เครดิตแหล่งข่าว/เจ้าของบทความโดยเพจหมอเจด
นายแพทย์เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา 
https://www.komchadluek.net/kom-lifestyle/health/598423

นายแพทย์เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้ออกมาเปิดเผยผ่านเพจ “หมอเจด“ ระบุว่า.....

ถ้าใครตามผมมาก็น่าจะพอรู้ว่าผมเคยหนัก 110 กิโล ซึ่งแน่นอนว่าโรคก็ตามมากับน้ำหนักนะ ทั้งเบาหวาน ไขมัน รวมถึงความดัน ซึ่งเชื่อว่าหลายคนเจอปัญหาแบบนี้นะคือรู้สึกว่าไม่ว่าจะลองวิธีไหนก็ยังไม่ดีขึ้น ลองมาดู 5 วิธีที่ผมใช้จริงและได้ผล ช่วยให้ความดันลดลงจนแทบไม่ต้องพึ่งยา  แถมสุขภาพโดยรวมก็ดีขึ้นด้วย 5 วิธีมีอะไรบ้างมาดูกัน

1. ควบคุมปริมาณโซเดียมในอาหาร 

ทุกคนรู้กันดีว่า “กินเค็มทำให้ความดันขึ้น” แต่เคยสงสัยไหมว่า เราก็ไม่ได้กินเค็มขนาดนั้น แล้วทำไมความดันยังสูงอยู่
จริงๆ แล้ว โซเดียม ไม่ได้มาจากแค่เกลือที่เราปรุงอาหาร แต่มันแฝงอยู่ในอาหารแทบทุกชนิด โดยเฉพาะพวก อาหารแปรรูป น้ำซุปสำเร็จรูป อาหารหมักดอง ขนมกรุบกรอบ และแม้แต่น้ำจิ้มต่างๆ บางอย่างรสชาติอาจจะไม่ได้เค็มจัด แต่แฝงไปด้วยโซเดียมเพียบ เพราะมีการเติมน้ำตาลให้รสกลมกล่อมจนเรารู้สึกว่าไม่เค็ม

เลี่ยงอาหารแปรรูป และอาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น ไส้กรอก บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และซอสต่างๆ เพราะฉะนั้นอ่านฉลากโภชนาการก่อนซื้ออาหาร ให้เลือกที่มีโซเดียมน้อย ใช้เครื่องปรุงรสที่โซเดียมต่ำ เช่น เกลือหิมาลัย หรือซีอิ๊วสูตรลดเกลือ

2. ลดน้ำหนักแม้เพียง 5-10% ก็ช่วยได้มาก

น้ำหนักตัวก็มีผลต่อความดันนะ ถ้าลดน้ำหนักลงเพียง 5-10% ของน้ำหนักตัว ความดันก็สามารถลดลงได้ ผมเองเคยหนัก 110 กิโลกรัม แล้วพยายามลดน้ำหนักลงให้เหลือ 99 กิโลกรัม แค่ 10 กิโล ความดันก็ลดจาก 140/90 เหลือประมาณ 120/80 แถมยังรู้สึกสดชื่นขึ้นมาก หัวใจก็เต้นช้าลง และไม่เหนื่อยง่าย  เพราะฉะนั้นลองตั้งเป้าลดน้ำหนัก เดือนละ 2-3 กิโลกรัม ไม่ต้องเร่งรีบ แต่ให้ทำต่อเนื่องที่สำคัญปรับอาหารให้เป็นแนว คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ลดแป้งขัดสี น้ำตาล และเพิ่มโปรตีนดีๆ
 
3. ออกกำลังกายให้มากขึ้น

ออกกำลังกายไม่ใช่แค่เพื่อให้ผอม แต่ช่วยให้ความดันโลหิตลดลงได้จริง แค่เราออกกำลังกาย อย่าผมก็ไม่ได้ออกจริงจังทุกวันนะ ก็มีบางวันที่เดินเร็ววันละ 40-45 นาที ความดันก็ค่อยๆ ลดลงแบบเห็นได้ชัดการออกกำลังกายช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว ลดแรงต้านของเส้นเลือด ทำให้หัวใจไม่ต้องทำงานหนัก แต่ฝากนิดนึงว่าอย่าออกกำลังกายหนักเกินไปในช่วงแรก เพราะอาจทำให้ความดันพุ่งได้
 
4. ลดความเครียดและนอนให้เพียงพอ

ความเครียดและการนอนไม่พอ เป็นตัวกระตุ้นให้ความดันสูงขึ้น เพราะเมื่อเราเครียด ร่างกายจะหลั่ง ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) และอะดรีนาลีน (Adrenaline) ทำให้หัวใจเต้นเร็ว หลอดเลือดหดตัว และความดันพุ่งสูงขึ้นเพราะฉะนั้นพยายามนอนให้ได้วันละ 6-8 ชั่วโมง และ ทำสมาธิ ฝึกหายใจลึกๆ ฟังเพลงสบายๆ ให้จิตใจสงบบ่อยๆ อย่าลืมหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์หรือจอคอมพิวเตอร์ก่อนนอน เพราะแสงสีฟ้าจะรบกวนการหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนินที่ช่วยให้หลับสนิท
 
5. เลิกบุหรี่และงดแอลกอฮอล์ 

มีคนบอกว่า “ดื่มไวน์แดงวันละแก้วดีต่อหัวใจ” อันนี้อาจจะจริงสำหรับคนที่สุขภาพดีอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณเป็นคนที่มีความดันโลหิตสูงควรงดเด็ดขาดบุหรี่และแอลกอฮอล์ทำให้หลอดเลือดหดตัว เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด การงดสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ความดันโลหิตลดลงเร็วขึ้น ถ้าสูบบุหรี่ ให้เลิกทันที เพราะสารนิโคตินทำให้เส้นเลือดตีบและแข็งตัวเร็วขึ้น ลดแอลกอฮอล์แบบ ศูนย์เลย ไม่ใช่แค่ลดลงนิดหน่อย
 
ถ้าคุณทำได้ครบ 5 ข้อนี้ ภายใน 3 เดือน คุณจะเห็นผลชัดเจน ความดันจะลดลง และบางคนอาจไม่ต้องใช้ยาลดความดันอีกเลย แต่ก็อย่าไปเลิกกินยาเองนะ อันนั้นอันตราย ถ้าอยากให้ความดันดีขึ้น สำคัญคือ ต้องทำให้เป็นนิสัย ไม่ใช่แค่ทำช่วงสั้นๆ แล้วเลิก สุขภาพดีไม่ได้เกิดจากการพึ่งยาเพียงอย่างเดียว แต่มันเป็นผลจาก พฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราด้วย ใครที่ความดันสูงอย่ารอให้เป็นหนัก