คนเผาป่าอ่วม!! ศาลสั่งจำคุก 4 ปี ชดใช้ 133 ล้าน



คนเผาป่าอ่วม! ศาลสั่งจำคุก 4 ปี ชดใช้ 133 ล้าน เหตุทำสัตว์-ป่าไม้เสียหายเป็นวงกว้างกว่า 2,166 ไร่

เพจสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 ได้แจ้งว่า จากเมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2567 พนักงานเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาน้อย-เขาประดู่ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 (พิษณุโลก) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ทำการจับกุมผู้กระทำผิด 1 ราย ตรวจพบการแผ้วถาง ตัดฟันต้นไม้ จุดไฟเผาต้นไม้และใบไม้แห้ง ซึ่งเป็นป่าเบญจพรรณผสมเต็งรัง มีต้นไม้อยู่จำนวนมาก บริเวณพื้นที่ป่าด้านทิศตะวันออกของหมู่บ้าน บ้านไร่สุขสมบูรณ์ หมู่ที่ 10 ต.บ้านยาง อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก

ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าและอยู่ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าสองฝั่งลำน้ำแควน้อย และอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่า (ขหล.) เขาน้อย-เขาประดู่ เป็นเหตุให้เกิดเพลิงลุกไหม้เผาไหม้ป่าเป็นบริเวณกว้าง เนื้อที่ที่ถูกทำลายเสื่อมสภาพก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าสองฝั่งลำน้ำแควน้อย และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาน้อย-เขาประดู่ จำนวน 2,166.02 ไร่ คิดมูลค่าความเสียหายทางสิ่งแวดล้อม เป็นเงิน 133,237,390 บาท อันเป็นการทำอันตรายแก่สัตว์ป่า ทำให้เกิดการเสื่อมเสียแก่สภาพภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า พนักงานเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่

ต่อมา พนักงานอัยการจังหวัดพิษณุโลก ได้ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดพิษณุโลก เป็นคดีหมายเลขดำ ที่ สวอ 29/2567 เรื่อง ความผิดต่อ พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 ความผิดต่อ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 ความผิดต่อ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2562

คดีดังกล่าว ศาลจังหวัดพิษณุโลกได้พิพากษาตามคดีหมายเลขแดงที่ สวอ21/2567 เมื่อวันที่ 22ส.ค. 2567 พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 54, 72 ตรี วรรคสอง พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง, 31 วรรคสอง พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2562 มาตรา 67 (2), 103 วรรคหนึ่ง จำคุก 8 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 4 ปี

พิเคราะห์รายงานสืบเสาะและพินิจจำเลยแล้ว เห็นว่า แม้ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้โทษจำคุกมาก่อน แต่การกระทำผิดของจำเลยก่อให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้างต่อทรัพยากรธรรมชาติและทรัพยากรป่าไม้ของชาติ พฤติการณ์เป็นเรื่องร้ายแรง จึงไม่เห็นสมควรรอการลงโทษ ริบของกลางทั้งหมด ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายตามมูลค่าทั้งหมดของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลายหรือเสียหายเป็นเงิน 133,237,390 บาท (หนึ่งร้อยสามสิบสามล้านสองแสนสามหมื่นเจ็ดพันสามร้อยเก้าสิบบาทถ้วน) พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ 6 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

ให้จำเลยและบริวารของจำเลย ออกไปจากเขตป่าสงวนแห่งชาติที่เกิดเหตุภายใน 30 วัน นับแต่คดีถึงที่สุด ค่าฤชาธรรมเนียมในคดีส่วนแพ่งให้เป็นพับ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ไม่มีผู้ใดอุทธรณ์ คดีถึงที่สุดแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่