเรียกได้ว่าขาดวุธิภาวะจนเรียกกันว่าติ่งหูเพราะเกิดจากการเปรียบเทียบกับเด็กที่ยังไว้ทรงนักเรียนเท่าติ่งหู แน่นอนว่าผมนั้นเริ่มเกลียดไม่ใช่เพราะอะไร บรรดาแฟนคลับเองที่ทำให้ภาพพจน์ของคนที่ชอบศิลปินนั้นดูแย่ โดยเฉพาะเริ่มลามปามมาว่าร้ายนักแสดงไทยถึงขั้นว่าใครที่มาความคล้ายโดนด่ายับเลยและตรรกะบอกเกลียดเพราะอิจฉาเลยก็มี และข้ออ้างสุดฮิตอีกอย่างคืออ้างเกรดว่าตัวเองได้4.00เหมือนแสดงกลายๆว่าตัวเองนั้นฉลาดเพราะมีผลการเรียนดีซึ่งผมบอกได้ว่าเกรดน่ะแค่ทำให้หางานได้ง่ายขึ้นถ้าจบปริญญาตรีหรือประกอบการเข้ามหาวิทยาลัย(ช่วงO-netรั่นแรกๆ)ซึ่งไม่มีผลในระยะยาวเลยเพราะว่าคนจะพัฒนางานได้ต้องเรียนรู้ตลอดไม่ใช่หยุดกับที่ อย่างผมจบเกรดระดับกลางๆยังสอบเข้ามหาวิทยาลัยลำดับต้นๆของประเทศได้(บอกได้ว่าอยู่ภาคเหนือ)และเรียนกลางๆยังสอบบรรจุข้าราชการลำดับต้นๆได้ ถึงจะรอเรียกบรรจุครึ่งปีก็ตาม

สื่อไทยในช่วงนั้นก็เกาะกระแสเกาหลีใต้มากคืออะไรก็ตามที่เป็นเกาหลีนี้ขายได้เสมอ โดยเฉพาะเคื่องสำอางจนมีโฆษณาที่สร้างสรรค์แบบแปลกๆที่ติดตาคือมีคนเดินมาพร้อมพร๊อบประกอบฉากเกาหลีจ๋าอันนี้พอขำๆแต่ที่เลวร้ายจนถ้ามีการตั้งกระทู้ดราม่าคือที่บอกว่าอยากหน้าสวยใสแบบเกาหลีแต่หน้ามันแบบไทย คือเหมือนด้อยค่าคนในชาติตัวเองกลายๆ ในช่วงหลังๆก็มการโฆษณาเกี่ยวกับซีรี่ที่ผมดูหลังๆกับหม่อมแม่ที่เบื่อละครไทยยกเว้นละครอิงประวัติศาสตร์ก็โอเค น่ารักดีนะถ้าดูแบบไม่ได้คิดอะไรมาก

ผมไม่ได้ถึงขั้นเกลียดแบบไม่ฟังเลยแต่พอฟังบ้างหากชอบจริงๆ(แต่ก็น้อย)และช่วงเรียนนี้คือระดับฟาดปากกับบรรดาแฟนคลับบางคนที่ตรรกะแปลกๆ พอช่วงกระแสBNK48ก็คือไม่ได้ปกป้องแบบเอาตัวตายและไม่ได้ฟังบ่อยมากหรือระดับยอมลางานมาดูที่เชียงใหม่เพราะงานสำคัญกว่าแต่ช่วงหนึ่งคือสุดจริงๆคือบางคนนั้นระดับแยกความจริงไม่ออกว่าเรื่องแต่งกับเรื่องจริงเป็นอย่างไร และแน่นอนผมเจอคนเกาหลีจริงๆตอนเผยแพร่ศาสนาในโรงเรียนบนดอยที่มีแบบบ้านๆจนถึงระดับสวยที่มีน้อย(ช่วงที่อัตตาเริ่มลดลงมาก)เลยบอกว่ามันก็มีทั้งสวยและไม่สวย และเคยไปเกาหลีใต้(ไปกับคณะที่ทำงาน)ก็ไม่เลวร้ายเท่าไหร่แค่เกือบติดตม.เพราะเขาถามว่า Are you single?หรือแปลว่าโสดไหมแต่ในความคิดเขาคืออาจจะหมายถึงมาคนเดียวไหมผมตอบYesปุ๊บ ด้วยความที่ร่างกายเหมาะกับครูพละมากกว่าครูภาษาไทยเลยเกือบโดนรวบ ดีที่ไกต์ช่วยคุยไม่งั้นติดบัญชีดำไปละ ส่วนบรรยากาศก็สวยดี สนุกด้วยนะและอาหารก็ดี

ถ้าช่วงแรกๆคือศิลปินนั้นมลงคอนเสริทที่ไทยบ่อยมากระดับที่ว่าไม่มีเดือนไหนที่ไม่มาเลยจนถึงขั้นแฟนคลับล้อมสนามบินกันเลยทีเดียวแต่เหมือนหลังจากที่ผมไปเกาหลีสัก7ปีก่อนเหมือนกระแสลดลงมากจนเหมือนหายไปเลย เท่าที่รู้คือในยุคแรกสร้างมาตรฐานสูงจนคนรุ่นหลังทำตามไม่ได้เท่าจนเหมือนเงียบหายไป กระแสของBNK48เองที่หายไปเช่นกันจนใจหาย ถ้าสมัยแรกๆพอได้ยินนักเรียนเปิดเพลงเกาหลีบ้างแต่ตอนนี้คือทำงานที่โรงเรียนประถมเลยไม่รู้แน่ชัดมากเพราะเด็กชอบอนิเมมากกว่าเลยไม่สามารถวัดได้แต่ลองมองที่เฟสบุคที่เมื่อก่อนขึ้นเต็มฟีตแต่หลังๆหายไปเลยเลยเกิดข้อกังขาว่าเกิดอะไรขึ้นกับกระแสK-Popที่อยู่ๆหายไป

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่