[CR] No.144 Best Regards to All (2023) : ขอให้โชกดีย์ มีความโศก By Japanese Film Festival 2025


- โดยรวมจัดว่าต่อยอดจากหนังสั้นเรื่องเดียวกันอย่าง Best Wishes to all (2022) ได้ดี ดูค่อนข้างง่าย แม้การขยายสเกลจากหนังสั้นเป็นหนังยาวจะทำให้คิดถึงเรื่อง Lights Out (2016) หรือตัวบทที่ว่าตัวละครกลับไปเยี่ยมปู่ย่าต่างถิ่นหลังจากไม่ได้กลับไปหาหลายปีก็ทำให้คิดถึงเรื่อง The Visit (2015) ผสมอยู่เช่นกัน แต่ในแง่ของจังหวะ Jump Scared หรือปมที่ปูมาบางอย่างยังกั๊กเป็นปริศนาธรรม ทั้งที่สภาพภายในบ้านมันเอื้อให้เกิดการตอบสนองต่อสิ่งเร้าอย่างขีดสุด ซึ่งเป็นอย่างนี้ตั้งแต่ตอนเป็นหนังสั้น เนื่องด้วยการให้บรรยากาศนำทางตามสไตล์การเล่าของหนังญี่ปุ่นที่เราทราบแก่ใจอยู่แล้วว่าต้องเจอ แต่ทำไงได้มันคุมสติไม่ได้ทุกทีจึงเผลอวูบไปช่วงที่นางเอกกำลังยืนบนทางเดินโล่ง ๆ ในบ้านที่ปกคลุมด้วยความมืด ทั้งที่เวลาของหนังไม่ได้ยาวมากขนาดนั้น

- ขณะดูเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างแต่ภาพรวมตลอดเวลา 1 ชั่วโมง 29 นาที ยังคงยึดตามโครงที่วางไว้ ไม่ว่าจะเป็นตัวบทก็ดี , ตัวบ้านเจ้าปัญหาก็ดี หรือ จังหวะปล่อยไก่แบบจะโคนยังคงเดินตามรอยเวอร์ชั่นต้นฉบับเช่นเคย นอกนั้นจะมีเพิ่มเข้ามาอย่างเช่น พ่อแม่และน้องชายของนางเอกที่โผล่มาหลังจากนางเอกเจอการรับน้องเบื้องต้นของปู่กับย่าสุดหลอน , ตัวเพื่อนชายสมัยเรียนปรากฎในขณะที่นางเอกกำลังช่วยเด็กโดนรังแกตรงข้างทางหรือกระทั่งฉากย้อนวัยด้วยภาพ Flashback เพื่อเพิ่มเวลาและชยายเส้นเรื่องให้มี Activity อะไรทำมากกว่าสาสะวนกับเรื่องไม่ปกติในบ้านเจ้าปัญหาที่มีสภาพไม่ต่างกับสถานที่ปิดตุย


- โอเคว่าแรก ๆ ก็พอใจที่ได้เห็นสิ่งใหม่ ๆ ที่เพิ่มเข้าว่ามีความต่างจากเดิมแต่พอเจอฉากอื่นสำทับในเวลาต่อมา ไม่ว่าจะปมของตัวเพื่อนชายที่เริ่มจะมีบทบาทจนแทรกแซงพื้นที่ในส่วนของนางเอก หรือ ตอนเจอสาวใหญ่ในป่า จนเส้นเรื่องค่อย ๆ ขยายตามจนเริ่มออกทะเลว่าใส่ไปทำไม ? ทั้งที่เวอร์ชั่นเดิมมันเล่าแค่ใน way Safe Zone คือ ถ้าเล่าแบบนี้ดูเข้าท่ากว่า ดีที่ตัว สัญญะ มีความน่าสนใจแถมช่วยให้เรื่องมีประเด็นสลับซับซ้อนจนเกิดการตั้งคำถามเป็นระยะว่าทำไมนางเอกไม่ตัดสินทำอย่างนี้ไปวะ ? จะทนอยู่ให้คนในบ้านรุมกินโต๊ะทางความคิดจนเสียสุขภาพจิตไปทำไม ? แบบนี้ ถึงไม่ได้เข้าใจในสิ่งที่ตัวผู้กำกับสื่อมาทั้งหมดแต่เมื่อสัมผัสมันกลับจี้เส้นความรู้สึกจนพะอืดพะอมอยากจะอ้วกเมื่อได้ยินคำว่า  ความสุข จากปากตัวละครทุกครั้งที่เอ่ยหรือแสดง

- ถึงฉากสยองจัดไม่เยอะและไปไม่สุดอย่างสาแก่ใจแต่มาทีเสียวเอาเรื่องจนเผลอตกใจโดยเฉพาะฉากที่มีเลือดสีแดงพุ่งออกมาจะ ๆ ในแต่ละรูปแบบกระทั่งบทสรุปที่จบ way นี้ก็ทำให้คิดถึงหนังสุดเหวอที่ดูมาอย่าง Suspiria (2018) , Saint Maud (2019) และ Midsommar (2019) อยู่ไม่ได้ว่ามันจิตระดับน้อง ๆ เหมือนกัน ถึงวิธีการทำจะใช้วิธี manual แบบหนังยุคก่อนจนดูออกว่าประดิษฐ์แต่พอได้เห็นแล้วคิดภาพตามก็ไม่ปฏิเสธว่ามันสมจริงอยู่เช่นกัน แม้จะไม่ทราบถึงที่มาแน่ชัดเลยว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ครอบครัวสุขสันต์ถึงมีพฤติกรรมไม่เต็มบาทจนยากจะรักษาแต่สัญญะที่ปรากฎก็พอทดแทนจุดด้อยแบบแถไถไปตามลมว่ามันสะท้อนในเชิงสังคมจิตวิทยาว่าด้วยค่านิยมเรื่องการเลี้ยงดูในครอบครัวกับแนวคิดในเรื่องจารีตถึงความต่างทาง Generation Gap ที่ยังมีการกดทับเสียดสีบูลลี่ในเชิงเปรียบเทียบบนฐานบุญคุณที่ฝังรากมานานในสังคมเอเชียให้เกิดการยอมรับในส่วนรวมโดยใช้ใจความว่า ความสุข เป็นที่ตั้งได้น่าสนใจ ถึงสิ่งที่ทำจะย้อนแย้งกับความรู้สึกแต่ปากบอกว่าโอเคนั่นแหล่ะคือการ ยิ้ม 

ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ : EMistique
ชื่อสินค้า:   Review By EMistique
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่